ขอสอบถามท่านผู้รู้

 
จักรกฤช
วันที่  1 มิ.ย. 2554
หมายเลข  18466
อ่าน  3,062

อยากขอท่านผู้รู้แนะนำ หนังสือสำหรับค้นคว้าเรื่องประวัติ วิปัสสนา ครับ ขอบคุณครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 1 มิ.ย. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

หนังสือสำหรับค้นคว้าเรื่องประวัติ วิปัสสนา ไม่มีโดยตรงครับแต่การศึกษาพระไตรปิฎกที่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า ย่อมแสดงถึงความจริงในเรื่องของวิปัสสนาได้เป็นอย่างดี ทั้งในอดีตและปัจจุบันจนถึงอนาคตครับ ขออนุญาตอธิบายประวัติการเจริญวิปัสสนาครับ

ก่อนอื่นต้องเข้าใจคำว่าวิปัสสนา ภาวนาก่อนครับวิ (วิเศษ, แจ้ง ฯ.) + ปสฺสนา (เห็น) + ภาวนา (การอบรม, การ เจริญ) การอบรมเพื่อความเห็นแจ้ง, การเจริญปัญญาเพื่อเห็นอย่างวิเศษ หมายถึง การเจริญปัญญาเพื่อเห็นแจ้งสภาพธรรมตามความเป็นจริงตามลำดับขั้น จากขั้นต้น คือ การอบรมสติปัฏฐาน เป็นการเจริญวิปัสสนาเพื่อเห็นแจ้งลักษณะของนามธรรมและ รูปธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์และเป็นอนัตตาครับ หรือ อีกนัยหนึ่ง ก้คือการเจริญ อบรมทางสายกลางที่เป็นการเจริญอบรมอริยมรรค อันเป็นทางที่ทำให้ สิ้นทุกข์ได้ครับ ก็คือการเจริญวิปัสสนา

สมัยก่อนพุทธกาล

ก่อนการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ยังไม่มีผู้ใดที่สามารถรู้ประจักษ์ ด้วยปัญญาที่เป็นวิปัสสนาภาวนาที่สามารถรู้ด้วยตนเองและสามารถสั่งสอนให้คนอื่น เข้าใจได้ มีแต่การอบรมสมถภาวนาที่เป็นความสงบของจิต จนได้ฌานและไปเกิด เป็นพรหมโลกซึ่งไม่สามารถสิ้นทุกข์ได้ครับ และช่วงที่ว่างพระพุทธศาสนา คือก่อน ที่จะพระพุทธเจ้าจะอุบัติขึ้นหรือเรียกว่าก่อนสมัยพุทธกาล ก็จะมีพระปัจเจกพุทธเจ้า บังเกิดขึ้น ซึ่งตรัสรู้ได้ด้วยพระองค์เอง แต่ไม่สามาถกล่าวสอนบุคคลใด ให้รู้ตามได้ ครับ ซึ่งท่านเองก็ต้องอบรมวิปัสสนา อบรมสติปัฏฐาน หรือ อริยมรรค เพราะเป็นหน ทางเดียวที่ทำให้ดับกิเลสได้ครับ

ดังนั้นก่อนพุทธกาล จึงมีการเจริญวิปัสสนาแต่รู้ได้เฉพาะตน มี พระปัจเจกพุทธเจ้า เป็นต้นและมีการอบรมสมถภาวนาที่ไม่ใช่หนทางพ้นทุกข์ด้วย ช่วงที่ว่างพระพุทธ ศาสนา จึงเป็นช่วงเวลาที่มืด ที่เหล่าสัตว์เต็มไปด้วยความไม่รู้และไม่มีใครที่จะสามารถ สอนให้เข้าใจในหนทางที่ถูกที่เป็นวิปัสสนาในสมัยนั้นครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 1 มิ.ย. 2554

