การศึกษาต้องตามลำดับ
การศึกษาพระธรรมให้เข้าใจนั้น ต้องศึกษาตามลำดับ โดยเริ่มจากการฟัง การฟังด้วยดีนั้นย่อมเกิดปัญญา ถ้าไม่มีการฟังธรรมเป็นเบื้องต้นว่า สิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏขณะนี้เป็นธรรมะ ปัญญาที่เกิดจากการพิจารณาไตร่ตรองสิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏย่อมมีไม่ได้ แล้วก็ไม่มีโอกาสที่ปัญญาจะเจริญขึ้นถึงขั้นภาวนา จนรู้แจ้งอริยสัจจธรรม
ถ้าขาดปัญญาแล้วก็ไม่ใช่มรรคมีองค์ ๘ และก็ไม่ใช่หนทางเลย เพราะฉะนั้น หนทางการอบรมเจริญอริยมรรคมีองค์ ๘ หรือการอบรมเจริญสติปัฏฐานนั่นเอง ก็คือการอบรมความเข้าใจถูกความเห็นถูกในสิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏขณะนี้ ซึ่งจะนำไปสู่ปฏิบัติและปฏิเวธ ความเข้าใจ ซึ่งก็คือ ปัญญานั้นจะเกิดขึ้นได้ก็ต้องโดยลำดับ เริ่มจาก ปัญญาที่เกิดจากการฟัง ปัญญาเกิดจากการพิจารณา และปัญญาที่เกิดจากการภาวนา
....ขออนุโมทนาค่ะ..
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
เป็นอย่างพี่เมตตากล่าวไว้ครับ การศึกษาพระธรรม ต้องเป็นไปตามลำดับ ซึ่งพระพุทธเจ้าก็ได้ตรัสไว้ในคณกโมคคัลลาณสูตร ซึ่งพราหมณ์ได้ถามพระพุทธเจ้าว่า
แม้วิชาทางโลกที่หม่อมฉันเรียนกันก็ยังศึกษาไปตามลำดับ แม้การสร้างบ้าน สร้างเรือน ก็ต้องสร้างไปตามลำดับเริ่มจากชั้นที่หนึ่งก่อนถึงไปชั้นสอง แล้วศาสนาของพระองค์ พระธรรมวินัยของพระองค์ย่อมศึกษาไปตามลำดับหรือ ซึ่งพระพุทธเจ้าก็ได้ตรัสตอบว่า อย่างนั้น ศาสนาของเราก็ต้องศึกษาไปตามลำดับเช่นกัน
การศึกษาพระธรรมของพระพุทธเจ้า (ปริยัติ) อันเป็นไปเพื่อถึงการรู้ความจริงของสภาพธรรม (ปฏิบัติ) และถึงการดับกิเลสเพราะรู้ตามความเป็นจริง (ปฏิเวธ) ดังนั้น ต้องเริ่มจากความเข้าใจขั้นการฟังก่อนครับ แต่ไม่ใช่เป็นการจำชื่อเรื่องราว แต่เข้าใจว่าธรรมคืออะไร เมื่อเข้าใจว่าธรรมคืออะไรก็อาศัยการฟังพระธรรมต่อไปในส่วนต่างๆ เพื่อให้ถึงการรู้ความจริงที่เป็นธรรมที่มีจริงในขณะนี้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เราครับ ดังนั้นต้องเริ่มจากความเห็นถูกขั้นการฟังเป็นลำดับแรก หากเข้าใจผิดหรือยังไม่มีความเข้าใจแล้ว ก็จะไปปฏิบัตินั่นไม่ถูกต้องเพราะไม่ใช่การศึกษาเป็นลำดับครับ ขออนุโมทนาครับ
อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
