ทำไมเราต้องเกิดมา และเกิดมาเพื่ออะไรกัน

 
tookta
วันที่  11 ก.ค. 2554
หมายเลข  18725
อ่าน  73,581

ในบางครั้งไม่อยากจะเกิดมาเลย พอเราเกิดมาเราจะต้องพบเห็นผู้อื่นไม่ว่าสัตว์และมนุษย์ได้ รับความทุกข์ทางกายและใจ เราก็รู้สึกหดหู่แทนเขา ซื่งก็ทำให้เรามีทุกข์ไปด้วย ซึ่งเราไม่อยากจะเห็นเลย แต่ก็หลบหลีกไม่ได้เลย นี่คื่อเวรกรรมของเราใช่ไหม คงจะจริงอย่างที่เขาบอกว่าเกิดมาเพื่อใช้เวรกรรม เราก็คงจะต้องสร้างบุญสร้างกุศลและส่งความปราถนาดีต่อผู้อื่น และไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน จะได้หลุดพ้นจากความทุกข์และเวรกรรมอันนี้มั่ง


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 11 ก.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

ทำไมต้องเกิด คำถามนี้ เหมือนจะง่ายแต่ลึกซึ้ง ดังนั้นก็จะต้องรู้จัก ความเกิดและเหตุให้มีการเกิดครับ จึงจะเข้าใจว่า ทำไมต้องเกิดนั่นเองครับ

การเกิด ในพระพุทธศาสนา เช่น เกิดเป็นมนุษย์ เป็นเทวดา เป็นสัตว์เดรัจฉานนี่คือ การเกิดเป็นบุคคลต่างๆ ประเภทต่างๆ ซึ่งในความจริงที่เป็นสัจจะในพระพุทธศาสนาที่พระพุทธเจ้าแสดงไว้ว่า การเกิด คือ การเกิดขึ้นของสภาพธรรมที่เป็นนามธรรมและรูปธรรม คือ จิตและเจตสิก รวมทั้งรูป เพราะมีจิต มี รูป เช่น ตา หู จมูก ลิ้น กาย เพราะมีสภาพธรรมเหล่านี้เกิดขึ้น จึงมีการเกิด และบัญญัติเรียกว่า เป็นการเกิดของมนุษย์ ของสัตว์เดรัจฉาน หากไม่มีสภาพธรรม ไม่มีจิต และรูปแล้วจะไม่มีการบัญญัติ สมมติเรียกเลยว่าเป็นคน เป็นสัตว์ครับ ดังนั้นสรุปได้ว่า การเกิดของมนุษย์หรือสัตว์ต่างๆ คือ การเกิดขึ้นของสภาพธรรมที่เป็นจิต เจตสิก รูป จึงบัญญัติ สมมติเรียกว่การเกิดนั่นเองครับ เพราะฉะนั้น ที่เราเกิดมา ก็คือการเกิดขึ้นของสภาพธรรมทีเป็น จิต เจตสิก รูปครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 11 ก.ค. 2554

เหตุให้มีการเกิด ดังที่กล่าวแล้ว การเกิด คือ การเกิดขึ้นของสภาพธรรมที่เป็น จิต เจตสิก รูป ซึ่งการเกิดเป็นมนุษย์ เป็นเทวดา เป็นสัตว์ก็ต้องมีเหตุให้เกิดนั่นเองครับ