สมัยพุทธกาล

คือสมัยที่พระพุทธเจ้าอุบัติขึ้น อุบัติขึ้นก็เมื่อคืน วันเพ็ญ เดือน 6 ที่ ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ในยามแรกคือ หกโมงเย็น ถึง สี่ทุ่ม ทรงระลึกชาติได้ การระลึกชาติ ได้ด้วยการอบรมสมถภาวนา ในขณะนั้นจึงไม่ใช่การเจริญวิปัสสนา ในมัชฌิมยามแห่ง ราตรี คือ สี่ทุ่ม ถึง ตี 2 ทรงเห็นสัตว์เกิดสัตว์ตาย ก็ด้วยการอบรมสมถภาวนา ไม่ใช่ วิปัสสนาภาวนา และระหว่าง ตี 2 ถึงใกล้รุ่ง พระองค์ทรงเจริญวิปัสสนา พิจารณา ปฏิจจสมุปบาท บรรลุเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยพระองค์เองด้วยการเจริญวิปัสสนา ภาวนาครับ เพราะเป็นหนทางเดียวที่จะดับกิเลส

ดังนั้นการเจริญวิปัสสนาจึงเริ่มเกิดขึ้น มีขึ้น เมื่อคราวที่พระองค์ทรงตรัสรู้ในยามสุด ท้ายครับและพระองค์ก็ทรงสั่งสอนเหล่าสาวกให้เจริญวิปัสสนาภาวนา หรือ สติปัฏฐาน ตั้งแต่ครั้งแรกคือที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ที่แสดงกับพระปัญจวัคคีย์ ทรงแสดงทาง สายกลาง คือ อริยมรรค มีองค์ 8 ก็คือปัญญาที่รู้ความจริงของสภาพธรรมที่ไม่เที่ยง เป็นทุกข์และเป็นอนัตตา เป็นการเจริญวิปัสสนานั่นเองครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
paderm
วันที่ 1 มิ.ย. 2554

สมัยหลังพุทธกาล

(ก่อนพุทธกาล ก่อนพระพุทธเจ้าอุบัติก็ได้) ก็คือหลังจากพระพุทธ ศาสนาอันตรธานไปแล้วก็จะเป็นช่วงเวลาที่โลกมืดอีกครั้ง เพราะไม่มีแสงสว่างคือ ปัญญาที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้และทรงแสดงเรื่องวิปัสสนา อันเป็นหทางพ้นทุกข์ครับ สัตว์โลกก็จะมากไปด้วยความเห็นผิด ความไม่รู้และไม่มีผู้กล่าวสอนเรื่องการเจริญ วิปัสสนาเลย มีแต่ผู้ที่เจริญวิปัสสนาบรลุได้ด้วยพระองค์เองคือพระปัจเจกพุทธเจ้าครับ

พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ 421

ครั้นสหัมบดีพรหมกล่าวดังนี้แล้ว จึงกล่าวคาถาประพันธ์ต่อไปดังนี้ว่า

แต่ก่อนในแคว้นมคธ ได้ปรากฏมีธรรมที่ไม่บริสุทธิ์

ซึ่งชนพวกที่มีมลทินคิดกัน ไว้ ขอพระองค์โปรดทรงเปิดประตูอมฤตนครเถิด ขอสัตว์ทั้งหลาย จงสดับธรรมที่ พระองค์ผู้ทรงหมดมลทินตรัสรู้

อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
khampan.a
วันที่ 1 มิ.ย. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

