พระอริยบุคคลหลังกึ่งพุทธกาล

 
homenumber5
วันที่  23 ก.ค. 2554
หมายเลข  18796
อ่าน  8,692

เรียนท่านวิทยากร ดิฉันมีคำถามที่มีผู้ฝากถามดังนี้

๑.ในปัจจุบันกาลหลังพระพุทธเจ้าตรัสรู้เกิน2600ปีมานี้ มีพระอริยบุคคลที่ยังไม่ละ

สังขารหรือไม่คะ

๒.ถ้า คำตอบข้อ ๑ ว่ามี ท่านอยู่ในโลกไหนคะ

๓.มนุษย์ปัจจุบันนี้สมารพสิกขาธรรมจนได้เป็นอริยบุคคลไหมคะ

๔.พระอริยบุคคลที่อยู่ในสมณเพศ ในปัจจุบันมีไหมคะ

๕.ถ้ามีพระอริยบุคคลในโลกปัจจุบัน ท่านจะเผยแผ่พุทธศาสนาได้ไหม และทำอย่างไร

เพราะหากท่านเป็นพระอรหันต์ท่านก็ไม่มีกิเลสแล้ว ท่านจะอาศัย นามรูปใดมาสอนสั่ง

คะ เป็นคำถามที่ประกอบด้วยอวิชชาใหญ่ๆ เลย แต่มีผู้ถามดิฉันมาอีกทอด ดิฉันไม่แน่ใจ

ว่าจะตอบอย่างไรไม่ให้ผิดเพี้ยนจากพระไตรปิฎก จึงหวังในความเมตตาของทุกท่าน


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 23 ก.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย๑.ในปัจจุบันกาลหลังพระพุทธเจ้าตรัสรู้เกิน2600ปีมานี้ มีพระอริยบุคคลที่ยังไม่ละ

สังขารหรือไม่คะ

--------------------------------------------------------------------

สมัยนี้ คือ หลังพุทธกาล สองพันห้าร้อยกว่าปีคืออยู่ในยุคพันปีที่ 3 ยังมีพระอริยบุคคล

ได้ในโลกมนุษย์ สูงสุดถึงความเป็นพระอนาคามีเท่านั้นครับ ดังนั้นปัจจุบันในโลก

มนุษย์ก็ยังมีพระอริยบุคคลได้แต่ไม่ถึงความเป็นพระอรหันต์ ซึ่งการจะรู้ว่าใครเป็นพระ

อริยบุคคลหรือไม่ บุคคลนั้นจะต้องมีปัญญาเข้าใจหนทางในการดับกิเลส ถึงความเป็น

พระอริยบุคคลเช่นกัน ที่สำคัญบุคคลนั้นก็ต้องมีปัญญาเทียบเท่าหรือสูงกว่าจึงจะรู้ได้

ว่าบุคคลนั้นเป็นพระอริยบุคคลหรือไม่ครับ ส่วนในโลกอื่นที่ไม่ใช่โลกมนุษย์ เช่น

เทวดา พรหม อรูปพหรม ก็มีพระอริยบุคคลทุกประเภท จนถึงพระอรหันต์ครับ และก็มี

พระอริยบุคคลที่ยังไม่ละสังขาร ยังไม่จุติ ดำรงอยู่ในเทวโลกและพรหมโลกด้วยครับ

รื่อง จะรู้บุคคลใดต้องมีปัญญาเท่าบุคคลนั้น พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ 161

ข้อความบางตอนจากอรรถกถาปฐมโกกาลิกสูตร

บทว่า อปฺปเมยฺย ปมินนฺโต ความว่า กำหนดนับบุคคลผู้เป็นขีณาสพ ผู้มี

คุณอันใครๆ ประมาณไม่ได้ อย่างนี้ว่า ศีลมีประมาณเท่านี้สมาธิมีประมาณเท่านี้

ปัญญามีประมาณเท่านี้. ด้วยคำว่า โกธ วิทฺวา วิกปฺปเยความว่า ใครผู้มีปัญญา

ผู้มีเมธาในโลกนี้พึงกำหนด ท่านแสดงว่า พระขีณาสพเท่านั้น พึงกำหนดนับพระ

ขีณาสพ (พระอรหันต์) . บทว่า นิธุตนฺต มญฺเ ความว่าก็ผู้ใดเป็นปุถุชน ปรารภจะ

วัดพระขีณาสพนั้น เรากล่าวผู้นั้นว่า ไม่มีธุตธรรมคือมีปัญญาต่ำทราม.

