รักต่างวัยผิดศีลธรรมไหมค่ะ

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย ศีลธรรมที่ถูกต้องตามครรลองครองธรรม ของเพศคฤหัสถ์คือ การไม่ล่วงละเมิดศีล 5

อันเป็นคุณธรรมที่คฤหัสถ์ทั้งหลาย ควรประพฤติเป็นนิจ เมื่อประพฤติ ไม่ก้าวล่วงชื่อว่า

ประพฤติอยู่ในศีล อยู่ในธรรม อยู่ในศีล คือความประพฤติที่ดี คือ ไม่ล่วงศีล อยู่ในธรรม

ในธรรมของคฤหัสถ์ อันเป็นการไม่ล่วงศีล 5 ดังนั้น การคบกัน ดูใจกัน หากหญิงนั้น

เลิกกับสามีไปแล้วโดยเด็ดขาด ก็เท่ากับว่า การคบนั้นไม่ผิดศีลธรรม แต่ธรรมละเอียด

ยิ่งไปกว่านั้นอีกครับว่า แม้จะคบกัน ผู้หญิงนั้นไม่มีสามีแล้ว การไม่ล่วงศีลข้อ 3 คือ

กาเมสุมิจฉาจาร ก็ต้องประพฤติด้วยครับ ไม่เช่นนั้น แม้จะไม่มีสามีแล้ว แต่ฝ่ายชาย

ล่วงละเมิด ผิดศีล ข้อ 3 ก็ชื่อว่าประพฤติผิดศีลธรรมเช่นกัน ดังนั้นการคบ ดูใจได้ แต่

ไม่ถึงกับการก้าวล่วงในเรื่องเสพเมถุนธรรมครับ นอกเสียจากว่า ฝ่ายชายคบกันแล้ว

ตกลงทำตามประเพณี ขออนุญาตผู้ปกครองฝ่ายหญิงเพื่อคบหาเป็นคนที่รักกัน ก็ไม่

ล่วงละเมิดศีลข้อ 3 ครับ ดังนั้น การคบกันได้ ไม่ผิดศีลธรรมและได้ทำถูกต้องตาม

ประเพณี ตามสมควรและเหมาะสมให้ถูกกับหลักธรรม มีการไม่ล่วงศีล เป็นต้น ครับ

แม้จะอายุใกล้เคียงกัน แต่ประพฤติล่วงศีล มีข้อ 3 เป็นต้น ก็ชื่อว่าผิดศีลธรรม ดังนั้น

ศีลธรรมจึงไมได้วัดที่อายุ แต่วัดการประพฤติ ไม่ล่วงละเมิด ดำรงไว้ซึ่งศีล 5 ที่เป็น

ศีลธรรมครับ ซึ่งก็มีตัวอย่างในพระไตรปิฎกก็มีในเรื่องนี้ครับ ที่ พระราชา มีเพื่อนเป็น

