การศึกษาต้องตามลำดับ

 
เมตตา
วันที่  24 พ.ค. 2554
หมายเลข  18410
อ่าน  2,744

การศึกษาพระธรรมให้เข้าใจนั้น ต้องศึกษาตามลำดับ โดยเริ่มจากการฟัง การฟังด้วยดีนั้นย่อมเกิดปัญญา ถ้าไม่มีการฟังธรรมเป็นเบื้องต้นว่า สิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏขณะนี้เป็นธรรมะ ปัญญาที่เกิดจากการพิจารณาไตร่ตรองสิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏย่อมมีไม่ได้ แล้วก็ไม่มีโอกาสที่ปัญญาจะเจริญขึ้นถึงขั้นภาวนา จนรู้แจ้งอริยสัจจธรรม

ถ้าขาดปัญญาแล้วก็ไม่ใช่มรรคมีองค์ ๘ และก็ไม่ใช่หนทางเลย เพราะฉะนั้น หนทางการอบรมเจริญอริยมรรคมีองค์ ๘ หรือการอบรมเจริญสติปัฏฐานนั่นเอง ก็คือการอบรมความเข้าใจถูกความเห็นถูกในสิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏขณะนี้ ซึ่งจะนำไปสู่ปฏิบัติและปฏิเวธ ความเข้าใจ ซึ่งก็คือ ปัญญานั้นจะเกิดขึ้นได้ก็ต้องโดยลำดับ เริ่มจาก ปัญญาที่เกิดจากการฟัง ปัญญาเกิดจากการพิจารณา และปัญญาที่เกิดจากการภาวนา

....ขออนุโมทนาค่ะ..


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 25 พ.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

เป็นอย่างพี่เมตตากล่าวไว้ครับ การศึกษาพระธรรม ต้องเป็นไปตามลำดับ ซึ่งพระพุทธเจ้าก็ได้ตรัสไว้ในคณกโมคคัลลาณสูตร ซึ่งพราหมณ์ได้ถามพระพุทธเจ้าว่า

แม้วิชาทางโลกที่หม่อมฉันเรียนกันก็ยังศึกษาไปตามลำดับ แม้การสร้างบ้าน สร้างเรือน ก็ต้องสร้างไปตามลำดับเริ่มจากชั้นที่หนึ่งก่อนถึงไปชั้นสอง แล้วศาสนาของพระองค์ พระธรรมวินัยของพระองค์ย่อมศึกษาไปตามลำดับหรือ ซึ่งพระพุทธเจ้าก็ได้ตรัสตอบว่า อย่างนั้น ศาสนาของเราก็ต้องศึกษาไปตามลำดับเช่นกัน

การศึกษาพระธรรมของพระพุทธเจ้า (ปริยัติ) อันเป็นไปเพื่อถึงการรู้ความจริงของสภาพธรรม (ปฏิบัติ) และถึงการดับกิเลสเพราะรู้ตามความเป็นจริง (ปฏิเวธ) ดังนั้น ต้องเริ่มจากความเข้าใจขั้นการฟังก่อนครับ แต่ไม่ใช่เป็นการจำชื่อเรื่องราว แต่เข้าใจว่าธรรมคืออะไร เมื่อเข้าใจว่าธรรมคืออะไรก็อาศัยการฟังพระธรรมต่อไปในส่วนต่างๆ เพื่อให้ถึงการรู้ความจริงที่เป็นธรรมที่มีจริงในขณะนี้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เราครับ ดังนั้นต้องเริ่มจากความเห็นถูกขั้นการฟังเป็นลำดับแรก หากเข้าใจผิดหรือยังไม่มีความเข้าใจแล้ว ก็จะไปปฏิบัตินั่นไม่ถูกต้องเพราะไม่ใช่การศึกษาเป็นลำดับครับ ขออนุโมทนาครับ

อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 25 พ.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

