โพธิปักขิยธรรม (ธรรมที่ให้ไปสู่นิพาน)
โพธิปักขิยธรรม มีธรรมอยู่ ๗ หมวด (ที่เรียนถามเพราะ ไม่ได้อยากไปนิพพาน ก็ยังไม่รู้จักนิพพาน แต่รู้จักเพียง ไม่ต้องกลับมาเกิดอีก)
ทุกคนก็ต้องมีเป้าหมายเพื่อศึกษาฯ นะครับ
หัวข้อธรรมนี้ สำหรับผู้เริ่มศึกษาพระธรรม และ ยังไม่เข้าใจสภาวธรรม ที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ก็ยังไม่ควรศึกษาใช่ไหมครับ เพราะถึงรู้ก็คงเพียงรู้พยัญชนะ แต่ไม่เข้าใจ อรรถ และ องค์ของ หัวข้อธรรมนี้อีก ซึ่งละเอียดนะครับ นอกจากคำว่า ให้ศึกษาด้วยการฟัง และ การสนทนา แล้ว จะแนะนำให้พอทราบแนวทางการศึกษา (หมายถึงหัวข้อน่ะครับ) หัวข้อธรรมใดก่อน ที่จะเริ่มศึกษา หรือจะเริ่มจาก เรื่องทาน ศีล หรือ ไปที่การเจริญปัญญา เลยครับ คือ จะใช้คำพูด หรือ จะบอกให้ผู้ใหม่ มีจุดหมายที่จะเริ่มศึกษาฯ นะครับ
* * * ฟังมาสองสามปี พอจะชักชวนช่วยคนอื่น จะใช้คำ ก็ไปไม่เป็นซะแล้วครับ * * *
ขอบพระคุณมากครับ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
โพธิปักขิยธรรม คือ ธรรมที่เป็นฝักฝ่ายการตรัสรู้ ประกอบด้วยธรรม ๓๗ ประการ ได้แก่ สติปัฏฐาน ๔ สัมมัปปธาน ๔ อิทธิบาท ๔ อินทรีย์ ๕ พละ ๕ โพชฌงค์ ๗ อริยมรรค ๘
ก็คงต้องเรียนย้ำและซ้ำอีกครับว่า การจะถึง โพธิปักขิยธรรม ก่อนจะถึงสติปัฏฐาน ๔ เป็นต้น ก็ต้องเริ่มจากการฟังพระธรรมให้เข้าใจ เข้าใจในเรื่องของสภาพธรรมที่มีจริง ในขณะนี้ เริ่มจากคำว่าธรรมคืออะไร สะสมการฟังไปเรื่อยๆ ในหนทางที่ถูก ปัญญาจะ ค่อยๆ เจริญขึ้นทีละน้อย ทีละน้อยนิดนะครับ ไม่ใช่มาก ดังนั้น กว่าจะไปถึงปัญญาที่มากก็ต้องอาศัยกาลเวลายาวนาน ไม่ใช่ชาติ ๒ ชาติ แสนชาติ แต่เป็นชาติที่นับไม่ได้ เพราะพระธรรมที่พระองค์ทรงตรัสรู้ ยาก ลึกซึ้ง กว่าจะตรัสรู้ พระองค์ก็ต้องบำเพ็ญพระบารมีนับชาติไม่ได้เช่นกัน เมื่อพระองค์ทรงตรัสรู้แล้ว ทรงพิจารณาธรรมที่พระองค์ทรงตรัสรู้ เมื่อครั้งตรสัรู้ได้ ๗ สัปดาห์ ว่าพระธรรมที่พระองค์ตรัสรู้ ยาก ลึกซึ้ง อันหมู่สัตว์ที่มากไปด้วยความไม่รู้ ยากที่จะเข้าใจได้ ถึงกับน้อมพระทัยที่จะไม่แสดงพระธรรม นั่นแสดงให้เห็นถึงความยากของการตรัสรู้ อันเป็นโพธิปักขิยธรรม ธรรมอันเป็นฝักฝ่าย แห่งการตรัสรู้ครับ
ดังนั้น ต้องเริ่มจากเบื้องต้นคือฟังพระธรรมไปเรื่อยๆ ครับ
ถ้าบอกทำสติปัฏฐาน ให้ทำอิทธิบาท บอกสั่งได้ แต่จิตที่ไม่มีปัญญาขั้นนั้นจะเป็นไปตามคำสั่งหรือไม่ครับ ไม่ครับ เพราะธรรมเป็นอนัตตาและต้องมีเหตุปัจจัยพอที่จะทำให้ถึงธรรมที่เป็นการตรัสรู้ได้ครับ เพราฉะนั้นยังอีกยาวไกลมากเลยครับ เพียงแต่ว่าธรรมต้องเป็นเรื่องที่อดทน ถ้าไม่อดทนก็จะพยายามหาทางอื่นที่ถึงเร็วๆ เพราะทนไม่ได้ เพราะโลภะต้องการผลให้เห็นร็วๆ นั่นเองครับ แต่หนทางนี้ยาก ใช้เวลา จึงควรพิจารณาว่า ควรเริ่มจากเหตุที่ถูกไปเรื่อยๆ คือฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม โดยเฉพาะในเรื่องของสภาพธรรม มีธรรมคืออะไร ครับ ดังนั้นเมื่อปัญญาเจริญขึ้น ปัญญา จะทำหน้าที่เอง รู้ลักษณะของสภาพธรรมตามความเป็นจริงในขณะนี้ ว่าเป็นธรรม ไม่ใช่เรา ขณะนั้น กำลังอบรมสติปัฏฐาน ขณะนั้น กำลังอบรมเพื่อไปถึงความเป็นพละ อินทรีย์ โพชฌงค์และอริยมรรคครับ