-------------------------------------------------------------------------------

๒.ถ้า คำตอบข้อ ๑ ว่ามี ท่านอยู่ในโลกไหนคะ

พระอริยบุคคลขั้นต่างๆ ก็มีได้ทั้งโลกมนุษย์และสุคติภูมิอื่นๆ ด้วย เช่น เทวดา พรหม

ชั้นต่างๆ และอรูปพรหม ยกเว้นอสัญญสัตตาพรหมครับ เพียงแต่ว่า ถ้าเป็นภพภูมิ

มนุษย์ในปัจจุบันมีได้สูงสุดเพียงพระอนาคามี ส่วนเทวโลกและพรหมโลก อรูปพรหม

สามารถมีพระอริยบุคคลได้ทุกขั้นจนถึงพระอรหันต์ครับ และพระอรหันต์ในเทวโลกและ

พรหมโลกก็ยังมีอยู่ด้วยครับ เพราะอายุของเทวโลกและพรหมโลกยาวนานมากครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 23 ก.ค. 2554

๓.มนุษย์ปัจจุบันนี้สามารถสิกขาธรรมจนได้เป็นอริยบุคคลไหมคะ

มนุษย์ปัจจุบัน ก็ยังสามารถอบรมปัญญา ถึงความเป็นพระอริยบุคคลได้ หากดำเนิน

ตามหนทางที่ถูก คือ การรู้ความจริงของสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ครับ แต่มนุษย์ใน

ยุคปัจจุบัน เป็นยุคที่เสื่อมจากปัญญาและมากไปด้วยกิเลสมาก จึงค่อยๆ เสื่อมไป

ดังนั้นสูงสุดในภพภูมิมนุษย์ได้เพียงพระอนาคามีบุคคลครับ ดังนั้นพระธรรมของพระ

พุทธเจ้ายังมีอยู่ แต่ผู้ที่จะเข้าใจได้ตามนั้นก็ยากและน้อยครับ

-----------------------------------------------------------------------------

๔.พระอริยบุคคลที่อยู่ในสมณเพศ ในปัจจุบันมีไหมคะ

ถ้าดำเนินตามหนทางที่ถูก ก็สามารถอบรมปัญญาได้เป็นพะอริยบุคคลไม่ว่าเพศ

บรรพชิตหรือคฤหัสถ์ครับ แต่การจะรู้ว่าใครเป็นพระอริยบุคคลก็ด้วยปัญญาครับ ไม่ใช่

เพราะการกล่าวอ้าง คำร่ำลือ หรือเพียงการเห็นภายนอกครับ เพราะปัญญาเป็นเรื่อง

ของนามธรรม ไม่สามารถเห็นได้ด้วยตา ผู้ที่เข้าใจหนทางที่ถูกในการอบรมปัญญาและ

มีปัญญาถึงความเป็นพระอริยบุคคล เทียบเท่า หรือ สูงกว่า จึงจะรู้ว่าบุคคลนั้นเป็นพระ

อริยบุคคลหรือไม่ครับ

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต เล่ม ๓ - หน้าที่ 739

ข้อความบางตอนจากทารุกัมมิกสูตร

พ. ดูก่อนคฤหบดี ท่านผู้เป็นคฤหัสถ์ บริโภคกาม อยู่ครองเรือนนอนเบียด

เสียดบุตร บริโภคจันทน์แคว้นกาสี ทัดทรงดอกไม้ ของหอมและเครื่องลูบไล้ ยินดี

ทองและเงินอยู่ พึงรู้ข้อนี้ได้ยากว่า ภิกษุเหล่านี้เป็นพระอรหันต์ หรือเป็นผู้บรรลุ

