ธรรมย่อมชนะอธรรม จริงหรือ?

 
kanchana.c
วันที่  26 มิ.ย. 2554
หมายเลข  18623
อ่าน  3,688

หลายครั้งที่เกิดความรู้สึกไม่สบายใจ ห่วงกังวลในหลายเรื่องโดยเฉพาะเรื่อง

สถานการณ์บ้านเมือง ก็ปลอบใจตัวเองว่า ไม่ต้องห่วง “ธรรมย่อมชนะอธรรม” โดยที่ยัง

ไม่เข้าใจจริงๆ ว่า ธรรมย่อมชนะอธรรมนั้นจะเป็นอย่างไร

เดิมเข้าใจว่า “ธรรม” ที่กล่าวถึง คือ กุศลธรรม หมายถึงคนที่ทำความดี คนดี และ

“อธรรม” คือ อกุศลธรรม หมายถึงผู้ร้าย คนไม่ดี ซึ่งถ้ามีการต่อสู้แข่งขันกันแล้ว คนดี

ต้องชนะ ชนะในที่นี้หมายถึงว่าได้รับลาภ ยศ สุข สรรเสริญ หรือชนะในการแข่งขันต่อสู้

รักษาชีวิตรอดปลอดภัย ได้รับรางวัลที่ต้องการ

ต่อมาเมื่อมีประสบการณ์ชีวิตมากขึ้น ก็เห็นว่าไม่ได้เป็นอย่างนั้น คนไม่ดีทำทุจริตคด

โกงได้รับสิ่งดีๆ มากมายกว่าคนที่ซื่อสัตย์สุจริต อย่างที่เห็นกันทั่วไป เมื่อมาได้ศึกษา

ธรรมมากขึ้น ก็เข้าใจว่า ความดีกับผลดีนั้นเป็นคนละส่วนกัน ความดีที่กระทำในปัจจุบัน

เป็นเหตุที่จะทำให้เกิดผลดีข้างหน้า แต่ผลดีที่ได้รับในปัจจุบันนั้นเป็นเหตุของความดีที่

ได้กระทำไว้แล้วในอดีต (คือที่ผ่านไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องเป็นชาติก่อนๆ ที่ยาวไกล ทำ

เมื่อกี้นี้ก็เป็นอดีตแล้ว) ซึ่งทุกคนในโลกนี้ก็ได้ทำทั้งกุศลและอกุศลในอดีตมาแล้วมาก

มาย เมื่อได้เหตุปัจจัยที่เหมาะสม ผลของกุศลและอกุศลนั้นก็ให้ผลตามสมควรแก่เหตุที่

ได้กระทำไว้แล้ว

ต่อมาเข้าใจมากขึ้น เมื่อได้ทราบว่าทุกอย่างเป็นธรรม ก็รู้ว่าที่เข้าใจว่าเป็นคนดีคนไม่ดี

นั้นไม่ถูกเสียแล้ว ความจริงเป็นเรื่องกุศลธรรมและอกุศลธรรม ซึ่งต่างก็เป็นธรรม เป็นสิ่ง

ที่มีจริง เมื่อกุศลธรรมและอกุศลธรรมเกิดขึ้นก็เป็นเหตุให้ได้รับผล เป็นกุศลวิบากและ

อกุศลวิบากตามควรแก่เหตุนั้นๆ ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใคร เช่น เมื่อมีปัญญา

ความเข้าใจถูกในสภาพธรรมที่เกิดปรากฏตามความเป็นจริง เป็นแสงสว่างดับอวิชชา

คือ ดับความมืดจากความไม่รู้ไม่เข้าใจ และปัญญาซึ่งเป็นกุศล เป็นความดีย่อมชนะ

อวิชชา ซึ่งเป็นอกุศล ความไม่ดีได้

เมื่อวานนี้ (วันเสาร์ที่ 25 มิ.ย. 54) ได้ดูรายการ “บ้านธัมมะ” จากสถานี TNN 2 ก็ทำให้

รู้ว่าที่คิดว่าเข้าใจเรื่องนี้แล้วนั้นก็ยังไม่ถูก เมื่อได้ฟังท่านอาจารย์พูดถึงเรื่อง “ธรรมย่อม

ชนะอธรรม” ว่า ธรรมจะชนะอธรรมได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูธรรมกับอธรรมว่า

เลี้ยงดูอย่างไหนดีกว่ากัน ถ้าเลี้ยงดูธรรมดีกว่า ให้อาหารธรรมมากกว่า ธรรมก็จะมีกำลัง

ชนะอธรรมได้ แต่ถ้าไม่ได้ให้อาหารธรรมมากกว่า อธรรมที่ปกติมีกำลังมากกว่าเพราะมี

อาหารมากกว่านั้น ก็จะชนะอธรรมเสมอ อย่างอยากมีปัญญา แต่ไม่ได้ฟังธรรม ไม่ได้

ศึกษา ไม่ได้พิจารณา ปัญญาก็เกิดไม่ได้ แต่อวิชชานั้นมีอยู่มากเป็นปกติ แล้วยังมี

อาหารของอวิชชามากมายโดยไม่ต้องแสวงหาให้เหน็ดเหนื่อยเลย ไม่ว่าจะเป็นรูป เสียง

กลิ่น รส โผฏฐัพพะที่ปรากฏทำให้เกิดความติดข้อง ต้องการอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น

