ศีลข้อ 1.

 
guy
วันที่  17 ก.ค. 2554
หมายเลข  18758
อ่าน  2,841

การที่เราไปแนะนำให้คนอื่นถ่ายพยาธิจะเป็นเรื่องบาปไหมครับ (ยาถ่ายปัจจุบันฆ่าหมด) หรือว่าต้องมาชั่งน้ำหนักระหว่างการช่วยเหลือคนกับการฆ่าพยาธิ หรือทำเป็นไม่สนใจเรื่องนี้จนกว่ามันเบียดเบียนมากจนต้องทำ ช่วยให้คำแนะนำด้วยครับ

ขอบคุณมากครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 17 ก.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

บาปไม่บาป สำคัญที่เจตนาเป็นสำคัญครับ การถ่ายพยาธิ หากมีเจตนาที่จะป้องกัน ไม่ได้มีเจตนาฆ่า นั่นก็ไม่บาปครับ แต่ถ้ารู้ว่ายานั้นทานแล้ว พยาธิต้องตายและก็ทาน จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม เพื่อรักษาชีวิตตัวเอง หรือ ผู้อื่น แต่ก็รู้ว่าสัตว์นั้นมีชีวิต มีจิตคิดจะฆ่า และสุดท้ายก็สัตว์นั้นตายลง กรรมนั้นก็สำเร็จ เป็นปาณาติบาต เป็นบาป เป็นอกุศลกรรมแล้วครับ

ดังนั้นพระธรรมจึงไม่ใช่เรื่องของการชั่งน้ำหนัก สิ่งนี้กับสิ่งนี้ แต่พระธรรมเป็นเรื่องตรง อกุศลย่อมเป็นอกุศล ไม่เปลี่ยนแปลงลักษณะ ไปตามเหตุผลข้ออ้างเรื่องหนึ่งเรื่องใดเลยครับ เพราะสภาพจิตในขณะนั้นไม่เปลี่ยนแปลง

พระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง ในเรื่องศีล ว่า ศีลมีที่สุดเพราะทรัพย์ คือ บางบุคคลก็ล่วงศีลได้เพราะเหตุแห่งทรัพย์ก็มี แต่บางบุคคลไม่ล่วงศีลแพราะทรัพย์ แต่เพราะเหตุแห่งญาติ หรือ เพื่อน เช่น รักษาเพื่อน หรือ ญาติของตนก็ยอมล่วงศีล บางบุคคล เหตุแห่งทรัพย์ และญาติพี่น้องไม่ยอมล่วงศีล แต่เพราะเหตุแห่งการเสียอวัยวะ เพื่อรักษาอวัยวะของตนก็ยอมล่วงศีล แต่บางบุคคลเพราะเหตุตามที่กล่าวมาทั้งหมดก็ไม่ยอมล่วงศีล แต่เพราะเหตุแห่งชีวิตของตนก็ยอมล่วงศีลครับ

จะเห็นได้ว่าทุกอย่างเป็นไปตามเหตุปัจจัย เมื่อมีเหตุปัจจัยก็ล่วงศีลได้ ตราบใดที่ยังไม่ใช่พระโสดาบันครับ ซึ่งตัวอย่างในพระไตรปิฎกก็มีแสดงถึงบางบุคคลที่ยอมเสียชีวิตเพื่อรักษาศีล ไม่ยอมล่วงศีลก็มีครับ เพราะท่านเห็นประโยชน์ของกุศลธรรมสำคัญกว่าชีวิตของตน เพราะการเกิดและตายเป็นของธรรมดา แต่การรักษา สิ่งที่ดี ที่จะสะสมเป็นอุปนิสัยและนำมาซึ่งประโยชน์และความสุขและการบรรลุได้ สำคัญกว่าครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 17 ก.ค. 2554

ดังนั้นการที่เราไปแนะนำ ทั้งๆ ที่รู้อยู่ว่า ยาถ่ายพยาธินั้น เป็นยาฆ่าพยาธิ เจตนารักษาญาติ หรือ เพื่อน อย่างไรก็ตาม แต่ก็รู้อยู่ว่ายานั้นทำให้พยาธิต้องตาย การแนะนำก็เท่ากับว่า เป็นการชักชวน เป็นการบอกกล่าวด้วยวาจา ให้ผู้อื่นมีการทานยาให้พยาธิตายนั่นเอง ก็มีเจตนาฆ่าในขณะนั้นในการบอกกล่าวทางวาจาครับ ก็เป็นบาปแน่นอน ล่วงศีลข้อที่ ๑ ได้ครับ

