สมถะกัมมฐานเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าที่แท้จริงหรือไม่

 
ลุงหมาน
วันที่  5 ส.ค. 2554
หมายเลข  18866
อ่าน  1,930

เท่าที่อ่านในคำสอนของพระพุทธองค์ก็สอนเรื่องสมถะกัมมฐาน

จนสามารถได้ฌานได้อภิญญา อิทธิฤทธิต่างเป็นต้นนั้น

ถ้าจะพูดถึงเรื่องฌานอภิญญานั้นก่อนที่พระพุทธองค์จะมาบรรลุ

เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นธรรมเหล่านี้ก็มีมาก่อนแล้ว

อย่างเช่น ฤษี ดาบส ชฎิล เป็นต้น (ความคิดเห็นส่วนตัว)

ด้วยความเคารพครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 5 ส.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

สิ่งใด ธรรมใดที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าครับ พระพุทธเจ้า

ทรงสรรเสริญกุศลธรรมทุกๆ ประการ ดังนั้น พระองค์ทรงแสดงกุศลขั้นทาน ศีลและภาวนา

ซึ่งกุศลขั้นภาวนา ก็แบ่งเป็น สมถภาวนาและวิปัสสนาภาวนา

สำหรับวิปัสสนาภาวนานั้น คือการเจริญสติปัฏฐาน หรือ อริยมรรค อันเป็นหนทางดับ

กิเลส ที่พระองค์เท่านั้นเป็นผู้ตรัสัรู้ความจริง ไม่มีใครรู้มาก่อน และเป็นหนทางเดียวที่

ดับกิเลส ส่วนกุศลประการอื่นๆ ไม่ว่าเป็นกุศลขั้นทาน ศีลและสมถภวานา เป็นกุศลที่

ควรเจริญเพราะโดยมากจิตย่อมแล่นไปในอกุศล แต่ไม่ใช่หนทางดับกิเลสครับ

ดังนั้น สมถภาวนา ที่พระองค์ทรงแสดงไว้ เป็นกุศลธรรม เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า แต่พระองค์ก็ทรงแสดงถึงความละเอียดของกุศลแต่ละอย่าง แต่ละประการไว้ว่า กุศลใด

สามารถดับกิเลสได้ กุศลใด ไม่สามารถดับกิเลสได้ ครับ

เราจะต้องมีความเข้าใจถูกเบื้องต้นว่า สมถภาวนาไม่สามารถดับกิเลสได้ และการ

เจริญวิปัสสนาไม่ได้หมายความว่าจะต้องเจริญสมถภาวนาให้ได้ฌานก่อน เพราะขณะที่

เจริญวิปัสสนา ก็มี สมถะ ที่เป็นองค์ธรรมของความสงบ มีสัมมาวายามะ สัมมาสติ และ

สัมมาสมาธิ ที่เป็นฝักฝ่าย สมถะ อยู่แล้วครับ

เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ...มรรคหรือสติปัฏฐาน เป็นทั้งสมถและวิปัสนนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 5 ส.ค. 2554

ในมหาโควินทสูตร พระโพธิสัตว์เกิดเป็นมหาโควินทพราหมณ์ สั่งสอนสาวกให้เจริญ

ฌาน ได้ไปพรหมโลกมากมาย แต่พระองค์ได้ทรงแสดงธรรมเมื่อครั้งที่เป็นพระพุทธเจ้า

พระองค์ตรัสว่า เมื่อครั้งนั้นเราสอนสาวกให้เจริญฌาน ได้ไปพรหมโลก แต่ทางนั้นไม่ใช่ทางเบื่อหน่าย คลายกำหนัด ไม่ใช่ทางหลุดพ้น แต่สมัยนี้เราแสดงอริยมรรคมีองค์ 8 กับเธอ อันเป็นหนทางดับกิเลส เป็นไปเพื่อ่ความเบื่อหน่าย คลายกำหนัด หลุดพ้น

เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ

ฌานดับกิเลสไม่ได้ มรรคมีองค์ 8 ดับกิเลสได้ [มหาโควินทสูตร]

ส่วนในสัลเลขสูตร พระองค์ทรงแสดงว่า ฌานขั้นต่างๆ ไม่ใช่ธรรมเครื่องขัดเกลากิเลส

เพียงแต่เป็นธรรมที่อยู่เป็นสุขในปัจจุบันนี้เท่านั้นครับ

เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ

ฌานไม่ใช่หนทางในการดับกิเลส [สัลเลขสูตร]

ดังนั้น เจริญสมถภาวนาได้ถ้ามีความเข้าใจถูกว่ากุศลควรเจริญ และเห็นโทษของกิเลส

แต่ก็ต้องมีปัญญาที่รู้ว่าจะอบรมอย่างไร ไม่ใช่เข้าใจผิดว่า จะเจริญวิปัสสนา แล้วจะต้อง

เจริญสมถภาวนาควบคู่กันไป หรือ ต้องเจริญสมถภาวนาก่อน อันนี้ไม่ถูกต้องครับ ดังนั้น

พระพุทธเจ้าทรงแสดงเรื่องฌาน สมถภาวนาไว้ก็จริง แต่พุทธบริษัทผู้ศึกษาธรรมต้องมีความละเอียดว่า ทรงแสดงสมถภาวนาไว้เพราะเหตุผลใดด้วย คือกุศลควรเจริญทุกประการ

แต่ สมถภาวนา ไม่ใช่หนทางดับกิเลส และไม่ใช่ว่า ในการเจริญวิปัสสนาจะต้องเจริญ

สมถภาวนาก่อน หรือควบคู่กันไป ครับ ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา

อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
แสงจันทร์
วันที่ 5 ส.ค. 2554