อรหัตตมรรค

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
paderm
วันที่ 23 ก.ค. 2554

๕.ถ้ามีพระอริยบุคคลในโลกปัจจุบัน ท่านจะเผยแผ่พุทธศาสนาได้ไหม และทำอย่างไร

เพราะหากท่านเป็นพระอรหันต์ท่านก็ไม่มีกิเลสแล้ว ท่านจะอาศัย นามรูปใดมาสอนสั่ง

คะ เป็นคำถามที่ประกอบด้วยอวิชชาใหญ่ๆ เลย แต่มีผู้ถามดิฉันมาอีกทอด ดิฉันไม่แน่ใจ

ว่าจะตอบอย่างไรไม่ให้ผิดเพี้ยนจากพระไตรปิฎก จึงหวังในความเมตตาของทุกท่าน

------------------------------------------------------------------------------------

ในยุคปัจจุบันในภพภูมิมนุษย์ไม่มีพระอรหันต์แล้ว สูงสุดเพียงพระอนาคามี ซึงก็สามารถ

เผยแพร่พระธรรมคำสอนได้ ไม่ว่าจะเป็นพระอริยบุคคลขั้นไหน และอยู่ในเพศใด ไม่ว่า

จะเป็นเพศ บรรพชิตและคฤหัสถ์ก็เผยแพร่พระธรรมตามความเหมาะสมของเพศได้ครับ

รวมทั้งไม่ว่าจะเป็นพระอริยบุคคลขั้นไหนก็สามารถเผยแพร่พระธรรมได้

แม้แต่พระอรหันต์ในเพศบรรพชิตก็สามารถเผยแพร่พระธรรมได้ครับ ดังเช่น เมื่อพระ

พุทธเจ้าทรงประกาศธรรมจักรและแสดงธรรมในช่วงต้น ก็มีพระอรหันต์เกิดขึ้นในโลก

61 รูปรวมพระพุทธเจ้าและพระองค์ก็ได้ตรัสกับภิกษุทั้งหมด 60 รูปที่เป็พระอรหันต์ว่า

เธอจงไปประกาศพระศาสนา คนที่สามารถจะบรรลุพอมีอยู่ พระเถระทั้งหลายท่านก็ไป

ประกาศพระศาสนา โดยการแสดงธรรม นี่คือการประกาศพระศาสนาของท่าน

และท่านก็ให้กุลบุตรกับบุคลลทั้งหลายบวช อุปสมบทด้วยไตรสรณคมณ์ในช่วงแรก

การแสดงธรรมจึงสามารทำได้แม้พระอรหันต์รวมทั้งพระอริยบุคคลขั้นอื่น และการแสดง

ธรรมที่ถูกต้องก็สามารถทำได้ ทั้งเพศ บรรพชิตและคฤหัสถ์ครับ ดังสมัยพุทธกาลที่มี

ตัวอย่างมากมาย ที่พระพุทธเจ้าได้ส่งพระเถระที่บรรลุเป็นพระอรหันต์แล้วไปประกาศ

พระศาสนาครับ และเมื่อพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว พระเจ้าอโศกก็ส่งพระอรหันต์