ดังนั้นการเกิดเป็นผลของกรรม ทางธรรมเรียกว่า ปฏิสนธิจิต คือ ขณะที่เกิดนั่นเองครั
ปฏิสนธิจิต หรือการเกิดเป็นผลของกรรม ดังนั้นต้องมีเหตุให้เกิดผล คือ การทำกรรมดีหรือ กรรมไม่ดีในอดีต อันเป็นเหตุ จึงทำให้ มีการให้ผลของกรรมคือการเกิดครับ เมื่อกรรมดีที่เคยทำไว้ในอดีตให้ผล เช่น กรรมดีในชาติก่อนๆ ก็ทำให้เป็นปัจจัยให้มีการเกิดในชาตินี้ เพราะการเกิดในชาตินี้ ขณะที่เกิด เป็นผลของกรรมครับ อันมีเหตุมาจากการทำกรรมดีในอดีตให้ผล เมื่อกรรมดีในอดีตให้ผล ผลคือการเกิดในชาตินี้ เมื่อเป็นผลของกรรมดี ก็ย่อมเกิดในที่ที่ดี เรียกว่า สุคติภูมิ อันเป็นภูมิที่ดี มี มนุษย์ เทวดา เป็นต้น ครับ เพราะเป็นผลของกรรมดี ดังนั้นในชาตินี้ที่ได้เกิดเป็นมนุษย์เป็นผลของกรรมดีในอดีตที่ให้ผลครับ ส่วนถ้ากรรมชั่วในอดีตให้ผล ก็เป็นปัจจัยให้มีการเกิดในภพภูมิที่ไม่ดี ที่เรียกว่า ทุคติภูมิ มี นรกและสัตว์เดรัจฉาน เป็นต้น ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
paderm
วันที่ 11 ก.ค. 2554

จะเห็นนะครับว่า เหตุของการเกิดเพราะมีการทำกรรมไว้ในอดีตเป็นปัจจัยจึงทำให้มีการให้ผลของกรรมคือมีการเกิดอยู่ ดังนั้นจะห้ามการเกิดไม่ได้เลยครับ ที่สำคัญที่สุดควรเข้าใจความจริงว่า ที่มีการทำกรรมดี กรรมไม่ดี อยู่ทั้งในอดีตชาติและปัจจุบันชาติ อันเป็นเหตุให้เกิดในภพูมิต่างๆ การทำกรรมดี ไม่ดี มีสาเหตุจากเพราะมีความไม่รู้ มีอวิชชาและมีกิเลส จึงมีการทำกรรม และเมื่อมีการทำกรรมก็ย่อมเป็นปัจจัยให้มีการเกิดต่อไป ไม่สิ้นสุด เพราะฉะนั้น สาเหตุที่แท้จริงของการเกิดคือ กิเลสที่ยังมีอยู่ และความไม่รู้ อวิชชาที่ยังมีอยู่นั่นเองครับ ดังนั้น จะอยากหรือไม่อยากเกิด ก็ต้องเกิดแน่นอนครับ หากยังมีกิเลสครับ ทำไมต้องเกิดเพระามีกิเลสจึงยังต้องเกิดครับ

ดังนั้นที่เจ้าของกระทู้กล่าวว่าไม่อยากเกิดเพราะต้องพบกับสิ่งไม่ดีมากมาย เป็นความจริงอย่างนั้นครับว่าการเกิดเป็นทุกข์เพราะเมื่อเกิดแล้ว ก็ต้องมีการเห็น การได้ยิน การได้กลิ่น การลิ้มรส การรู้กระทบสัมผัส ที่ดีและไม่ดี เห็นสิ่งที่ดีบ้าง ไม่ดีบ้าง ซึ่งการเห็น ได้ยิน..กระทบสัมผัส ในทางธรรมคือ เป็นผลของกรรม (วิบาก) ดังนั้นเมื่อกรรมไม่ดีให้ผล ก็ต้องเห็นไม่ดี ได้ยินไม่ดี เมื่อเห็นไม่ดี ได้ยินไม่ดีแล้ว กิเลสที่มีอยู่ ก็พลอยซ้ำเติมให้ทุกข์ใจในสิ่งที่เห็น ได้ยินอีกครับ ซึ่งเราห้ามไม่ได้เลยครับที่จะไม่ให้เกิด และไม่ให้เห็น ได้ยิน หรือรู้สิ่งต่างๆ ในชีวิตประจำวัน ที่ไม่ดี เพราะเป็นผลของกรรมครับ เมื่อมีเหตุ กรรมที่ไม่ดี ก็ให้ผล ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
paderm
วันที่ 11 ก.ค. 2554