ดังนั้น หนทาง คือ ฟังพระธรรมต่อไป ปัญญาจะทำหน้าที่ปรุงแต่งให้ไปถึงการตรัสรู้เอง ครับ อดทนด้วยการฟังพระธรรม
ขออนุโมทนา
อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ชีวิตประจำวัน อกุศลมีมากมายเหลือเกิน ซึ่งเป็นอย่างนี้มานานแล้วในสังสารวัฏฏ์ แต่สำหรับผู้ที่สะสมกุศลแม้เพียงเล็กๆ น้อยๆ (โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือ การสะสมปัญญา) แต่สะสมไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมีกำลัง วันหนึ่งก็ย่อมสามารถที่จะประจักษ์แจ้งลักษณะของสภาพธรรมตามความเป็นจริงได้ เพราะจะหาความเจริญสมบูรณ์พร้อมของปัญญาได้จากที่ไหน ถ้าไม่เริ่มตั้งแต่ขั้นต้น ด้วยการฟัง ด้วยการศึกษาพระธรรม ศึกษาในสิ่งที่มีจริง เพื่อเข้าใจถูก เห็นถูก ตามความเป็นจริง ซึ่งจะเห็นได้ว่าองค์ธรรมที่เป็นไปในฝักฝ่ายของการตรัสรู้นั้น ไม่ขาดปัญญาเลย ไม่ว่าจะเป็นหมวดใดก็ตาม
ในขั้นต้นนี้ จะต้องศึกษาเรื่องของธรรมโดยละเอียด ทั้งที่เป็นอกุศลและทั้งที่เป็นกุศล รวมถึงสภาพธรรมอื่นๆ ที่กำลังปรากฏในชีวิตประจำวัน เพื่อรู้ตามความเป็นจริงเพื่อละคลายความไม่รู้ที่สะสมมาอย่างเนิ่นนานในสังสารวัฏฏ์ และประการที่สำคัญ การที่ดำเนินไปถึงซึ่งความบริบูรณ์ของโพธิปักขิยธรรม ต้องเป็นผู้มีความเข้าใจพระธรรม โดยเริ่มจากความเป็นผู้ใคร่ที่จะฟัง ที่จะศึกษาพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงไว้ดีแล้ว นั่นเอง
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขออนุโมทนาในคำอรรถถาธิบาย ให้มีการสนใจที่จะฟังพระธรรมเพื่อความเข้าใจในเบื้องต้นเสียก่อน ซึ่งสำคัญมากสำหรับคนที่เกิดมาในยุคสมัยนี้ และพระสัจจธรรมยังคงดำรงอยู่ค่ะ
กราบขอบพระคุณอย่างสูง และ อนุโมทนาใจดีดีที่อนุเคราะห์
สำหรับคำแนะนำของพี่ผเดิม, คุณคำปั่น
อนุโมทนา กะ พี่พรรณี และทั้งสองท่านด้วยครับ ที่อนุโมทนาบุญนะครับ ถ้าอย่างนั้น ผมก็ขอสะสมบุญกิริยา ๑๐ ไปให้มากๆ เพื่อให้เป็นนิสัย ถึงจะผสมความเป็นตัวตนบ้าง ก็ต้องสะสมอยู่ดี
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ธรรมะ คือสิ่งที่มีอยู่จริง ... สิ่งที่มีอยู่จริง เกิดตามเหตุปัจจัยเลือกไม่ได้ว่าอะไรเกิดก่อนและเกิดหลัง ... เช่น ทาน ศีล ภาวนา ... ถ้าเป็นคำค้นหาความหมายของคำ (เรียนคำ) สามารถเลือกได้ว่าจะศึกษาคำไหนก่อนคำไหนหลัง ... แต่การเข้าใจสภาพธรรมะคือสิ่งที่มีอยู่จริง ได้แก่ ทาน ศีล หรือภาวนา ต้องขณะที่เกิด (เลือกให้ทาน ศีล ภาวนา ... เกิดก่อน เกิดหลังไม่ได้) จึงสามารถเข้าใจสภาพและคำนั้นๆ จริงๆ ... ความเข้าใจที่เริ่มต้นด้วยการฟังธรรมะจะเป็นสิ่งปรุงแต่งให้เข้าใจสภาพธรรมนั้นในขณะที่เกิด จึงเรียกว่าศึกษาธรรมะที่เรียกว่าปริยัติที่จะนำไปสู่การปฏิบัติได้ ... และรู้เข้าใจ ... โพธิปักขิยธรรม
เริ่มต้น ศึกษาธรรมะ อ่านธรมะ ฟังธรรม พิจารณาธรรม คบกับบัณฑิต ผู้ที่มีความรู้ เช่น ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ เพื่ออบรม เจริญปัญญา ค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