หลายรูปไปประกาศพระศาสนาที่ ศรีลังกา ที่สุวรรณภูมิที่ต่างๆ มากกมายด้วยการแสดง

ธรรม ประกาศพระสัทธรรมของพระพุทธเจ้านั่นเอง ให้ผู้ที่ได้ฟังเลื่อมใสถึงพระรัตนตรัย

เป็นสรณะบ้าง และได้บรรลุธรรมบ้างครับ ดังนั้นการประกาศพระศาสนาก็คือการแสดง

ธรรมของพระพุทธเจ้าที่ถูกต้องตรงตามความเป็นจริงนั่นเองครับ ซึ่งการแสดงธรรมที่

ถูกต้องจึงไม่จำกัด เพศ ไม่จำกัด ความเป็นพระอริยบุคคล ผู้มีปัญญา ไม่ว่าเพศใดก็

แสดงธรรมที่ถูกต้องตามระดับและตามกำลังของปัญญาครับ ขออนุโมทนา

เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ

ในปัจจุบันนี้มีพระอรหันต์หรือไม่

มีพระอรหันต์ในยุคนี้หรือไม่

อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
khampan.a
วันที่ 23 ก.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระอริยบุคคล คือ บุคคลผู้ทำลายข้าศึกคือกิเลสได้ ตามลำดับขั้น เป็นบุคคลผู้ประเสริฐ ที่เป็นผู้ประเสริฐได้ก็ด้วยปัญญาที่สามารถดับกิเลสได้ตามลำดับมรรค, พระอริยบุคคลมี ๔ ระดับ คือ พระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี และพระอรหันต์ พระอริยบุคคล ๓ ข้างต้น ยังมีกิเลสเหลืออยู่ จนกว่าจะถึงความเป็นพระอรหันต์ จึงจะสามารถดับกิเลสได้อย่างหมดสิ้น ไม่มีเหลือ กิเลสที่สะสมมาอย่างเนิ่นนานในสังสารวัฏฏ์ไม่เกิดขึ้นอีกเลย กว่าจะดับกิเลสได้ นั้น จะต้องอาศัยการอบรมเจริญปัญญา สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูก เป็นระยะเวลาที่ยาวนาน ถ้าไม่ได้อบรมเจริญปัญญา จนกระทั่งถึงขั้นที่จะดับกิเลสได้อย่างเด็ดขาดแล้ว ย่อมไม่สามารถที่จะเป็นพระอริยบุคคลได้ ไม่ใช่ว่าจะบรรลุกันได้ง่ายๆ ตามหลักฐานทางพระพุทธศาสนาแล้ว ยุคนี้เป็นพันปีที่ ๓ (เฉพาะในโลกมนุษย์) ไม่มีพระอรหันต์แล้ว ถ้าจะมีได้ก็มีถึงพระอนาคามีเท่านั้น จะเห็นได้ว่า การรู้แจ้งอริยสัจจธรรมถึงความเป็นพระอริยบุคคลนั้น เป็นผลของการอบรมเจริญปัญญา ถ้าไม่เจริญเหตุ คือ การอบรมเจริญปัญญา ก็ไม่สามารถถึงความเป็นพระอริยบุคคลได้

กิเลสเป็นสิ่งที่ละยากเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะดำรงอยู่ในเพศใด กล่าวคือ เป็นบรรพชิตหรือคฤหัสถ์ ก็ตาม ซึ่งเมื่อว่าโดยสภาพธรรมแล้ว ไม่มีสัตว์ ไม่มีบุคคล มีแต่ความเกิดขึ้นเป็นไปของธรรมแต่ละอย่างๆ เท่านั้นจริงๆ และประการที่สำคัญกิเลสที่มีมากสะสมมาอย่างเนิ่นนานในสังสารวัฏฏ์ ต้องอาศัยปัญญาจึงจะละได้ ถ้าหากปัญญาไม่เกิด ไม่มีปัญญา ก็ไม่มีทางดับกิเลสใดๆ ได้เลย [แม้แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ทรงตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ ก็ด้วยปัญญา ซึ่งได้ทรงบำเพ็ญพระบารมีมาจนถึงพร้อมแล้ว] แล้วปัญญาจะมาจากไหน ถ้าไม่อบรมเจริญให้มีขึ้นจากการได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง เมื่อมีความเข้าใจอย่างถูกต้องแล้ว ก็จะสามารถเกื้อกูลให้ผู้อื่นได้เข้าใจด้วยตามกำลังปัญญาของตนเอง ซึ่งเป็นการให้ในสิ่งที่ประเสริฐที่สุด คือ ให้ความเข้าใจธรรม ธรรม เป็นเรื่องที่ยากมาก เมื่อได้เริ่มฟังธรรมและเห็นว่าพระธรรมยาก ก็ไม่ควรท้อถอย เมื่อไม่ท้อถอยในการอบรมเจริญปัญญา ฟังบ่อยๆ เนืองๆ ให้เวลากับพระธรรมอยู่เสมอๆ สิ่งที่ยากนี้ก็จะค่อยๆ ง่ายขึ้นทีละเล็กทีละน้อย จนกระทั่งในที่สุดก็เป็นปกติและสามารถถึงความสมบูรณ์พร้อมของปัญญาได้ในวันหนึ่งข้างหน้า ทุกอย่างสำเร็จได้ แต่ต้องอาศัยกาลเวลา เพราะฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมในวันนี้แล้ว จะให้บรรลุเป็นพระอริยบุคคล เลย เป็นไปไม่ได้ ต้องค่อยๆ สะสมความเข้าใจถูก เห็นถูกไปตามลำดับจริงๆ ครับ. ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
pamali
วันที่ 25 ก.ค. 2554
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
SOAMUSA
วันที่ 27 ก.ค. 2554