การเกิดจึงเป็นทุกข์ ทุกข์เพราะมีร่างกาย ทุกข์เพราะมีจิตใจที่มากไปด้วยกิเลส ก็ทำให้ทุกข์ใจมากมายอีก นับไม่ถ้วนครับ จากที่ผู้ถามพูดว่า เป็นเวรกรรมใช่ไหม จะใช้คำนี้ก็ได้ แต่ด้วยความเข้าใจว่า เป็นเวรกรรม คือ เป็นผลของกรรมที่จะต้องได้รับ หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยครับ

ที่สำคัญ ตามที่กล่าวแล้ว เหตุให้มีการเกิดที่แท้จริง คือ กิเลสที่มีอยู่ นั่นคือ อวิชชาความไม่รู้และ ตัณหาและกิเลสอื่นๆ ครับเพราะฉะนั้น การไม่อยากเกิด ความคิดไม่อยากเกิด ไม่เป็นประโยชน์และไม่ใช่วิถีทางในการจะดับเหตุให้ไม่มีการเกิด แต่ปัญญาเท่านั้น ที่จะดับเหตุของการเกิด คือ ดับกิเลสนั่นเองครับ เพราะฉะนั้นการอบรมปัญญาจึงเป็นสิ่งสำคัญและประเสริฐที่สุด ดังเจ้าของกระทู้ถามว่า ทำไมต้องเกิด ก็ได้อธิบายแล้ว แต่ก็ควรตอบคำถามว่า เกิดมาทำไม เพราะเกิดแล้วใช่ไหมครับ หากเกิดมาแล้ว ไม่อบรมปัญญา ไม่ศึกษาพระธรรม ทำบาป อกุศล ชาตินั้นทีเกิดก็ไม่เป็นประโยชน์ แต่เกิดมาทำไม เกิดมาแล้วก็ศึกษาพระธรรม อบรมปัญญา เพื่อมีความเห็นถูก ละกิเลสที่เป็นสาเหตุแห่งทุกข์ทั้งหมดครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
paderm
วันที่ 11 ก.ค. 2554

เมื่อได้ศึกษาธรรมโดยละเอียดจะรู้ว่า การได้เกิดเป็นมนุษย์นั้นแสนยากมากครับ เมื่อได้เกิดเป็นมนุษย์แล้ว ได้มีโอกาสพบพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ก็เป็นสิ่งที่ยากมากเข้าไปอีก และเมื่อได้พบพระธรรมแล้ว เป็นผู้สนใจในหนทางที่ถูกต้องและมีศรัทธาในพระธรรมที่ถูกต้องยิ่งยากขึ้นไปกว่านั้น แต่ขณะนี้ก็ถึงพร้อมแล้วในสิ่งที่กล่าวมาพระพุทธองค์ตรัสว่า ขณะอย่าล่วงเลยพวกท่านไปเสีย เพราะบุคคลที่ล่วงเลยขณะไปย่อมพากันยัดเยียดกันในนรกครับ ดังนั้นขณะอย่าล่วงเลยไป คือ ขณะที่ได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมและขณะที่ปัญญาเจริญขึ้นนั่นเองครับ ดังนั้นโชคดีแล้วที่ได้เกิดเป็นมนุษย์ ได้พบพระธรรม และ ควรเข้าใจว่าความทุกข์นั้นเป็นธรรมดา ในเมื่อโชคดีอย่างนี้แล้ว ก็อย่าปล่อยให้ขณะล่วงเลยไปเพียงความคิด ที่ทุกข์กับเรื่องราวในชีวิตประจำวัน แต่ค่อยๆ กลับมาสู่ความเข้าใจถูกและถามตัวเองว่า เกิดมาทำไม..จะทำอะไรที่ดีที่สุดนับจากนี้ครับ นั่นคือเกิดมาเพื่ออบรมปัญญา ศึกษาพระธรรม เจริญกุศลทุกๆ

ประการครับ

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา

[เล่มที่ 25] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ 266

[๖๘๐] พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า

คนเขลาย่อมเข้าถึงครรภ์บ่อยๆ สัตว์ย่อมเกิดและตายบ่อยๆ บุคคลทั้งหลายย่อมนำซากศพไปป่าช้าบ่อยๆ ส่วนผู้มีปัญญาถึงจะเกิดบ่อยๆ ก็เพื่อได้มรรคแล้วไม่เกิดอีก ดังนี้.

