เจโตปริจจสูตร

 
SOAMUSA
วันที่  16 มิ.ย. 2554
หมายเลข  18563
อ่าน  1,894

เจโตปริจจสูตร

ว่าด้วยการกำหนดรู้ใจผู้อื่น

[๑๒๘๙] ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย อนึ่ง เราย่อมกำหนดรู้ใจของสัตว์อื่น ของบุคคลอื่นด้วย

ใจ คือ จิตมีราคะก็รู้ว่า จิตมีราคะ ฯลฯ จิตหลุดพ้นก็รู้ว่า จิตหลุดพ้น เพราะได้เจริญได้

กระทำให้มาก ซึ่งสติปัฏฐาน ๔ เหล่านี้.

จบ สูตรที่ ๔

ดิฉันขอรบกวนท่านผู้รู้อธิบายความหมายของพระสูตรนี้ด้วยค่ะกราบขอบพระคุณค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 16 มิ.ย. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย จากข้อความในพระสูตรที่ได้ยกมานั้น เป็นเรื่องของท่านพระอนุรุทธะ ซึ่งเป็นสูตร

ที่ต่อเนื่องกันมา ซึ่งสูตรก่อนหน้านี้ พระภิกษุมากรูปด้วยกันได้เข้าไปถามพระอนุรุทธะ

ว่าท่านได้มหาอภิญญา คือ อภิญญา 6 เพราะกระทำให้มากด้วยอะไร ท่านพระอนุรุทธะ

ท่านได้ตอบภิกษุทั้งหลายว่า กระผมทำให้มากซึ่งสติปัฏฐาน 4 คือ พิจาณาเห็นกายใน

กาย...เพราะกระทำให้มากซึ่งสติปัฏฐาน 4 ทำให้กระผมได้ มหาอภิญญา คือ อภิญญา

6 อันเป็นความรู้อันยอดยิ่ง

ซึ่งอภิญญา 6 ก็มีหลายประการ สูตรก่อนหน้านี้ก็จะไล่มาแต่ละอภิญญาแต่ละข้อ

เช่น แสดงฤทธิ์ได้เพราะเจริญสติปัฏฐาน 4 จนมาถึงสูตรนี้ เจโตปริจจสูตร ซึ่งท่าน

พระอนุรุทธะ แสดงว่า ท่านสามารถรู้ใจผู้อื่นได้ (เจโตปริยญาณ) ก็ด้วยการเจริญสติ

ปัฏฐาน 4 นั่นเองครับ ซึ่งการรู้ใจของผู้อื่นก็รู้ด้วยกำลังอภิญญา รู้ตามความเป็นจริง

ว่าบุคคลนั้น จิตมีโลภะอยู่ จิตมีโทสะอยู่ หรือจิตผู้นั้นไม่มีกิเลสแล้ว จิตผู้นั้นหลุด

พ้นจากกิเลสแล้วครับ รู้ตามความเป็นจริง ดังตัวอย่าง พระมหาโมคคัลลานะ ท่านรู้จิต

ของภิกษุทุศีล ที่เข้ามาประชุมในสงฆ์ ในโรงอุโบสถ ท่านรู้ว่าจิตของพระรูปนี้เป็น

อย่างไร ไม่มีศีลแล้ว ท่านจึงจับภิกษุรูปนี้ออกจากโรงอุโบสสถ เพราะการประชุมกับ

ภิกษุผู้ทุศีลย่อมไม่ควรครับ นี่คือเจโตปริยญาณ การรู้จิตของผู้อื่นด้วยอภิญญาครับ

ซึ่งการเจริญสติปัฏฐาน 4 อันเป็นหนทางเดียวในการดับกิเลส เมื่อเจริญให้มากย่อมถึง

การดับกิเลสได้ และผู้ที่อบรมฌานมาด้วยก็ย่อมทำให้ถึงอภิญญา 6

อภิญญา 6 ก็มีความรู้ที่ทำให้อาสวะกิเลสถึงความสิ้นไป และเจโตปริยญาณ คือ การ

รู้จิตของผู้อื่นตามความเป็นจริงเป็นต้น ครับ ขออนุโมทนา

เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ... อภิญญา ๖ อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
SOAMUSA
วันที่ 16 มิ.ย. 2554

ขออนุโมทนาในธรรมทานของท่านค่ะ

กราบขอบพระคุณอาจารย์ค่ะ

ดิฉันสงสัยว่าสติปัฏฐานเจริญให้มากเป็นอภิญญาได้ด้วยเหรอค่ะ

ดิฉันไม่เคยทราบมาก่อน คิดว่า เป็นเรื่องของฌาน กสิน ถึงได้อภิญญา

ไม่ทราบว่าเจริญสติปัฏฐานแล้วได้อภิญญาด้วยค่ะ

อ่านพอเข้าใจได้บ้างค่ะ แต่ก็ยังงงๆ อยู่เหมือนกันค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
SOAMUSA
วันที่ 16 มิ.ย. 2554