การอบรมเจริญปัญญาที่จะเข้าใจสภาพธรรมที่มีจริงๆ นั้น มีเฉพาะในพระพุทธ-ศาสนาเท่านั้น ไม่ได้มีในคำสอนอื่น ศาสดาอื่น (เช่น เจ้าลัทธิต่างๆ ) ไม่สามารถจะสอนได้ เพราะศาสดาเหล่านั้นไม่ได้ตรัสรู้ความจริงของสภาพธรรม แต่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เป็นศาสดาเอกของโลก ทรงตรัสรู้ความจริงของสภาพธรรมและทรงแสดงพระธรรมเพื่อให้สัตว์โลกได้เข้าใจตามพระองค์ด้วย พระอริยบุคคลขั้นต่างๆ กล่าวคือ พระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี และพระอรหันต์ มีเฉพาะในพระพุทธศาสนาเท่านั้น พระอริยบุคคลหรือสมณะผู้สงบจากกิเลสในภายนอกพระพุทธศาสนานี้ (คือในคำสอนอื่น) ไม่มี เพราะในคำสอนอื่นไม่มีข้อปฏิบัติเพื่อให้ถึงความเป็นพระอริยบุคคล

จะเห็นได้ว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ทรงเป็นผู้ทรงบอกทางแก่สัตว์โลกว่า ทางที่ถูก ที่เป็นไปเพื่อการรู้แจ้งอริยสัจจธรรม ถึงความเป็นผู้บริสุทธิ์หมดจดจากกิเลส คือ อะไร นั่นก็คือ การอบรมเจริญปัญญา การอบรมเจริญสติปัฏฐาน (ระลึกรู้สภาพธรรมที่กำลังปรากฏ) อบรมเจริญมรรคมีองค์ ๘ มีสัมมาทิฏฐิ เป็นต้น ซึ่งเป็นทางเดียวเท่านั้นจริงๆ ที่จะเป็นไปเพื่อการดับทุกข์หมดจดจากกิเลสได้ในที่สุด ถ้าไม่มีการอุบัติของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ไม่มีการทรงแสดงพระธรรมให้สัตว์โลกได้เข้าใจพระธรรมตามความเป็นจริง แต่เพราะพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงอุบัติขึ้นในโลก (ซึ่งเป็นการอุบัติขึ้นเพื่อเกื้อกูลแก่สัตว์โลกอย่างแท้จริง) ทรงแสดงพระธรรมเพื่้อให้สัตว์โลกผู้ที่ได้สะสมเหตุที่ดี สะสมศรัทธาสะสมปัญญามาแล้วในอดีต ได้ฟังได้ศึกษา เพื่อเข้าใจความจริงอย่างที่พระองค์ทรงเข้าใจ จึงมีผู้ที่ได้รับประโยชน์จากพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดงมากมายนับไม่ถ้วน เป็นพระอริยบุคคลขั้นต่างๆ สูงสุดถึงความเป็นพระอรหันต์ ส่วนผู้ที่ไม่ได้บรรลุธรรมในชาตินั้น ก็สะสมปัญญาเป็นที่พึ่งต่อไปในภายหน้า จนกว่าจะถึงความเจริญสมบูรณ์พร้อมของปัญญาในที่สุด

ขณะนี้ เวลานี้ยังเป็นช่วงเวลาที่พระธรรมคำสอนยังดำรงอยู่ แต่ละคนแต่ละท่านก็ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ มีอวัยวะครบทุกส่วน พร้อมที่จะรองรับพระธรรม สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูก (สัมมาทิฏฐิ) ได้ ก็ควรที่จะได้ศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม อบรมเจริญปัญญา เพื่อรู้สภาพธรรม คือ นามธรรมและรูปธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง ต่อไป เพราะ เวลาของแต่ละบุคคล เหลือน้อยเต็มทีแล้ว ไม่รู้ว่าโอกาสที่จะได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ในชาิตินี้ จะสิ้นสุดลงเมื่อใด ครับ.

... ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ ...