พระโพธิสัตว์ รับราชการในสำนักพระราชา พระมารดาของพระราชา (พระสวามีสิ้นพระ

ชนม์แล้ว) เกิดมีจิตปฏิพัทธิ์ในพระโพธิสัตว์ ทำให้ไม่ยอมทานอาหาร ผู้เป็นบุตรผู้

เป็นพระราชาก็เข้าไปถามก็ไม่ยอมบอก สุดท้ายก็บอกว่า มีจิตรักใคร่ในพระโพธิสัตว์

ที่เป็นเพื่อนของพระราชาผู้เป็นบุตร พระราชาจึงขอร้องให้เพื่อน คือ พระโพธิสัตว์ มา

เป็นพระราชาแทนพระองค์และก็ได้แต่งตั้ง พระมารดา เป็นอัครมเหสี ซึ่งพระโพธิสัตว์

ก็รับและก็ทำถูกต้องตามประเพณีครับ นี่นำธรรมบางส่วนที่พอจำได้ในเรื่อง รักต่างวัย

ครับ แต่ถูกศีลธรรม ขออนุโมทนา

อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ตราบใดที่ยังมีพืชเชื้อของความติดข้องยินดีพอใจในรูป เสียง กลิ่น รส และโผฏฐัพพะ ความติดข้องยินดีพอใจก็ย่อมเกิดขึ้นเป็นไปในชีวิตประจำวัน ซึ่งเป็นไปในลักษณะต่างๆ ไม่ว่าจะติดข้อง ชอบใจ รักใคร่ในสิ่งใด ก็เป็นโลภะ ทั้งสิ้น เป็นอกุศลธรรม ถ้าถึงขั้นล่วงศีล ประพฤติทุจริตกรรม ย่อมแสดงให้เห็นถึงกำลังของอกุศลว่ามีมากทีเดียว ตราบใดที่ยังไม่ล่วงศีล ก็ยังไม่ผิดศีล แต่อกุศลจิตก็ยังมีอยู่ ยังเกิดขึ้นเป็นไปอยู่ ประเด็นดังกล่าว เรื่องรักต่างวัย ย่อมไม่พ้นไปจากโลภะอย่างแน่อน แต่จะผิดศีลหรือไม่ ต้องพิจารณาองค์ประกอบของการล่วงศีลข้อดังกล่าวนี้ คือ ข้อกาเมสุมิจฉาจารด้วย การที่จะล่วงศีลข้อกาเมสุมิจฉาจาร (การประพฤติผิดในกาม) นั้น ต้องเป็นเพราะมีเจตนาก้าวล่วงและมีการประพฤติผิด คือ ในกรณีที่ฝ่ายชายเป็นผู้ล่วงศีล ต้องมีการประพฤติผิดในหญิงที่มีสามี หรือหญิงที่มีผู้ปกครองคอยรักษา ส่วนในกรณีที่ฝ่ายหญิงเป็นผู้ล่วงศีลต้องมีการประพฤติผิด คือ นอกใจสามีของตน ไปมีชายคนอื่นในขณะที่ตนเองยังมีสามีอยู่ นี่คือข้อที่ควรพิจารณา แต่ถ้ามีหย่าร้างกันอย่างเด็ดขาดแล้ว สำหรับฝ่ายหญิง ก็ยังมีผู้ปกครองดูแล อาจจะเป็นมารดาบิดา หรือ พี่ชาย เป็นต้น ก็ได้ ถ้ามีผู้ชายคบหากับผู้หญิงคนนี้ แล้วประพฤติล่วงในฝ่ายหญิง โดยยังไม่ได้กระทำการสู่ขออย่างถูกต้อง ถึงแม้ว่าจะรักกันมากเพียงใดก็ตาม ฝ่ายชาย เป็นผู้ผิดศีลข้อนี้ ฝ่ายหญิงไม่ผิดเพราะตนเองไม่มีสามี (หรือหย่าร้างกับสามีอย่างเด็ดขาดแล้ว) แต่ถ้ามีการสู่ขออย่างถูกต้องตามประเพณี ก็ไม่ผิด ซึ่งเป็นเรื่องที่จะต้องศึกษาอย่างละเอียดจริงๆ และ ที่ดีที่สุดปลอดภัยที่สุด คือ พึงกระทำในสิ่งที่ถูกต้องดีงาม ไม่ล่วงศีล ไม่ประพฤติทุจริตกรรม พึงหลีกเลี่ยงในสิ่งที่ไม่ดีเหล่านี้ เพราะเมื่อกระทำในสิ่งที่ไม่ดีแล้ว ย่อมเป็นเหตุนำมาซึ่งความเดือดร้อนใจในภายหลัง ครับ ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

ความรักเกิดด้วยเหตุ 2 ประการ

1. เคยอยู่ร่วมกันในกาลก่อน

2. เกื้อกูลกันในปัจจุบัน

ในพระไตรปิฏกก็มีแสดงไว้ ผู้หญิงคนหนึ่งได้ยินแค่ขื่อโฆษกะ ยังไม่เคยเห็นหน้า

ความรักก็เกิดจดเยื่อในกระดูก เพราะในอดีตเขาเคยผูกพันเป็นสามีภรรยากันค่ะ

รักต่างวัยไม่ผิด ถ้าไม่ล่วงศีลข้อ 3 กาเมสุมิจฉาจาร ค่ะ