เชิญคลิกอ่านที่นี่นะครับมีประโยชน์มาก

อักขณสูตร .. ผู้ปล่อยเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์

การได้เกิดเป็นมนุษย์ เป็นไปได้ยากแสนยากจริงๆ

ได้ทราบมาว่า .. การได้อัตภาพเป็นมนุษย์นี้แสนยาก

เหมือนฝุ่นติดปลายเล็บ [นขสิขสูตร]

อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
พร้อมเสมอ
วันที่ 12 ก.ค. 2554
กราบอนุโมทนาค่ะ สาธุ
 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
orawan.c
วันที่ 12 ก.ค. 2554
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
akrapat
วันที่ 12 ก.ค. 2554

ทำไมเราต้องเกิดมา? เพราะความไม่รู้

เกิดมาเพื่อไร? เอ เพื่ออะไรหนอ เพื่อที่มีความสุข แบบชาวโลก เรียนหนังสือในวัยเยาว์ ทำงานในวัยหนุ่ม แต่งงาน มีครอบครัว แก่มาก็เลี้ยงหลาน ป่วยไข้ก็ไปหาหมอ รักษาไม่หาย ก็ตาย ตายแล้ว มีบุญวาสนาก็เกิดเป็นคนอีก เกิดใหม่ก็ลืมอดีตชาติ แล้วก็เริ่มต้น วนรอบอีกครั้ง เอเพื่อเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ หรือเปล่า หนอ

ถ้าไม่แล้ว เพื่ออะไร หรือ เพื่อความไม่เกิดอีก อ้าว แล้วถ้าไม่เกิด จะได้ พบหน้าพ่อ แม่ พี่น้อง ลูกเมีย ญาติมิตรไหมหนา

เอ....เอาไงดี อยากเกิด หรือไม่อยากเกิด แต่ อยากไม่อยาก ก็ต้องเกิด ถ้าตราบใดที่ยังไม่รู้ (อวิชชา) การเกิดย่อมมี

ขออนุโมทนา
 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
nong
วันที่ 12 ก.ค. 2554