ปัญญาจะชนะอวิชชาไม่ได้ง่ายๆ เลย

ดังนั้นที่เข้าใจว่า ธรรมย่อมชนะอธรรมนั้น ไม่ใช่อยู่เฉยๆ ก็จะชนะได้ ธรรมก็ต้องมีพี่

เลี้ยงที่คอยบำรุงรักษาให้เติบใหญ่ มีกำลังมากกว่าอีกฝ่าย คือ อธรรมด้วย จึงจะชนะได้


กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ที่ทำให้ได้ยินสิ่งที่ไม่เคยฟัง และทำให้เข้าใจในสิ่งที่

คิดว่าเข้าใจแล้ว แต่จริงๆ แล้วยังไม่เข้าใจเลยด้วยค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
ไตรสรณคมน์
วันที่ 26 มิ.ย. 2554

ท่านอาจารย์ท่านมองธรรมได้อย่างละเอียดลึกซึ้งจริงๆ ค่ะ

ขอกราบอนุโมทนาค่ะ

ชีวิตในแต่ละวัน ของแต่ละคนเป็นบทพิสูจน์ได้ว่า....

"ธรรมชนะอธรรม" รึยัง?

เพราะความคิด การกระทำและคำพูดทั้งหมด

เป็นสิ่งสะท้อนให้เห็นกำลังของ....กุศลและอกุศลค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
Sam
วันที่ 26 มิ.ย. 2554

ขอบคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 27 มิ.ย. 2554
ขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
Jans
วันที่ 27 มิ.ย. 2554
ขอบคุณและขออนุโมทนาคะ
 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
นาวาเอกทองย้อย
วันที่ 27 มิ.ย. 2554

ขออนุญาตตั้งขอสงสัยครับ

ถ้าเอ่ยคำว่า ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม อันนี้เรารู้ว่ามาจากพุทธภาษิตที่ว่า

ธมฺโม หเว รกฺขติ ธมฺมจารึ

แต่คำที่พูดว่า ธรรมย่อมชนะอธรรม นั้นมีพุทธภาษิตยืนยันไว้ หรือว่าเป็นเพียง

คำสรุปของเราเอง?

ถ้ามาจากพุทธภาษิต ก็ต้องไปหาคำอธิบายจากคัมภีร์กันต่อไป แต่ถ้าเป็นคำสรุป

ของเราเอง แน่ใจหรือว่า เราสรุปถูกต้องแล้ว?

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
Noparat
วันที่ 28 มิ.ย. 2554

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
khampan.a
วันที่ 28 มิ.ย. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น เรียน ความคิดเห็นที่ ๖ ครับ ตัวอย่าง ธรรม ชนะ ธรรม [ไม่ใช่ให้ไปชนะผู้อื่น แต่ชนะกิเลสที่มีอยู่ในใจของตนเอง] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ หน้า๔๔๗ พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสพระคาถานี้ว่า “พึงชนะความโกรธ ด้วยความไม่โกรธ พึงชนะความไม่ดี ด้วยความดี พึงชนะความตระหนี่ ด้วยการให้ พึงชนะการมักกล่าวคำเหลาะแหละ ด้วยคำสัตย์ พึงกล่าวคำสัตย์ ไม่พึงโกรธ” (จาก ... พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท) --------------------------------------------

พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง เป็นเครื่องเกื้อกูลสำหรับพุทธบริษัทเพื่อความเจริญขึ้นแห่งกุศลธรรมทั้งหลาย ไม่ใช่เพื่อให้เกิดอกุศล ไม่ใช่เพื่อให้อกุศลธรรมเกิดมากขึ้น ถ้าแต่ละบุคคลมีความคิดว่า “ความไม่ดีที่กำลังมี นั้นเป็นความไม่ดีของเราเอง แล้วจะหมดไปได้ จะชนะได้ ก็ด้วยความดีเกิดขึ้นในขณะนั้น ความดีเท่านั้น ที่จะชนะความไม่ดีได้” ถ้าระลึกได้อย่างนี้ ในขณะนั้นความดีก็จะเกิดทันที เจริญขึ้นทันทีเป็นความเจริญขึ้นแห่งกุศลธรรมอย่างแท้จริง ครับ. ขอเชิญคลิกอ่านข้อความเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ ธรรมชนะอธรรม [ธรรมเทวปุตตชาดก ] พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญขันติธรรม [เวปจิตติสูตร] ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
ผู้ร่วมเดินทาง
วันที่ 28 มิ.ย. 2554

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
สมศรี
วันที่ 1 ก.ค. 2554
ขอบพระคุณและอนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
traveller
วันที่ 5 ก.ค. 2554

ขออนุโมทนาในธรรมทานด้วยครับ

"ธรรมคือกุศลจิตเมื่อสั่งสมจนมีกำลังย่อมจะชนะคือขับไล่อกุศลจิตแม้ชั่่วขณะจิตไม่ให้เกิดขึ้น" นี้เอง ธรรมย่อมชนะอธรรม แต่ทว่าในปุถุชนแล้วอกุศลธรรมย่อมเกิดบ่อยกว่าและครอบงำผู้นำไว้อำนาจเนืองๆ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