ที่สำคัญ ทุกอย่างสามารถแก้ไขและหลีกเลี่ยงได้ถ้ามีปัญญา พิจารณาตามความเป็นจริง ดังนั้นแม้ในเรื่อง ศีล ข้อที่ ๑ หากเป็นผู้เห็นโทษของอกุศลกรรมที่จะต้องทำจริงๆ ก็เป็นผู้ที่จะใช้วิธิที่เหมาะสมโดยไม่ฆ่าสัตว์ก็ได้ครับ อย่างเช่น ในกรณีเรื่องการแนะนำในการถ่ายพยาธิ ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องทานยาแผนปัจจุบัน ซึ่งมีฤทธิ์ยาฆ่าพยาธิ ที่ไม่ใช่แค่ถ่าย แต่ก็ใช้วิธิที่ไม่ฆ่า โดยไม่ทานยาฆ่าพยาธิ แต่ใช้การทานสิ่งอื่นที่เป็นยาระบายถ่ายพยาธิเท่านั้น ซึ่งขณะนั้นไม่ได้มีเจตนาฆ่า แต่เจตนาเพื่อนำพยาธิออกจากร่างกายเท่านั้นครับ เพราะก็รู้อยู่ว่า การทานสิ่งนี้ ไม่ทำให้พยาธิตายและก็เป็นเพียงการทำให้พยาธิออกมาจากร่างกายเท่านั้น

ผมก็ขอแนะนำ สมุนไพรที่เป็นยาที่ระบาย ถ่ายพยาธิ แต่ไม่เป็นการฆ่าพยาธิ เหมือนยาแผนปัจจุบันที่ผู้ถามบออกว่าฆ่าพยาธิไม่ใช่ถ่ายพยาธิครับ สมุนไพร ของไทยนี่เอง ที่จะช่วยรักษาโรคต่างๆ มากมาย ถ้ารู้จักศึกษาและใช้ให้เหมาะสม อันเป็นแพทย์ทางเลือกที่ดีมาก ไม่มีผลข้างเคียง กับร่างกาย มี ตับ เป็นต้นครับ ต่างกับยาแผนปัจจุบัน ที่มีอันตรายต่อร่างกาย มีตับ และ ไต เป็นต้นครับ การใช้สมุนไพรอย่างถูกวิธี ไม่ใช่เพียงช่วยรักษาโรค แต่ก็ช่วยป้องกันไม่ให้โรคร้ายเกิดขึ้นด้วยครับ สมุนไพรที่ผมแนะนำในการถ่ายพยาธิ ไม่ทำร้ายพยาธิให้ตาย เช่น เมล็ดฟักทอง มะขาม ใบของต้นแก้ว จะเห็นครับว่า หาง่ายและไม่มีผลข้างเคียงกับร่างกายและรักษาโรค รวมทั้งบำรุงร่างกายด้วยครับ วิธีทำยาถ่ายพยาธิก็มีดังนี้ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
paderm
วันที่ 17 ก.ค. 2554

ใบและก้านต้นแก้ว

รับประทานขับพยาธิตัวตืด แก้บิด แก้ท้องเสีย

- ใช้ก้านและใบสด ๑๐-๑๕ กรัม ต้มกับน้ำ ๒ ถ้วยแก้ว เคี่ยวให้เหลือ ๑ ถ้วยแก้ว รับประทานวันละ ๒ ครั้ง หลังอาหารเช้า-เย็น

เมล็ดฟักทอง

วิธีใช้ : เนื้อในเมล็ด (๕๐ เมล็ด) บดให้ละเอียด เติมน้ำเชื่อมเล็กน้อย เติมน้ำให้ได้ ๒ ถ้วย แบ่งกิน ๒-๓ ครั้ง ห่างกัน ๒ ชั่วโมง แล้วกินดีเกลือตามหลัง ๒ ชั่วโมง (ถ่ายพยาธิตัวตืด)

มะขาม

ส่วนที่ใช้ : เมล็ดในกระเทาะเปลือก

ขนาด : ๒๐-๒๕ เมล็ด

วิธีใช้ : เอาเมล็ดมาต้มกับน้ำใส่เกลือเล็กน้อย กินครั้งเดียวให้หมด (ถ่ายพยาธิตัวกลม เส้นด้าย)

ขอขอบพระคุณ เว็บ samunpraithaiherb มา ณ ที่นี้ครับ

หวังว่าคงเป็นประโยชน์กับผู้ถามและท่านอื่นๆ ที่จะแนะนำวิธีที่จะไม่เป็นการฆ่าสัตว์นะครับ

ขออนุโมทนา

อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
icenakub
วันที่ 18 ก.ค. 2554

