ญาณที่ 4 คือ อุทยัพพยญาณ
ญาณที่ 4 คือ อุทยัพพยญาณ รู้การเกิดดับอย่างชัดเจน จะเกิดขึ้นตอนไหน เกิดได้อย่างไร
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย ขณะนี้มีสภาพธรรมที่กำลังเกิดขึ้นและดับไป ขณะที่ฟังหรือได้ยินอะไรสักอย่าง
ขณะนั้นก็มีเห็นด้วย ซึ่งในความเป็นจริงสภาพธรรมเกิดขึ้นและดับไป ขณะที่ได้ยิน
ขณะนั้นจะต้องไม่เห็นเพราะเป็นขณะที่ได้ยินเท่านั้น ต่อเมื่อจิตได้ยินหรือขณะที่ได้ยิน
เสียงดับไป จิตอื่นๆ เกิดต่อ จึงเห็นได้ครับ แต่ในขณะนี้ ขณะที่กำลังได้ยิน ก็เห็นด้วย
เห็นไมได้ดับไปเลย นี่แสดงให้เห็นถึงการเกิดดับอย่างรวดเร็วของสภาพธรรมทีเกิด
ดับสืบต่อกัน ทำให้เหมือนเห็นและได้ยินพร้อมกัน เห็นไม่ได้ดับไปเลยในขณะที่ได้ยิน
ทั้งๆ ที่ความจริงแล้ว ขณะทีได้ยิน จิตได้ยินเกิดขึ้น ขณะนั้นต้องไม่เห็นครับจะต้องเป็น
โลกที่มืด แต่ก็ยังสว่างอยู่แม้ได้ยินเพราะความรวดเร็วของจิตที่เกิดดับ ซึ่งปัญญาไม่ได้
รู้ความจริงของสภาพธรรมที่เกิดขึ้นและดับไปนั่นเองครับ
หลอดไฟ ที่กำลังเห็นอยู่ว่าสว่างนิ่ง แต่ในความเป็นจริงแล้ว แสงหลอดไฟมีการ
กระพริบอย่างรวดเร็ว ด้วยความรวดเร็วนี้เองที่ทำให้ตาเปล่าของเราเองไม่สามารถ
เห็นว่า มันกำลังกระพริบอยู่อย่างรวเดเร็ว ด้วยความรวดเร็วของการกระพริบ ทำให้ดูว่า
ไฟนิ่ง ไม่กระพริบดับไปเลยครับ แต่หากมีเครื่องมือที่สามารถตรวจจับความเร็วได้ก็
ย่อมเห็นการกระพริบสลับกันของแสงหลอดไฟครับ จิตก็เช่นกัน เกิดดับอยู่ตลอดเวลา
แต่ไม่เห็นเลยเพราะความไม่รู้ แต่ปัญญาเท่านั้นที่จะเห็นตามความเป็นจริงของการ
เกิดดับครับ ธูป เมื่อจุดไฟ แล้วลองแกว่งก้านธูปเร็วๆ จะเห็นว่าเป็นวงกลม เพราะ
ความสืบต่อ อย่างรวดเร็วของการหมุน จิตก็เช่นกัน มีการเกิดดับ แต่เกิดดับอย่างรวด
เร็วจึงเห็นว่าเที่ยง ไม่เกิดดับเลยในขณะนี้ครับ
วิปัสสนาญาณขั้นที่ ๔ ซึ่งเป็น อุทยัพพยญาณ ประจักษ์การเกิดขึ้นและดับไปของ
นามธรรมและรูปธรรมแต่ละประเภทอย่างชัดเจน ซึ่งอุทยัพพยญาณจะเกิดขึ้นได้
เมื่อปัญญาที่พิจารณาลักษณะของนามธรรมและรูปธรรมได้ทั่วทั้ง 6 ทางสมบูรณ์แล้ว
ตราบใดที่สติปัฏฐานยังไม่ระลึกรู้ลักษณะของนามธรรมและรูปธรรมได้ชัดเจนทั่วทั้ง 6
ทวารอุทยัพพยญาณก็ไม่มีปัจจัยที่จะเกิดได้เลย ซึ่งก่อนจะถึงวิปัสสนาญาณขั้นที่ 4
ก็ต้องผ่านวิปัสสนาญาณขั้น ต้นมาก่อน และเจริญสติปัฏฐานทั่วทั้ง 6 ทวารตามที่
กล่าวมา ดังนั้นจึงเป็นเรื่องไกลมากและการเห็นการเกิดดับก็ไม่ใช่เรื่องการคิดพิจารณา
เป็นเรื่องราว แต่เห็นถึงสภาพธรรมที่เกิดดับจริงๆ ซึ่งกว่าจะไปถึงตรงนั้น สำคัญคือ
อบรมเหตุที่ถูกต้องคือการฟังพระธรรมให้เข้าใจเป็นเบื้องต้นว่า ธรรมคืออะไร หากไม่
เข้าใจตัวธรรมแล้ว ก็ไม่มีทางถึงการเห็นการเกิดดับได้ เพราะอะไรที่เกิดดับก็คือ ธรรม