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
khampan.a
วันที่ 12 ก.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เป็นธรรมดาของผู้ที่ยังมีกิเลสอยู่ ตายแล้ว ก็ต้องเกิด ถึงแม้จะบอกว่าไม่อยากเกิดก็ตาม แต่ก็ต้องเกิดตามเหตุตามปัจจัย ขึ้นอยู่กับว่ากรรมใดจะให้ผล สำหรับผู้ทีได้เกิดมาเป็นมนุษย์นั้น ต้องเป็นผลของกุศลกรรม ซึ่งเป็นการยากมากกับการที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงว่าผู้ที่กลับมาเกิดเป็นมนุษย์นั้น (รวมถึงสุคติภูมิอื่นๆ คือ สวรรค์ ด้วย) มีเป็นส่วนน้อย แต่ที่เกิดได้โดยง่าย คือ เกิดเป็นสัตว์ในอบายภูมิ แต่สำหรับผู้ที่ได้เกิดเป็นมนุษย์ นั้น มี ๒ ประเภทใหญ่ๆ คือ ได้ศึกษาพระธรรม กับ ไม่ได้ศึกษาพระธรรม ตามความเป็นจริงแล้ว บุคคลผู้ที่เห็นประโยชน์ของความเข้าใจพระธรรม ก็จะไม่ละเลยโอกาสของการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม เพราะเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้ตนเองมีความเข้าใจธรรม เข้าใจสิ่งที่มีจริงเพิ่มขึ้น จะทำให้เป็นผู้ได้สะสมปัญญาต่อไป เป็นผู้ไม่ตายไปพร้อมกับความไม่รู้ เพราะได้สะสมปัญญา นั่นเอง ส่วนผู้ที่ไม่ได้ฟังพระธรรม นั้น มีเยอะมากทีเดียว ควรที่จะได้พิจารณาว่าแม้ผู้ที่จะได้ฟังพระธรรม บ้าง กิเลสอกุศลก็เกิดขึ้นมาก คงไม่ต้องพูดถึงเลยว่าถ้าไม่ได้ฟังพระธรรมแล้ว กิเลสอกุศลจะมากสักแค่ไหน และจะสะสมต่อไปอีกมากมายสักเท่าใด ชีวิตเหลือน้อยเต็มทีแล้ว ควรที่จะได้ตระหนักถึงคุณค่าของความเข้าใจพระธรรม ว่ามีคุณค่ามหาศาล เพราะธรรมเป็นการตรัสรู้และทรงแสดงโดยบุคคลผู้เลิศผู้ประเสริฐที่สุดในโลก คือ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะเหตุว่า ถ้าไม่เริ่มที่การฟัง การศึกษาในครั้งแรกๆ ก็จะไม่มีการฟัง การศึกษาในครั้งต่อๆ ไป อย่างแน่นอนความเข้าใจพระธรรมเท่านั้น ที่จะเป็นที่พึ่งที่แท้จริงสำหรับชีวิต ดีแล้วที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ซึ่งจะได้มีโอกาสฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจต่อไป [ดีกว่าเกิดเป็นสัตว์ในอบายภูมิ] กว่าที่อกุศลนานาประการจะค่อยๆ ละคลายลงไปได้ ก็ด้วยความเข้าใจเพิ่มขึ้น นั่นเอง ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
wannee.s
วันที่ 12 ก.ค. 2554

เกิดมาทำไม เกิดมารับผลของกรรมในอดีตที่ดีและไม่ดีตามเหตุตามปัจจัย และ อีกส่วนหนึ่ง เกิดมาเพื่อทำกรรมใหม่ที่ดีและไม่ดี ชีวิตที่มีค่าที่สุดในชาตินี้ คือ การเกิดมาแล้วได้ทำความดี สะสมความดี สะสมปัญญา ฯลฯ ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
โชติธัมโม
วันที่ 13 ก.ค. 2554
ขอน้อมจิตอนุโมทนาบุญด้วยเศียรเกล้าครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
L.nonglak
วันที่ 15 ก.ค. 2554
ขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
Patchanon
วันที่ 8 ก.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
ธัญญศิริ
วันที่ 7 ต.ค. 2559

เกิดมาทำไมก้อไม่ทราบเนอะ ทราบแต่ว่าเกิดมาแล้วก้อต้องใช้ชีวิตต่อไป ทำกรรมอะไรไว้ก้อรับกันไป ทำดี ก้อรับสิ่งที่ดีไป ทำชั่วก้อรับสิ่งร้ายๆ ไป ชีวิตเราก้อคงมีเท่านี้แหละ บุญใครมีก้อคงเห็นกรรมดีกรรมชั่วของตัวเอง พัฒนากรรมของตัวเอง ด้วยประพฤติผิดชอบ เห็นชั่วก้อประพฤติให้ดี เห็นดีก้อดีต่อไปจนสิ้นชีวี สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 19  
 
Raa-sĕe
วันที่ 29 ก.ย. 2562

สาธุคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 23  
 
chatchai.k
วันที่ 10 มี.ค. 2564

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

อบรมปัญญาให้เข้าใจความจริง จะเป็นประโยชน์ทั้งชาตินี้ และชาติต่อๆ ไป กุศลที่ทำได้เสมอๆ คือ การฟังพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง มีคุณค่ามหาศาลสำหรับชีวิตที่ต้องเดินทางต่อไป อีกแสนไกล และกันดาร

ขอเชิญศึกษาพระธรรม...

รวมลิงก์เมนูต่างๆ ในเว็บไซต์

พระไตรปิฎก

ฟังธรรม

วีดีโอ

ซีดี

หนังสือ

กระดานสนทนา

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