พระศรีอริยเมตไตรย์
ผมอยู่ทางเชียงราย มีการเรี่ยไรบุญสร้างพระศรีอาริยะเมตไตรย์ ผมกล่าวแย้งว่า พระสัทธรรมของพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้าสมณโคดมยังคงไม่เสื่อมคลาย ทำไมถึงไปหวังอะไรลมๆ แล้งๆ กับสิ่งที่ยังไม่มาถึงประกอบกับความเป็นพุทธะของผู้ที่จะมาเป็นหรือตรัสรู้ ยังไม่สมบูรณ์และยังต้องบำเพ็ญกันอีก ดังนั้นสิ่งที่ทางวัดทำนั้นเป็นการไม่สมควรอย่างยิ่ง เพราะเท่ากับทำไปบูชาแค่เทพหรืออย่างมากก็เป็นพระโพธิสัตว์ นอกจากนี้การบูชาพระพุทธเจ้าที่พบในพระไตรปิฎกเป็นการบูชาที่ท่านปรินิพพานไปแล้วทั้งนั้น ผมไม่เคยพบว่ามีการบูชาล่วงหน้าเลย ขอผู้รู้ตอบด้วยครับ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
สัจจะความจริง คือ กุศลย่อมเป็นกุศล อกุศลย่อมเป็นอกุศล การกระทำอะไรก็ตาม หากขาดความเข้าใจถูกในพระธรรมเป็นพื้นฐานแล้ว ก็ย่อมทำให้คิดผิด พิจารณาผิดไปจากสิ่งที่ถูกต้องได้ครับ
การรักษาพระธรรม ให้พระศาสนาดำรงอยู่ได้นั้น ในมหาปรินิพพานสูตร พระพุทธองค์แสดงเมื่อครั้งจะปรินิพพาน เมื่อคราวที่พระองค์ประทับที่ต้นสาละคู่ มีดอกไม้ทิพย์หล่นมาบูชามากมาย พระองค์ตรัสกับพระอานนท์ว่า การบูชาด้วยสิ่งเหล่านี้ ไม่ใช่การบูชาเราอย่างแท้จริง เพราะตถาคตไม่ใช่บำเพ็ญบารมีมาเพื่อสิ่งเหล่านี้ แต่พระองค์บำเพ็ญบารมี เพื่อให้สัตว์ทั้งหลาย ศึกษาพระธรรม ปฏิบัติธรรมในหนทางที่ถูกเพื่อถึงความดับทุกข์ดังเช่นพระองค์ การปฏิบัติบูชาเท่านั้นจึงรักษาพระศาสนาไว้ได้ แม้วัตถุ วัดวาอาราม จะมีมากมายเท่าไหร่ก็ตาม ไม่สามารถดำรงพระศาสนาไว้ได้ แต่ศาสนาอยู่ที่ใจของแต่ละคนที่จะน้อมพิจาณา ศึกษาและปฏิบัติตามพระธรรมอันเกิดจากการศึกษาพระธรรมครับ การศึกษาพระธรรมและมีความเข้าใจขึ้นจากใจพุทธบริษัท เป็นการรักษาพระศาสนาครับ
ดังนั้น จุดประสงค์ของพระพุทธศาสนา จึงเป็นเรื่องของการละ ทั้งสิ้น ละแม้ความต้องการที่จะได้บุญ ทำด้วยความติดข้องในผลของบุญ ละด้วยปัญญา ด้วยการศึกษาพระธรรม และภิกษุ กิจที่สำคัญคือ การศึกษาพระธรรมและน้อมปฏิบัติธรรมเพื่อให้ถึงความเจริญขึ้นของปัญญา นี่คือกิจที่ควรทำของพระภิกษุทั้งหลายที่ได้บวชเป็นเพศบรรพชิตแล้วครับ