"ปราสาท ๗ ชั้น ไม่สามารถสร้างให้เสร็จในวันเดียว ฉันใด จะให้ปัญญาเจริญสมบูรณ์เต็มที่ในเวลาอันรวดเร็ว ย่อมเป็นไปไม่ได้ ฉันนั้น" การที่ปัญญาจะเจริญขึ้น มากขึ้นได้ ก็ต้องเริ่มจากการฟัง การศึกษาไปตามลำดับ เข้าใจในสิ่งที่กำลังฟัง กำลังศึกษา ค่อยๆ สะสมไปทีละเล็กทีละน้อย ปัญญาเป็นพืชที่โตช้ามาก ต้องอาศัยศรัทธาเห็นประโยชน์ของความเข้าใจพระธรรม ไม่ขาดการฟังพระธรรม ซึ่งจะเห็นได้ว่า พระอริยสาวกทั้งหลายในอดีตอาศัยการศึกษาปริยัติธรรม (พระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า) แล้วจึงถึงความเป็นพระอริยบุคคล จะไม่มีใครแม้แต่คนเดียวซึ่งกล่าวว่า ปัญญาที่ได้มาที่ได้เข้าใจลักษณะของสภาพธรรม ที่สามารถประจักษ์แจ้งลักษณะของสภาพธรรมนั้น ไม่ได้เกิดจากการฟังพระธรรม ย่อมไม่สามารถที่จะกล่าวอย่างนี้ได้ เพราะปัญญาความเข้าใจถูกเห็นถูก ต้องเริ่มที่การฟังพระธรรมในแนวทางที่ถูกต้องอย่างแท้จริง พุทธบริษัทในยุคนี้สมัยนี้ จึงควรมีพระอริยบุคคลในอดีตเป็นแบบอย่างที่ดี ดำเนินตามทางที่ถูกต้อง ด้วยการฟังพระธรรม สะสมปัญญาไปตามลำดับ ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของพี่เมตตาและทุกๆ ท่านครับ...
"..ความเข้าใจ ซึ่งก็คือ ปัญญานั้น จะเกิดขึ้นได้ก็ต้องโดยลำดับ เริ่มจาก ปัญญาที่เกิดจากการฟัง ปัญญาเกิดจากการพิจารณา และปัญญาที่เกิดจากการภาวนา.."
"..ปัญญาเป็นพืชที่โตช้ามาก ต้องอาศัยศรัทธาเห็นประโยชน์ของความเข้าใจพระธรรม ไม่ขาดการฟังพระธรรม.."
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของพี่เมตตา คุณผเดิม อ.คำปั่น และทุกท่านค่ะ
พระธรรมที่ทรงแสดงไว้มากมายนั้น ก็เพื่อให้ผู้ศึกษารู้จริงในสิ่งที่กำลัง ปรากฎในขณะนี้ (ไม่ใช่ขณะอื่น) ซึ่งความรู้จริงนี้จะไม่มีทางเกิดขึ้นได้เลย หากไม่เริ่ม ด้วยความเข้าใจจริงๆ ในสิ่งที่กำลังอ่านหรือกำลังฟังอยู่ในขณะนี้ การศึกษาธรรมต้องเป็นไปตามลำดับ ไม่ว่าใครบุคคลใด สมัยไหนเริ่มจากปัญญาขั้น การฟัง ขั้นพิจารณา ขั้นภาวนา (สติปัฏฐาน) ต้องเป็นไปตามลำดับเสมอ
ขออนุโมทนาค่ะ"...การศึกษาพระธรรมให้เข้าใจนั้น ต้องศึกษาตามลำดับ โดยเริ่มจากการฟัง การฟังด้วยดีนั้นย่อมเกิดปัญญา ถ้าไม่มีการฟังธรรมเป็นเบื้องต้นว่า สิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏขณะนี้เป็นธรรมะ ปัญญาที่เกิดจากการพิจารณาไตร่ตรองสิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏย่อมมีไม่ได้..."
และ
"...พระธรรมที่ทรงแสดงไว้มากมายนั้น ก็เพื่อให้ผู้ศึกษารู้จริงในสิ่งที่กำลังปรากฎ ในขณะนี้ (ไม่ใช่ขณะอื่น) ..."
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