ทุกบารมีเกื้อกูลต่อการรู้แจ้งอริยสัจจธรรม

 
เมตตา
วันที่  25 มิ.ย. 2554
หมายเลข  18609
อ่าน  1,414

การอบรมเจริญสติปัฏฐานเป็นหนทางเดียวที่จะถึงการบรรลุอริยสัจจธรรม แต่คน สมัยนี้มุ่งแต่จะเจริญสติปัฏฐานโดยขาดความเข้าใจในหนทางจริงๆ ว่า สติปัฏฐานนั้น ไม่ใช่เกิดได้ด้วยความเป็นตัวตนที่จะไประลึกสภาพธรรม เพราะนั่นไม่ใช่กุศล แต่เป็นอกุศลเป็นความต้องการของตนเอง ในชีวิตประจำวันนั้นอกุศลเกิดมากกว่ากุศลมาก แค่ตื่นลืมตาขึ้นมาก็ติดข้องในรูปแล้ว แม้แต่ทานการให้ บางครั้งก็ยังไม่อาจสละได้ จะเห็นได้ว่าในวันหนึ่งๆ นั้นกุศลเกิดน้อยมาก และยิ่งเป็นกุศลที่ประกอบด้วยปัญญาก็ ยิ่งเกิดยากเพราะปัจจัยที่ทำให้กุศลที่ประกอบด้วยปัญญายังน้อยมาก

ผู้ที่อบรมเจริญ สติปัฏฐานจึงควรตระหนักว่า จะมุ่งแต่อบรมเจริญสติปัฏฐานได้อย่างไร? ขั้นสติปัฏ- ฐานเป็นกุศลที่ประกอบด้วยความเห็นถูกเข้าใจถูกในสภาพธรรมตามความเป็นจริง ซึ่ง ในชีวิตประจำวันเกิดน้อยมากหรือไม่เกิดขึ้นเลย จึงต้องอาศัยบารมีทั้ง ๑๐ บารมีคือ คุณความดีที่จะกั้นอกุศล เพราะฉะนั้นทุกๆ บารมีจึงเป็นบริวารของปัญญาซึ่งก็ต้อง เริ่มจากการฟังพระธรรมให้เข้าใจในสิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏ มีความจริงใจ ตั้งใจมั่น อดทนที่จะเข้าใจความจริง ซึ่งก็คือ ขันติบารมี อธิษฐานบารมี สัจจบารมี

ในชีวิตประจำวันมีความเป็นเพื่อน มีการสละสิ่งของเพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่น กุศลที่ค่อยๆ อบ รมให้มีขึ้น เพื่อกุศลจะได้ค่อยๆ เพิ่มขึ้น เจริญขึ้นแทนอกุศล และไม่ควรประมาทอกุศลเพียงเล็กน้อย ความตระหนี่แม้เล็กน้อยยังไม่ยอมสละสื่งของเพื่อผู้อื่น แล้วจะสละการยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นตัวตนได้อย่างไร

เพราะฉะนั้น ไม่ควรคิดแต่อบรมเจริญ สติปัฏฐานเพียงอย่างเดียว โดยไม่อบรมเจริญบารมี ๑๐

ขออนุโมทนาค่ะ ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
nong
วันที่ 25 มิ.ย. 2554

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
aurasa
วันที่ 25 มิ.ย. 2554
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ เป็นสิ่งที่ควรพิจารณายิ่ง ท่านอจ.สุจินต์ ก็ได้ให้ข้อคิด ความเห็นเช่นนี้มาโดยสม่ำเสมอ ย้ำบ่อยๆ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ ที่นำมาบอกย้ำให้เข้าใจ อย่างมั่นคงขึ้นอีก และขออนุญาตนำข้อความ จากคุณเมตตา เผยแพร่ในรูปแบบต่างๆ ในเฟซบุค อีกครั้งค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
ผิน
วันที่ 25 มิ.ย. 2554

ขอบคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
paderm
วันที่ 25 มิ.ย. 2554

จึงต้องอาศัยบารมีทั้ง ๑๐ บารมีคือ คุณความดีที่จะกั้นอกุศล เพราะฉะนั้นทุกๆ บารมีจึงเป็นบริวารของปัญญาซึ่งก็ต้อง เริ่มจากการฟังพระธรรมให้เข้าใจในสิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏ มีความจริงใจ ตั้งใจมั่น อดทนที่จะเข้าใจความจริง ซึ่งก็คือ ขันติบารมี อธิษฐานบารมี สัจจบารมี

ในชีวิต ประจำวันมีความเป็นเพื่อน มีการสละสิ่งของเพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่น กุศลที่ค่อยๆ อบ รมให้มีขึ้น เพื่อกุศลจะได้ค่อยๆ เพิ่มขึ้น เจริญขึ้นแทนอกุศล และไม่ควรประมาทอกุศลเพียงเล็กน้อย ความตระหนี่แม้เล็กน้อยยังไม่ยอมสละสื่งของเพื่อผู้อื่น แล้วจะสละการยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นตัวตนได้อย่างไร เพราะฉะนั้น ไม่ควรคิดแต่อบรมเจริญ สติปัฏฐานเพียงอย่างเดียว โดยไม่อบรมเจริญบารมี ๑๐

ชัดเจนครับพี่เมตตา ขอบพระคุณที่ทำให้เข้าใจพระธรรมเพิ่มขึ้นครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
khampan.a
วันที่ 25 มิ.ย. 2554

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของพีเมตตาด้วยครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 25 มิ.ย. 2554
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
wirat.k
วันที่ 26 มิ.ย. 2554

... ชีวิตประจำวัน มีความเป็นเพื่อน มีการสละสิ่งของเพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่น กุศลที่ค่อยๆ อบรมให้มีขึ้น เพื่อกุศลจะได้ค่อยๆ เพิ่มขึ้น เจริญขึ้นแทนอกุศล และไม่ควรประมาทอกุศลเพียงเล็กน้อย ความตระหนี่แม้เล็กน้อย ยังไม่ยอมสละสื่งของเพื่อผู้อื่น แล้วจะสละการยึดถือสภาพธรรม ว่าเป็นตัวตนได้อย่างไร

... ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
Sam
วันที่ 26 มิ.ย. 2554

ขอบคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
wannee.s
วันที่ 28 มิ.ย. 2554

ถ้าไม่เจริญกุศลทุกอย่าง หวังเพียงเจริญสติปัฏฐานอย่างเดียว เป็นไปไม่ได้ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
พรรณี
วันที่ 29 มิ.ย. 2554

ขออนุโมทนาในกุศลจิตค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