จะเห็นได้ว่า เป็นเรื่องของธรรมและอนัตตา ที่แต่ละคน สัตว์โลกก็แตกต่างกันไป ไม่สามารถจะเปลี่ยนแปลง อกุศลให้เป็นกุศลได้ โลกก็ต้องเป็นไปอย่างนี้ แม้ในสมัยพุทธกาล ก็ยังมีผู้ที่เห็นผิดมากมาย มากกว่าคนที่เห็นถูก ในปัจจุบัน ก็ต้องเป็นไปตามอย่างนั้นเช่นกันครับ ความเห็นผิดและอกุศลไม่ได้เลือนหายไปจากใจของสัตว์โลกเลย ตราบใดที่ยังเป็นผู้มีความไม่รู้และเป็นปุถุชน ผู้ที่มีปัญญาจึงพิจารณาจิตตนและอบรมปัญญาของตนเอง เพื่อความเข้าใจถูกในพระธรรมมากขึ้นครับ ส่วนสัตว์อื่นก็มีกรรมและก็ต้องเป็นไปตามกิเลสที่สะสมมาครับ
ดังนั้น จึงไม่ต้องรอพระพุทธเจ้าองค์หน้า ขณะนี้ มีพระธรรมของพระพุทธเจ้าก็ยังอยู่ ประโยชน์คือ ศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรมเพื่อความเจริญขึ้นของปัญญา อยู่กับขณะนี้ ปัจจุบัน อนาคตไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้น จะเกิดเป็นอะไรในชาติไหน ในสมัยพระพุทธเจ้าพระศรีอริยเมตไตรย์ หากไม่ทำเหตุคือสะสมอบรมปัญญา ณ ตอนนี้ เมื่ออนาคตได้พบพระพุทธเจ้า ก็ไม่ต่างจากพบพระพุทธรูป ก็เพียงแต่ขอ และจะทำให้ได้บุญแต่ไม่สนใจที่จะศึกษาพระธรรม เพราะไม่มีความเข้าใจพระธรรมที่สะสมมาในอดีตนั่นเองครับ สำคัญคือการอบรมปัญญาในขณะนี้ ไม่ใช่ไปทำอย่างอื่นเลยครับ
ขออนุโมทนาครับ
อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ในพระไตรปิฏกมีแสดงไว้ว่า การนอบน้อม การเคารพ กราบไหว้บูชาพระุพุทธเจ้า หลังจากที่พระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว มีอานิสงส์เท่ากับตอนที่ท่านยังไม่ปรินิพพาน แต่พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญการปฏิบัติบูชา เลิศกว่าการบูชาด้วยดอกไม้ ของหอม ค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ความเห็น มี ๒ อย่าง คือ ความเห็นถูก กับ ความเห็นผิด ซึ่งมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ความเห็นผิด (มิจฉาทิฏฐิ) เป็นความเห็นที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง เป็นความเห็นที่ไม่ตรงตามความเป็นจริง [ความเห็นผิด ไม่ได้มีเฉพาะในยุคนี้สมัยนี้เท่านั้น มีมาแล้วทุกยุคทุกสมัย ] ซึ่งจะเห็นได้ว่า ความเห็นผิดเป็นกิเลสที่อันตรายมาก มีโทษมาก เพราะว่า เมื่อมีความเห็นผิดแล้ว กาย วาจา ใจ ย่อมเป็นไปในทางที่ผิด ตนเองเห็นผิดยังไม่พอ ยังแนะนำให้ผู้อื่นเห็นผิดตามไปด้วย ซึ่งเป็นอันตรายอย่างมากทีเดียว ทำให้จมอยู่ในห้วงของกิเลสเพิ่มมากยิ่งขึ้น ด้วย
