กำจัดกิเลส

 
เมตตา
วันที่  31 พ.ค. 2554
หมายเลข  18458
อ่าน  2,529

กิเลสของแต่ละบุคคลที่ได้สะสมไว้แตกต่างกัน เป็นเหตุให้อกุศลต่างๆ เกิดขึ้น

เป็นไปในชีวิตประจำวันน่ารังเกียจวิจิตรต่างๆ กันไป บางคนเห็นแต่อกุศลของผู้อื่น

เพ่งเล็งเพ่งโทษแต่อกุศลผู้อื่น ไม่เคยเห็นกิเลสอกุศลของตนเองเลย แล้วทำให้จิต

ของตนเองเศร้าหมองยิ่งขึ้น อกุศลของผู้อื่นช่างน่ารังเกียจเหลือเกิน แต่ของตนเอง

กลับไม่เคยเห็นเลย การกำจัดกิเลสนั้นไม่ใช่ว่าจะไปกำจัดกิเลสของผู้อื่น แต่ควร

ที่จะกำจัดกิเลสที่เป็นของเน่าเหม็นที่อยู่ภายในใจของตนเอง แล้วจะกำจัดกิเลส

ของตนได้อย่างไร ถ้าไม่รู้จักกิเลส ก็ไม่สามารถกำจัดกิเลสได้ ปัญญาเท่านั้นที่

จะกำจัดได้ ปัญญาเท่านั้นที่จะรู้จักกิเลสตามความเป็นจริง จึงต้องอาศัยการฟัง

พระธรรม ศึกษาพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง การอบรมเจริญปัญญา

เป็นหนทางเดียวที่จะดับกิเลส และกำจัดกิเลสได้ในที่สุด...

ขออนุโมทนาค่ะ..


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 31 พ.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔- หน้าที่ 4

โทษของบุคคลเหล่าอื่นเห็นได้ง่าย ฝ่าย

โทษของตนเห็นได้ยาก เพราะว่าบุคคลนั้น ย่อมโปรย

โทษของบุคคลอันเหมือนบุคคลโปรยแกลบ แต่ว่า

ย่อมปกปิดโทษของตน เหมือนพรานนกปกปิดอัตภาพ

ด้วยเครื่องปกปิดฉะนั้น.

----------------------------------------------------------------

อาสวะทั้งหลายย่อมเจริญแก่บุคคลนั้น ผู้

คอยดูโทษของบุคคลอื่น ผู้มีความมุ่งหมายในอันยก

โทษเป็นนิตย์ บุคคลนั้นเป็นผู้ไกลจากความสิ้นไป

แห่งอาสวะ.

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 31 พ.ค. 2554

"... การอบรมเจริญปัญญา

เป็นหนทางเดียวที่จะดับกิเลส และกำจัดกิเลสได้ในที่สุด..."ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของพี่เมตตาด้วยครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 1 มิ.ย. 2554

การศึกษาพระธรรมทำให้รู้จักกิเลสมากขึ้น..ยิ่งรู้จักมากยิ่งเห็นว่ากิเลสเป็นสิ่งน่ารังเกียจควรขจัดเป็นอย่างยิ่ง..ความเข้าใจพระธรรมเล็กๆ น้อยๆ ในระยะแรกจึงพยายามทีจะหาหนทางเพื่อขจัดกิเลสโดยเร็วต่อเมื่อศึกษาพระธรรมไปเรือยๆ จะรู้ได้ว่าไม่มีหนทางดังกล่าวเพราะปัญญาเท่านั้นที่จะขจัดกิเลสได้และการสะสมปัญญาต้องเริ่มทีละเล็กน้อยเป็นไปตามลำดับเริ่มต้นด้วยการฟัง...และกิเลสของผู้อื่นสามารถรู้ได้แต่ไม่สามารกำจัดได้ยิ่งเพ่งโทษผู้อื่นว่าไม่ดีอย่างไรก็เพิ่มอกุศลขณะที่คิดอย่างนั้น...พระธรรมเป็นสิ่งที่มีจริงพิสูจน์ได้เช่นข้อความที่ว่า....

โทษของบุคคลเหล่าอื่นเห็นได้ง่าย ฝ่าย

โทษของตนเห็นได้ยาก เพราะว่าบุคคลนั้น ย่อมโปรย

โทษของบุคคลอันเหมือนบุคคลโปรยแกลบ แต่ว่า

ย่อมปกปิดโทษของตน เหมือนพรานนกปกปิดอัตภาพ

ด้วยเครื่องปกปิดฉะนั้น.

ขออนุโมทนาคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
สมศรี
วันที่ 1 มิ.ย. 2554
ขอบคุณและอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่าน่ค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
วิริยะ
วันที่ 2 มิ.ย. 2554
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
wannee.s
วันที่ 4 มิ.ย. 2554

บัณฑิตจะแสวงหาโทษของตนเอง เพื่อแก้ไข ส่วนคนพาล ชอบเพ่งโทษคนอื่นค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