กราบอนุโมทนา ขอบพระคุณค่ะ

ดิฉันเห็นมีพระผู้ใหญ่บางคนที่คนนับถือกันทั้งบ้านทั้งเมือง

และท่านก็ทำคุณประโยชน์ให้แก่ชาติ

ประกาศว่าท่านจะละสังขารแล้ว ท่านจะไม่มาเกิดอีกแล้ว

อันนี้หมายความว่าอย่างไรคะ

และพระท่านก็สอนว่า นิพพานคือนิพพาน นิพพานไม่เป็นอนัตตา

ดิฉันสับสนไปหมดแล้วค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
paderm
วันที่ 27 ก.ค. 2554

เรียนความเห็นที่ 6 ครับ โดยทั่วไปแล้ว เวลาผู้ทีมีปัญญาตอบหรือพูดเรื่องนี้ท่านจะพูดถึงตัวสภาพธรรมเป็น

หลัก ไม่ได้พูดถึงตัวท่านว่าท่านจะเกิดอีกหรือไม่เกิดอีก และที่สำคัญ ในยุคสมัยนี้ ยุค

พันปีที่สามแล้ว ไม่มีพระอริยบุคคลที่ถึงความเป็นพระอรหันต์ สูงสุดเพียงพระอนาคามี

เท่านั้นครับ

ซึ่งผมขอยกตัวอย่าง พระยามิลินท์ผู้เป็นพระราชาที่ปราดเปรื่อง ถามปัญหาธรรมกับ

ท่านพระนาคเสน ผู้เป็นพระอรหันต์และฉลาด ปราดเปรื่องในการแก้ปัญหาธรรมครับ

พระยามิลินท์ ...ท่านพระนาคเสน ท่านจะเกิด ปฏิสนธิอีกหรือไม่

พระนาคเสน... มหาบพิตร หากอาตมาภาพมีอุปาทาน (ความยึดถือด้วยกิเลส) ก็ยังต้อง

เกิด หากอาตามาภาพ ไม่มีอุปาทาน อาตมาภาพก็จะไม่เกิดอีก

พระยามิลินท์ ...ท่านพยากรณ์โดยชอบแล้ว

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
SOAMUSA
วันที่ 27 ก.ค. 2554

กราบอนุโมทนาอาจารย์ค่ะ ขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ ที่ให้ความเข้าใจ

ผู้ที่มีปัญญา ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เมื่อเป็นพระอรหันต์แล้วต้องมีปัญญา

ต้องตอบเป็นสภาวธรรม ทำให้ดิฉันนึกขึ้นได้ว่า พระอาจารย์เคยสอนไว้

ว่าเมื่อปฏิบัติจนถึงที่สุดแล้ว จะเห็นทุกอย่างเป็นแต่สภาวธรรมเท่านั้นจริงๆ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