กระทำกายในกาย ก็จัดเป็นอานาปานสติ เหมือนกรรมฐาน ก็ได้อภิญญา

ก็เหมือนการทำฌาน นั่นเองใช่มั้ยค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
paderm
วันที่ 16 มิ.ย. 2554

เรียนความเห็นที่ 2 ครับ จากคำถามที่ว่าขออนุโมทนาในธรรมทานของท่านค่ะ กราบขอบพระคุณอาจารย์ค่ะ

ดิฉันสงสัยว่าสติปัฏฐานเจริญให้มากเป็นอภิญญาได้ด้วยเหรอค่ะ ดิฉันไม่เคยทราบมา

ก่อน คิดว่า เป็นเรื่องของฌาน กสิน ถึงได้อภิญญา ไม่ทราบว่าเจริญสติปัฏฐานแล้วได้

อภิญญาด้วยค่ะ อ่านพอเข้าใจได้บ้างค่ะ แต่ก็ยังงงๆ อยู่เหมือนกันค่ะ

------------------------------------------------------------------

เรียนอย่างนี้ครับ อภิญญา มีทั้งที่เป็นโลกียะ ที่เป็นอภิญญา 5 และที่ เป็นมหา

อภิญญาที่เป็นอภิญญา 6 สำหรับในพระสูตรข้างต้น ซึ่งสืบเนื่องจากพระสูตรก่อนๆ

ภิกษุมากรูปเข้ามาถามท่านพระอนุรุทธะ ท่านอบรมอะไรจึงได้เป็นผู้ถึง มหาอภิญญา

คือ อภิญญา 6 ท่านอนุรุทธะตอบว่าอบรมสติปัฏฐาน ซึ่งความแตกต่างของอภิญญา 5

และอภิญญา 6 ที่เป็นมหาอภิญญา ตามที่ท่านพระอนุรุทธะท่านได้อภิญญา 6 คือ

อภิญญา 5 ไม่สามารถดับกิเลสได้ ไม่ใช่มหาอภิญญา แต่มหาอภิญญาหรือ อภิญญา 6

สามารถดับกิเลสได้ด้วย ได้ฤทธิ์ด้วย ซึ่งมี อาสวักขยญาณนั่นเองในอภิญญา 6 ครับ

ซึ่งการอบรมสมถภาวนาอย่างเดียว ได้เพียงอภิญญา 5 แต่การอบรมเจริญสติปัฏฐาน

สามารถทำให้ถึง อภิญญา 6 ดับกิเลสได้ คือ ถึงอาสวักขยญาณครับ อันเป็นปัญญา

ความรู้ที่ดับกิเลสได้ ดังนั้นการอบรมสติปัฏฐาน 4 จึงสามารถึงอภิญญา 6 อันเป็นมหา

อภิญญา พร้อมๆ กับการเจริญสมถภาวนาด้วยครับ ถ้าไม่มีการเจริญสติปัฏฐาน 4 ก็ไม่มี

ทางดับกิเลสได้ ไม่ถึงอาสวักขยญาณ อภิญญา 6 แต่ก็เป็นที่เข้าใจว่า จะได้อภิญญา

ด้วยก็ต้องอบรมสมถภาวนาควบคู่กันไปครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
paderm
วันที่ 16 มิ.ย. 2554

เรียนความเห็นที่ 3 ครับ จากคำถามที่ว่ากระทำกายในกาย ก็จัดเป็นอานาปานสติ เหมือนกรรมฐาน ก็ได้อภิญญาก็เหมือนการ

ทำฌาน นั่นเองใช่มั้ยค่ะ

-----------------------------------------------------------------------------

การเจริญ อานาปานสติ มีทั้งเป็นสมถภาวนาและ วิปัสสนา ดังนั้นถ้าเป็นอานาปานสติ

ที่เป็นสมถภาวนา สามารถได้อภิญญาได้ครับ แต่เป็นโลกียะอภิญญา ที่เป็นเพียง

อภิญญา 5 ไม่สามารถดับกิเลสได้ครับ แต่อานาปานสติที่เป็นแบบวิปัสสนา สามารถ

เจริญได้จนถึงการดับกิเลส และก็อบรมสมถภาวนาด้วยก็สามารถถึงอภิญญา 6 และดับ

กิเลสได้ครับ ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
wannee.s
วันที่ 17 มิ.ย. 2554

เพียงแค่เจริญสติปัฏฐานเกิด ก็แสนยาก ยุคนี้สมัยนี้ ที่จะได้อภิญญาไม่มีค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
SOAMUSA
วันที่ 18 มิ.ย. 2554

ตอนนี้ได้เข้าใจมากขึ้นค่ะ

ตอนนี้คนแอบอ้างมีอภิญญาเยอะค่ะ

กราบขอบพระคุณธรรมทานจากทุกๆ ท่านค่ะ

ขออนุโมทนาบุญค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