ส่วนความเห็นถูก เป็นเรื่องของปัญญา เป็นสภาพธรรมที่เข้าใจถูกเห็นถูก, ความเห็นถูก เป็นเรื่องที่สำคัญ ถ้ามีความเห็นถูก แล้ว กาย วาจา ใจ ย่อมเป็นไปในทางที่ถูก คล้อยตามกำลังของความเข้าใจ ซึ่งความความเห็นถูก จะค่อยๆ เจริญขึ้นได้ ก็เพราะอาศัยการศึกษา การฟังพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง บ่อยๆ เนืองๆ เป็นปกติในชีวิตประจำวัน ด้วยความละเอียด และรอบคอบ สะสมเป็นอุปนิสัยที่ดีต่อไป ความเข้าใจถูกเห็นถูกที่ได้สะสมไว้นี้ไม่สูญหายไปไหน สะสมสืบต่ออยู่ในจิตทุกขณะ การเดินทางในสังสารวัฏฏ์ยังต้องเป็นไปอีกนานเพราะยังไม่ได้ดับกิเลสใดๆ ได้เลย ก็จะเป็นเหตุให้เป็นผู้มีความสนใจ เห็นประโยชน์ของการฟังพระธรรม สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกต่อไปอีก จนกว่าจะมีปัญญาเจริญขึ้นถึงความเป็นพระอริยบุคคลขั้นต่างๆ ได้ในที่สุด ซึ่งถ้าไม่เริ่มฟัง เริ่มศึกษา ตั้งแต่ขณะนี้เลย ก็จะไม่มีการฟัง การศึกษาในขณะต่อๆ ไปด้วย [ถ้าไม่เริ่มตอนนี้ แล้วจะไปเริ่มตอนไหน?]
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ทรงเป็นบุคคลผู้เลิศที่สุด ประเสริฐที่สุด เจริญที่สุดในโลก ไม่มีใครเสมอเหมือน เมื่อพระองค์ทรงตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ทรงมีพระมหากรุณาต่อสัตว์ จึงทรงแสดงพระธรรมเกื้อกูลสัตว์โลก เพื่อให้หลุดพ้นจากกองทุกข์ทั้งปวง ตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์ ทรงบำเพ็ญประโยชน์ต่อสัตว์โลกอย่างแท้จิรง พระองค์ทรงเป็นบุคคลผู้ควรแก่การเคารพบูชาอย่างสูงสุด
ดังนั้น ในสมัยปัจจุบันนี้ พระธรรมยังดำรงอยู่ ผู้ที่มีปัญญาแสดงธรรม ตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ก็มีอยู่ ในฐานะที่เป็นพุทธศาสนิกชน การเคารพบูชาพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า อย่างยอดเยี่ยม จึงไม่มีทางอื่น นอกจากการศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง แล้วน้อมประพฤติปฏิบัติเพื่อขัดเกลากิเลสในชีวิตประจำวัน ซึ่งถ้ามีการฟังมีการศึกษาพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดงแล้วมีความเข้าใจที่ถูกต้อง การที่จะมีการกระทำในสิ่งผิดๆ ไม่ตรงตามพระธรรมคำสอน ก็จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย มีแต่จะเป็นไปเพื่อความเจริญขึ้นของกุศลธรรม "พระธรรม ยิ่งศึกษา ก็ยิ่งเป็นไปเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูก ไม่มีความเสียหายเลยแม้แต่น้อย" ครับ.