ขออนุโทนา ทั้งผู้ถามและผู้ตอบปัญหา โดยเฉพาะผู้ที่ตอบ น่าจะเป็นพหูสูตผู้เป็นกำลังของพระศาสนา

สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ
 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
khampan.a
วันที่ 5 ส.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแดสง เพื่อให้ผู้ฟัง ผู้ศึกษา เกิดความเข้าใจถูกเห็นถูก เป็นปัญญาของตนเอง ซึ่งถ้ามีการฟัง มีการพิจารณาไตร่ตรองอย่างละเอียด ก็จะทำให้เข้าใจอย่างถูกต้อง ตรงตามความเป็นจริง ไม่คลาดเคลื่อน จริงอยู่ ถึงแม้ว่าก่อนการตรัสรู้ของพระผู้มีพระภาคเจ้า ซึ่งเป็นช่วงที่ว่างจากพระธรรมคำสอน ก็มีผู้ที่อบรมเจริญฌาน ซึ่งเป็นสมถภาวนา ผลก็คือ ระงับกิเลสได้ชั่วคราว เมื่อฌานไม่เสื่อมก็เป็นเหตุให้ไปเกิดในพรหมโลก เมื่อเคลื่อนจากพรหมโลกแล้ว ก็เกิดในภพภูมิต่างๆ อีกยังไม่พ้นจากกองทุกข์ทั้งปวงได้เลย แต่เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสรู้แล้ว ก็ทรงแสดงธรรม เพื่อให้สัตว์โลกได้เข้าใจตามความเป็นจริง พระธรรมที่พระองค์ทรงแสดงในส่วนของภาวนา มีทั้งสมถภาวนาและวิปัสสนาภาวนา แต่ทั้งหมด ต้องเป็นไปเพื่อความเจริญขึ้นของกุศลธรรม เป็นไปเพื่อขัดเกลากิเลสของตนเอง เป็นสำคัญ และการที่จะเข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริง ต้องอบรมเจริญ วิปัสสนาภาวนา ซึ่งเป็นการอบรมเจริญปัญญา รู้สภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง ผลสูงสุด ทำให้ผู้อบรมสามารถรู้แจ้งอริยสัจจธรรม ถึงความเป็นพระอริยบุคคลขั้นต่างๆ จนกระทั่งบรรลุถึงความเป็นพระอรหันต์ ดับกิเลสทั้งปวงได้อย่างเด็ดขาด ครับ. ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
chaiyut
วันที่ 5 ส.ค. 2554

สมถกรรมฐาน มีหลายบรรพมาก ธรรมเหล่านี้ส่วนใหญ่ มีผู้เจริญกันมาก่อนการบรรลุของพระพุทธเจ้าพระองค์นี้นานแสนนาน แต่เมื่อพวกเขาทั้งหลายไม่ได้ฟังพระธรรมที่พระพุทธเจ้าพระองค์นี้ทรงตรัสรู้และทรงแสดง ฤาษีชฎิล ดาบสทั้งหลาย ไม่มีใครรู้เลยว่า สมถกรรมฐานที่พวกเขาเจริญกันอยู่เจริญเพื่อข่มนิวรณ์ เพื่อให้จิตสงบ ตั้งมั่น จนได้ฌาน ได้อภิญญาต่างๆ นั้นทั้งหมดเป็น "ธรรม" ทั้งสิ้น ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล พระพุทธ-องค์ทรงแสดงหนทางแห่งการรู้สัจจะด้วยการทรงแสดงพระธรรม ทรงประ-กาศอริยสัจธรรม ทรงชี้แจง ทรงเปิดเผยธรรมอันอวิชชาปกปิดไว้ ให้สาวกผู้ฟังทั้งหลายเกิดปัญญา เห็นถูก เข้าใจถูกว่าทุกอย่างเป็นธรรม จนปัญญาเห็นหนทางแห่งการเจริญกุศลบารมีที่จะช่วยให้ถึงซึ่งการดับกิเลสจนหมดสิ้นได้จริงเป็นสำคัญครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
wannee.s
วันที่ 5 ส.ค. 2554

การเจริญสมถภาวนา ถึงจะเจริญถูก ได้ฌาน ได้ฤทธิ์ ก็ไม่ใช่หนทางพ้นทุกข์

แล้วฌานก็เกิดยาก แต่เสื่อมง่าย เช่น พระเทวทัต ท่านได้ฌาน เหาะเหิน

เดินอากาศได้ พอท่านคิดจะเป็นใหญ่ ฌานก็เสื่อม ไม่มีฤทธิ์ สุดท้ายท่านก็ไป

เกิดในอเวจีนรก ฯลฯ ส่วนวิปัสสนาภาวนา เป็นปัญญาที่ประจักษ์แจ้ง และเป็น

หนทางที่นำไปสู่การพ้นทุกข์ ตามที่พระพุทธเจ้าไได้ทรงแสดงไว้ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
ลุงหมาน
วันที่ 6 ส.ค. 2554

ขออนุโมทนากับจิตอันเป็นมหากุศลกับคำตอบของทุกท่านครับ...สาธุๆ ๆ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
bsomsuda
วันที่ 7 ส.ค. 2554

"ในสัลเลขสูตร พระองค์แสดงว่า ฌานขั้นต่างๆ ไม่ใช่ธรรมเครื่องขัดเกลากิเลส"

"การที่จะเข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริง ต้องอบรมเจริญวิปัสสนาภาวนา"

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
พรรณี
วันที่ 8 ส.ค. 2554

ได้คลิกเข้าไปอ่าน ฌาณดับกิเลสไม่ได้ มรรคมีองค์ ๘ ดับกิเลสได้ (มหาโควินทสูตร)

แล้วทำให้เพิ่มความเข้าใจขึ้น ขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