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
จักรกฤช
วันที่ 2 มิ.ย. 2554

ขอขอบคุณที่กรุณาได้ชี้แนะพอได้รู้แจ้งขึ้นมาบ้างจะได้นำไปเจริญตามแบบอย่าง

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
วิริยะ
วันที่ 2 มิ.ย. 2554
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
WS202398
วันที่ 2 มิ.ย. 2554

พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เล่ม ๒ ภาค ๒ - หน้าที่ 209 (ฉบับอรรถกถา)

มหาสติปัฏฐานสูตร

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
Yongyod
วันที่ 2 มิ.ย. 2554
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
wannee.s
วันที่ 4 มิ.ย. 2554

ต้องศึกษาธรรมพื้นฐานเบื้องต้นก่อน ให้เข้าใจก่อน ก่อนที่จะเข้าใจเรื่องวิปัสสนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
orawan.c
วันที่ 20 มิ.ย. 2554
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
นาวาเอกทองย้อย
วันที่ 20 มิ.ย. 2554

อ่านคำตอบแล้วเจริญปัญญาดีมากครับ ขอร่วมอนุโมทนาด้วยครับ

แล้วก็ขออนุญาตถามเป็นความรู้อีกหน่อยครับว่า พระปัจเจกพุทธเจ้านั้นท่านก็ ต้องเจริญวิปัสสนาจึงจะเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าได้ เพียงแต่ท่านไม่ได้ประกาศตั้งพระ พุทธศาสนาเหมือนพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น กระผมสงสัยว่า เมื่อท่านรู้วิธีเจริญ วิปัสสนา ท่านจะไม่บอกไม่สอนวิธีนั้นให้แก่เพื่อนมนุษย์อื่นๆ เพื่อให้นำไปปฏิบัติจน สำเร็จมรรคผลเหมือนตัวท่านเองบ้างเลยหรือครับ หมายความว่าเวลาพบญาติโยม ท่านก็จะคุยธรรมะไม่เกินระดับสมถภาวนาเท่านั้น จะไม่คุยไม่สอนเรื่องวิปัสสนาเลย อย่างนั้นหรือ ข้อเท็จจริงน่าจะเป็นอย่างไรครับ

ขอบพระคุณที่จะกรุณาชี้แนะหลักความรู้ที่ถูกต้องครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
paderm
วันที่ 20 มิ.ย. 2554

เรียนความเห็นที่ 11 ครับ

พระปัจเจกพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ธรรมจริงครับ แต่ท่านไม่มีปัญญาที่สามารถจะบัญญัติ ศัพท์ที่จะอธิบายให้ผู้อื่นเข้าใจว่า สภาพธรรมนี้เรียกว่าจิตเห็น จักขุวิญญาณ สภาพ ธรรมนี้บัญญัติเรียกว่าสติปัฏฐาน อันเป็นหนทางทางดับกิเลส ดังนั้นท่านประจักษ์ ธรรม แต่ไม่มีปัญญาดังเช่นพระพุทธเจ้าที่ทรงฉลาดในธรรมทั้งปวงที่สามารถบัญญัติ ชื่อสภาพธรรมต่างๆ เพื่อสอนให้หมู่สัตว์ได้เข้าใจตามพระองค์ครับ พระปัจเจกพุทธเจ้า ก็เหมือนกับพรานป่าที่ได้ลิ้มรสอาหาร แต่ไม่รู้จักเครื่องปรุงว่ามีอะไรบ้าง จะเรียกเครื่อง ปรุงนั้นว่าอะไรครับและจะเรียกรสชาตินั้นให้ถูกต้องด้วยศัพท์ว่าอะไร พรานป่าจึงไม่ สามารถสอนในสิ่งที่ตัวเองรู้รสชาติของกับข้าวนั้นได้ครับ จึงเป็นการรู้เฉพาะตน ไม่ สามารถสอนผู้อื่นได้นั่นเอง

ขอนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
นาวาเอกทองย้อย
วันที่ 21 มิ.ย. 2554

สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
ใหญ่ราชบุรี
วันที่ 17 ส.ค. 2557

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ

ด้วยความเคารพยิ่ง จาก ใหญ่ราชบุรี – ธิดารัตน์ เดื่อมขันมณี

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