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
กราบอนุโมทนาในธรรมทานค่ะ ขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ
ทำให้รักที่จะศึกษาเล่าเรียนต่อไป
และปฏิบัติเป็นพุทธบูชาค่ะ
จากการประเมินตัวเองว่าไม่สามารถบรรุลุคุณธรรมในพระศาสนานี้ได้แน่ แม้แต่องค์ในอนาคตก็ยังไม่ได้ ตอนนี้จึงขอศึกษาในพระศาสนานี้ก่อน
แต่ในเรื่องมงคลตื่นข่าวก็มีเยอะในปัจจุบัน ก็จะไปทำยังไรได้ถ้าจะไปห้ามคงจะห้ามกันไม่หวาดไหว แล้วเขาจะฟังหรือเปล่า ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องดูกาลเทศะด้วยนะครับว่าควรกล่าวหรือไม่
ปัจฉิมโอวาท ของพระพุทธเจ้า ให้ชาวพุทธจงเร่งสิกขาธัมม
อย่าประมาทในความตายและในธรรม
เรียนท่านวิทยากรและ ทุกความเห็น ที่ดิฉันได้รับทราบมาดังนี้จะถูกต้องหรือไม่คะ
๑. พระศรีอริยะเมตตรัย มาเป็นพระพุทธเจ้านั้น สาวกและพุทธศาสนิกชนในยุคพระองค์นั้นเป็นพรหม มีหน้าตาเหมือนกันหมดแต่มีทั้งชายหญิงแต่ท่านกำหนดรู้กันได้ว่าใครเป็นใคร ดังนั้น คนสมัยนี้หากจะไปเป็นสาวกพระศรีอริยะเมตตรัยต้องบำเพ็ญเพียรไปจนป็นพรหม
๒. พุทธศาสนิกของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันต้องรีบสิกขาธัมมโดยเฉพาะปรมัตถธรรม ว่าด้วยอภิธัมม ๔๒,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ เพื่อที่จะไปรอรับฟังพระเทศนาสุดท้ายในสวรรค์ ซึ่งพระพุทธองค์ทรงอธิษฐานว่า เมื่อ ๗ ราตรีก่อนครบ ๕,๐๐๐ ปีหลังทรงปรินิพพาน พระองค์จะทรงรวบรวมพระบรมสารีริกธาตุ และผ้าไตรจีวร บริขารต่างๆ ของพระพุทธองค์เพื่อมาแสดงธรรม ที่พระแท่น ในดาวดึงส์เทวสถาน อีกครั้งหนึ่งเป็นครั้งสุดท้ายของพระพุทธเจ้าพระองค์นี้ ผู้ที่ได้ฟังคือ เทวดา หก ชั้น พรหม แต่ว่าคน สัตวในอบายภูมิสี่ และอสัญญสัตตพรหมไม่มีโอกาส ถ้าเวลานั้นมาถึง ฟังได้บรรลุธรรมได้แล้วแต่ว่าสิกขาสะสมมาเพียงใด
ทั้งสองข้อที่ว่ามานี้ฟังมาจากท่านอื่น ไม่แน่ใจว่ามีพระไตรปิฎก กล่าวถึงหรือไม่อย่างไร เรียนท่านวิทยากร กรุณาชี้แนะด้วยค่ะ
เรียนความเห็นที่ 17 ครับ
ตอบ
ข้อ ๑. ไม่ถูกต้องครับ เพราะมีทั้งมนุษย์ เทวดาและพรหมด้วย ปัญญาไม่จำกัดที่จะเกิดขึ้นได้ เฉพาะพรหม ซึ่งยุคสมัยนั้นก็มีมนุษย์ด้วย อายุ แปดหมื่นปีครับ และก็ได้บรรลุในเพศมนุษย์ด้วยครับ
ข้อ ๒. ไม่ถูกต้องและไม่จริงครับ เพราะเมื่อพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้วที่ต้นสาละคู่ ก็จะไม่มีการเกิดขึ้นของจิต เจตสิก รูปอีก จึงไม่มีการแสดงธรรมหลังปรินิพพานแล้ว และไม่มีข้อความที่พระองค์อธิษฐานไว้ว่าจะมาแสดงธรรมครับ มีแต่พระองค์อธิษฐานไว้ว่าเมื่อพระศาสนาจะอันตรธาน พระบรมสารีริกธาตุจะมารวมกันที่ต้นพระศรีมหาโพธิ์ประกอบเป็นรูปพระพุทธเจ้า ไม่มีการแสดงธรรม เทวดาเท่านั้นที่เห็น และเตโชธาตุคือไฟ ลุกเผาพระบรมสารีริกาตุจนหมดสิ้น ครับ