"ปราสาท ๗ ชั้น ไม่สามารถสร้างให้เสร็จในวันเดียว ฉันใด จะให้ปัญญาเจริญสมบูรณ์เต็มที่ในเวลาอันรวดเร็ว ย่อมเป็นไปไม่ได้ ฉันนั้น" การที่ปัญญาจะเจริญขึ้น มากขึ้นได้ ก็ต้องเริ่มจากการฟัง การศึกษาไปตามลำดับ เข้าใจในสิ่งที่กำลังฟัง กำลังศึกษา ค่อยๆ สะสมไปทีละเล็กทีละน้อย ปัญญาเป็นพืชที่โตช้ามาก ต้องอาศัยศรัทธาเห็นประโยชน์ของความเข้าใจพระธรรม ไม่ขาดการฟังพระธรรม ซึ่งจะเห็นได้ว่า พระอริยสาวกทั้งหลายในอดีตอาศัยการศึกษาปริยัติธรรม (พระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า) แล้วจึงถึงความเป็นพระอริยบุคคล จะไม่มีใครแม้แต่คนเดียวซึ่งกล่าวว่า ปัญญาที่ได้มาที่ได้เข้าใจลักษณะของสภาพธรรม ที่สามารถประจักษ์แจ้งลักษณะของสภาพธรรมนั้น ไม่ได้เกิดจากการฟังพระธรรม ย่อมไม่สามารถที่จะกล่าวอย่างนี้ได้ เพราะปัญญาความเข้าใจถูกเห็นถูก ต้องเริ่มที่การฟังพระธรรมในแนวทางที่ถูกต้องอย่างแท้จริง พุทธบริษัทในยุคนี้สมัยนี้ จึงควรมีพระอริยบุคคลในอดีตเป็นแบบอย่างที่ดี ดำเนินตามทางที่ถูกต้อง ด้วยการฟังพระธรรม สะสมปัญญาไปตามลำดับ ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของพี่เมตตาและทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
จักรกฤษณ์
วันที่ 25 พ.ค. 2554

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
bsomsuda
วันที่ 26 พ.ค. 2554

"..ความเข้าใจ ซึ่งก็คือ ปัญญานั้น จะเกิดขึ้นได้ก็ต้องโดยลำดับ เริ่มจาก ปัญญาที่เกิดจากการฟัง ปัญญาเกิดจากการพิจารณา และปัญญาที่เกิดจากการภาวนา.."

"..ปัญญาเป็นพืชที่โตช้ามาก ต้องอาศัยศรัทธาเห็นประโยชน์ของความเข้าใจพระธรรม ไม่ขาดการฟังพระธรรม.."

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของพี่เมตตา คุณผเดิม อ.คำปั่น และทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 26 พ.ค. 2554

พระธรรมที่ทรงแสดงไว้มากมายนั้น ก็เพื่อให้ผู้ศึกษารู้จริงในสิ่งที่กำลัง ปรากฎในขณะนี้ (ไม่ใช่ขณะอื่น) ซึ่งความรู้จริงนี้จะไม่มีทางเกิดขึ้นได้เลย หากไม่เริ่ม ด้วยความเข้าใจจริงๆ ในสิ่งที่กำลังอ่านหรือกำลังฟังอยู่ในขณะนี้ การศึกษาธรรมต้องเป็นไปตามลำดับ ไม่ว่าใครบุคคลใด สมัยไหนเริ่มจากปัญญาขั้น การฟัง ขั้นพิจารณา ขั้นภาวนา (สติปัฏฐาน) ต้องเป็นไปตามลำดับเสมอ

ขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 26 พ.ค. 2554

"...การศึกษาพระธรรมให้เข้าใจนั้น ต้องศึกษาตามลำดับ โดยเริ่มจากการฟัง การฟังด้วยดีนั้นย่อมเกิดปัญญา ถ้าไม่มีการฟังธรรมเป็นเบื้องต้นว่า สิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏขณะนี้เป็นธรรมะ ปัญญาที่เกิดจากการพิจารณาไตร่ตรองสิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏย่อมมีไม่ได้..."

และ

"...พระธรรมที่ทรงแสดงไว้มากมายนั้น ก็เพื่อให้ผู้ศึกษารู้จริงในสิ่งที่กำลังปรากฎ ในขณะนี้ (ไม่ใช่ขณะอื่น) ..."

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
pamali
วันที่ 26 พ.ค. 2554
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
Yongyod
วันที่ 27 พ.ค. 2554
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
raynu.p
วันที่ 28 พ.ค. 2554
กราบอนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
orawan.c
วันที่ 7 ส.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
Raphassit
วันที่ 8 ต.ค. 2557

เพิ่งเข้ามาอ่าน ขออนุโมทนาครับ ขอบคุณครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
ms.pimpaka
วันที่ 30 มี.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
chatchai.k
วันที่ 24 ต.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
Sea
วันที่ 6 มี.ค. 2565

ขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