ที่เป็นนามธรรมและรูปธรรม ดังนั้นก็ต้องเข้าใจตัวธรรมที่มีในขณะนี้เสียก่อนครับว่าเป็น
ธรรมไม่ใช่เรา เริ่มจากปัญญาขั้นต้นครับ ขออนุโมทนา เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ ปัญญาในการพิจารณาเห็นความแปรปรวนแห่งธรรม [อุทยัพพยญาณ] วิปัสสนาญาณที่ ๔ -- อุทยัพพยญาณ
อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ถ้าไม่มีความเข้าใจถูกในลักษณะธรรมะ ที่มีจริง ที่กำลังปรากฎ แต่ละอย่าง แต่ละทาง การ
ที่ปัญญาจะรู้การเกิดและดับไปของธรรมะที่กำลังปรากฎก็ในขณะนี้ ก็มีไม่ได้ ดังนั้นต้องเริ่ม
จากการฟังพระธรรมที่ทรงแสดงสภาพธรรมะที่มีจริง ไตร่ตรองเนื้อความแห่งธรรมะ จนกว่า
จะเป็นปัจจัยให้ปัญญาเจริญขึ้น มีความเห็นถูกในลักษณะธรรมะที่กำลังปรากฎในขณะนี้
เพราะธรรมะเป็นสิ่งที่มีจริง ในชีวิตประจำวันจึงไม่พ้นจากรูปธรรมที่ไม่รู้อารมณ์กับนามธรรม
ที่รู้อารมณ์
ก่อนอื่นต้องรู้จักธรรมะก่อน ถ้าไม่รู้จักธรรมะ ก็ได้แต่ชื่อ รู้คำ รู้อะไรมากมาย
แต่ไม่เข้าใจธรรมะเลย เรื่องวิปัสสนาญาณที่ 4 เป็นเรื่องที่ไกลไป เพียงแค่
วิัปัสสนาญาณที่ 1 ในสังสารวัฏฏ์ก็เกิดแสนยาก ค่ะ
ถ้าเกิดว่า บุคคลใดบุคคลบหนึ่งมี ประสบการณ์ โดยที่ขณะ มีสติระลึกรุ้เสียง ภาพทางตา และ ความรู้สึกต่างๆ ทางกาย รวมถึง ทางความคิด จะหายไปเลย เสมือนโลกทั้งโลกมี เพียงเสียอย่างเดียว ใช่หรือไม่ครับ และการเกิดดังกล่าวจะเกิดรวมเร็วมาก ราวกับกระพิบตา ถ้า ใช่แสดง่วา ผุ้ที่มีประสบการณ์ ดังกลว่าก็เข้าสู่เขตของ ญาณที่ 4 ใช่หรือไม่ครับ และนอกจากนี้ ประสบการณ์ ดังกล่าวนี้ จะต้องเกิดขึ้นทุกครั้ง ที่มีสติระลึกรู้หรือไม่ หรือ เกิดบ้างไม่เกิดบ้าง
เรียนความเห็นที่ 5 ครับ
การรู้ลักษณะของสภาพธรรมทีละอย่าง ที่เป็นสติปัฏฐาน ขณะนั้นที่สติปัฏฐานเกิด
ขณะนั้นมีลักษณะของสภาพธรรมให้รู้เท่านั้น ไม่มีอย่างอื่น มีเพียงอย่างเดียวคือ ธรรม
ไม่มีสัตว์ บุคคลในขณะนั้น ขณะนั้นเป็นปัญญาที่รู้จริงในลักษณะของสภาพธรรมแต่ละ
อย่างว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา นี่คือเป็นเพียงปัญญาที่เป็นสติปัฏฐาน ดังนั้นตามที่ความคิด
เห็นที่ 5 กล่าวมานั้นก็เป็นเพียงปัญญาเบื้องต้นเท่านั้นครับ ยังเป็นเรื่องไกลมากๆ ใน
เรื่องการประจักษ์การเกิดดับที่เป็นวิปัสสนาญาณที่ 4 ครับ ขออนุโมทนา
ผมชอบแนวทางเจริญสติปัฏฐานที่ท่านใดบอกว่าไม่ใช่จะถึงเฉพาะ สภาพธรรมะกันได้โดยง่าย เพราะสิ่งใดที่ได้มาอย่างง่ายๆ มักจะไม่ใช่ของแท้ (ยิ่งในยุคสมัยนี้) ก็ขออนุโมทนาครับ
ผมชอบแนวทางเจริญสติปัฏฐานที่ท่านใดบอกว่าไม่ใช่จะถึงเฉพาะ สภาพธรรมะกันได้โดยง่าย เพราะสิ่งใดที่ได้มาอย่างง่ายๆ มักจะไม่ใช่ของแท้ (ยิ่งในยุคสมัยนี้) ก็ขออนุโมทนาครับ
กด like ให้ค่ะ
เพราะ "ความจริง" มีปรากฎให้รู้ได้อยู่ตลอดเวลา แต่ที่ไม่รู้เพราะ....ขาดปัญญาค่ะ