สุดยอดเลยครับ

อนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
สมศรี
วันที่ 18 ก.ค. 2554
สาธุ ขอบคุณและอนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
aditap
วันที่ 18 ก.ค. 2554
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
khampan.a
วันที่ 18 ก.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สัตว์โลกผู้ที่ได้เกิดมามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดำเนินไปในแต่ละวันๆ นั้น คงไม่มีใครอยากจะถูกคนอื่นฆ่า แม้ว่าจะเป็นสัตว์เล็กสัตว์น้อยก็ตาม (หรือแม้กระทั่งการถูกเบียดเบียน ไม่ถึงกับสิ้นชีวิต ก็ไม่ปรารถนา) แต่ว่า เวลาที่บุคคลหนึ่งบุคคลใด จะฆ่าบุคคลอื่น ซึ่งต้องเป็นด้วยอำนาจของกุศลจิตที่มีกำลัง ทำให้ลืมคิดถึงบุคคลหรือสัตว์ที่จะถูกฆ่าว่า บุคคลหรือสัตว์นั้นย่อมไม่มีความปรารถนาที่จะถูกฆ่าเลยไม่ว่าจะเป็นสัตว์ ประเภทใดๆ ก็ตาม นี่เป็นความจริง ดังนั้น ตนเองรักสุข เกลียดทุกข์ ฉันใด สัตว์อื่น ก็รักสุขเกลียดทุกข์ ฉันนั้น จึงไม่ควรฆ่า ไม่ควรเบียดเบียนซึ่งกันและกัน ข้อนี้ลืมไม่ได้เลยทีเดียว

และอีกประการหนึ่งที่ควรจะพิจารณา คือ การฆ่าสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นใครทำ ก็เป็นกุศลกรรมทั้งสิ้น ก็เป็นบาป เป็นกุศลกรรมเหมือนกันหมด ไม่มีการยกเว้น ผู้ที่ประกอบกุศลกรรมอย่างนี้ กล่าวได้ว่าเป็นคนพาล ภพภูมิข้างหน้าของผู้ที่ประกอบกุศลกรรม ก็คือ อบายภูมิ ซึ่งจะเห็นได้ว่าการไปสู่อบายภูมิของคนพาลทั้งหลาย นั้น ยากที่จะพ้นไปได้ คือ จากอบายภูมิ ก็กลับไปสู่อบายภูมิอีก โอกาสของการสร้างกุศล (ความดี) มีน้อยมาก ส่วนใหญ่ก็มีแต่การประกอบกุศลกรรม ยิ่งทำให้ตนเองตกต่ำลงไปเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นแล้ว จึงไม่ควรเป็นคนพาล แต่ควรอย่างยิ่งที่จะเป็นบัณฑิต สร้างความเจริญให้กับชีวิตของตนเอง ด้วยการสะสมกุศล และ ละเว้นจากความชั่วโดยประการทั้งปวง พร้อมทั้งอาศัยพระธรรมคำสอนที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง ด้วยการฟังการศึกษาอบรมเจริญปัญญา สะสมความเข้าใจถูก เห็นถูก เพื่อเป็นที่พึ่งในภายหน้า จนกว่าจะบรรลุถึงความเป็นผู้หมดจดจากกิเลสได้ในที่สุด

ข้อที่ควรพิจารณาเป็นอย่างยิ่ง คือ ไม่พึงทำความชั่วโดยประการทั้งปวง ครับ

ขอบพระคุณคุณผเดิม ที่นอกจากจะให้ความเข้าใจธรรมแล้ว ยังแนะนำยาสมุนไพรด้วย

และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ.

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
ธนฤทธิ์
วันที่ 18 ก.ค. 2554
ขอบคุณและขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
guy
วันที่ 18 ก.ค. 2554

ขอบคุณมากครับ

ขออนุโมทนากับคำตอบทุกท่านที่ตรง ชัดเจน ทำให้ผมเข้าใจมากขึ้น (โดยตั้งเจตนาใหม่ไม่ให้เป็นอกุศลและไม่ประกอบอกุศล)

ขอขอบคุณอีกครั้งครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
พรรณี
วันที่ 19 ก.ค. 2554

ขออนุโมทนาค่ะ

อ่านแล้วทำให้เห็นถึงความสำคัญของศีลข้อปาณาติบาต ว่าไม่ควรประมาท ธรรมะเป็นเรื่องตรง กุศลย่อมเป็นกุศล อกุศลจะเป็นกุศลไม่ได้

และขอบคุณที่คุณ Paderm ยังให้ตำราสมุนไพร ฝากไว้อีกด้วยค่ะ ไม่เคยทราบเลยว่าต้นแก้วใช้ทำเป็นยาถ่ายพยาธิได้ด้วย

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
pamali
วันที่ 19 ก.ค. 2554
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
wannee.s
วันที่ 19 ก.ค. 2554

ปุถุชนผู้หนาแน่นด้วยกิเลส มีเหตุมีปัจจัย ก็สามารถล่วงศีลได้ แต่ผู้มีปัญญาจะไม่ทำอกุศล ไม่ว่าจะเพื่อตัวเอง หรือ เพื่อผู้อื่นก็ตาม ในพระไตรปิฏกมีแสดงไว้ เช่น แม่ของเขาป่วย มีคนบอกว่าให้เอากระต่ายมาทำเป็นยารักษาโรค ลูกชายจับกระต่ายได้ เขาก็ฆ่ากระต่ายไม่ลง เขาปล่อยกระต่ายไป แม่เขาก็หายป่วยค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
Nataya
วันที่ 18 ก.ค. 2563

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
chatchai.k
วันที่ 18 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