การฆ่าตัวตายจะกลับมาเกิดอีกหรือไม่

 
วันวิสาวันทะก๋า
วันที่  5 ส.ค. 2554
หมายเลข  18871
อ่าน  8,664

การที่เราฆ่าตัวตายจะไม่กลับมาเกิดอีกหรือไม่


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 5 ส.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

บุคคลที่จะไม่กลับมาเกิดอีกในโลกนี้ หรือ โลกไหนๆ ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ เทวดา พรหมโลก อบายภูมิ คือบุคคลที่ดับเหตุจากการเกิด คือ ดับเหตุคือกิเลสหมดสิ้นแล้ว เพราะเหตุที่ทำให้เกิดคือกิเลส ตราบใดที่ยังมีกิเลส ก็ยังจะต้องกลับมาเกิดไม่ภพภูมิใด ก็ภพภูมิหนึ่งครับ เพราฉะนั้น การฆ่าตัวตายไม่ใช่เป็นเหตุให้ถึงการดับกิเลส ตราบใดที่ยังมีกิเลส แม้จะฆ่าตัวตายไปก็จะต้องกลับมาเกิดอีกในโลกนี้ แม้ในภพภูมิมนุษย์แต่ไม่รู้ว่าในชาติไหนที่จะกลับมาเกิดอีก แต่จะต้องกลับมาเกิดอีกแน่นอน เพราะสังสารวัฏฏ์ ไม่มีที่สิ้นสุดสำหรับคนพาลที่ไม่ได้อบรมปัญญา จึงต้องวนเวียนไปในภพต่างๆ ไม่มีที่สิ้นสุดครับ ดังนั้นเมื่อฆ่าตัวตาย เมื่อตายแล้วจึงเกิดทันที แต่ไม่รู้ว่าเกิดเป็นอะไรครับ

การฆ่าตัวตาย ไม่ใช่เป็นการทำปาณาติบาต ไม่ได้ทำอกุศลกรรม เพราะไม่ได้ฆ่าสัตว์อื่น แต่ฆ่าตัวเอง และก็ไม่ใช่ว่าเมื่อฆ่าตัวตาย จะต้องตกนรก ๕๐๐ ชาติ ตามที่เข้าใจ เพราะไม่มีใครกำหนดอายุหรือกรรมที่ทำได้ครับ แล้วแต่ว่ากรรมใดจะให้ผล ซึ่งอาจจะตกนรกน้อยกว่าหรือมากกว่าก็ได้ แต่กรรมคือการฆ่าตัวตาย ไม่เป็นอกุศลกรรม เพราะไม่เป็นปาณาติบาต กรรมนี้จึงไม่สามารถให้ตกนรกได้ครับ แต่ขณะที่ฆ่าตัวตาย ก่อนตายอาจมีจิตเศร้าหมอง จึงเป็นปัจจัยให้กรรมไม่ดีที่เป็นอกุศลกรรมอื่นมาให้ผล ทำให้ตกนรกได้ แต่ไม่ใช่กรรมคือการฆ่าตัวตายครับ

ดังนั้น การฆ่าตัวตายจึงไม่ใช่กรรมหนักตามที่เข้าใจในปัจจุบันและไม่ใช่ว่าเมื่อฆ่าตัวตายจะไม่เกิดอีก ตราบใดที่ยังมีกิเลส จะตายแบบไหน แบบใดก็ต้องเกิดอีกด้วยกันทั้งนั้นครับ หนทางที่จะไม่เกิดอีก คือ การศึกษาพระธรรม อบรมปัญญา ดับเหตุคือกิเลสจนหมดสิ้น ดังเช่น เมื่อพระพุทธเจ้าปรินิพพานที่กุสินารา นั่นคือการไม่เกิดอีกต่อไปครับ

ขออนุโมทนา

อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 5 ส.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

การตายของสัตว์โลก คือ จุติจิตเกิดขึ้น ทำกิจเคลื่อนจากความเป็นบุคคลนี้ ในภพนี้ชาตินี้, เมื่อจุติจิตดับไปแล้ว เป็นปัจจัยให้ปฏิสนธิจิตเกิดขึ้น ทำกิจสืบต่อความเป็นบุคคลใหม่ สืบต่อทันที (สำหรับผู้ที่ยังมีกิเลส) เพราะฉะนั้น ผู้ที่ไม่ได้บรรลุถึงความเป็นพระอรหันต์ดับกิเลสได้ทั้งหมด เมื่อตายไป (จิตขณะสุดท้ายของชีวิตในชาตินี้ เกิดขึ้นทำกิจเคลื่อนจากความเป็นบุคคลนี้) ย่อมเกิดทันที แต่จะไปเกิดเป็นอะไร และ ที่ไหนนั้น ย่อมขึ้นอยู่กับกรรมที่กระทำแล้ว กล่าวคือ ผู้ทำกรรมดี เมื่อตายไป กรรมดีให้ผลย่อมเกิดในสุคติภูมิ ได้แก่ ภูมิมนุษย์ ภูมิสวรรค์ ตามควรแก่เหตุ (คือกรรม) ในทางตรงกันข้ามผู้ทำกรรมชั่วไว้ (ถ้ายังไม่บรรลุเป็นพระอริยบุคคล) เมื่อกรรมชั่วนั้นให้ผลย่อมเกิดในอบายภูมิ คือ นรก เปรต อสุรกาย และ สัตว์เดรัจฉาน

สรุปแล้ว คือ เกิดแน่นอน สังสารวัฏฏ์ก็ยังดำเนินต่อไป มีจิต (สภาพธรรมที่เป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้แจ้งอารมณ์) เจตสิก (สภาพธรรมที่เกิดร่วมกับจิต) รูป เกิดขึ้นเป็นไป อย่างไม่ขาดสาย ส่วนผู้ที่บรรลุเป็นพระอรหันต์ เมื่อดับขันธปรินิพพานแล้ว (ตาย) ย่อมไม่มีการเกิดอีกในสังสารวัฏฏ์ เป็นผู้สิ้นทุกข์โดยประการทั้งปวง เป็นที่น่าพิจารณาว่า เป็นการยากมากกับการได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ยากจริงๆ เพราะต้องได้ด้วยผลของกุศล

เมื่อได้เกิดมาเป็นมนุษย์แล้ว ไม่ควรที่จะฆ่าตัวตาย (แม้ว่าจะทุกข์ยาก เดือดร้อนเพียงใดก็ตาม) เพราะเหตุว่าตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ ก็ยังมีโอกาสที่จะได้เจริญกุศลประการต่างๆ รวมถึงการอบรมเจริญปัญญาด้วย ซึ่งเป็นการสะสมเหตุที่ดีที่จะติดตามไปในภพหน้าได้ ไม่มีใครสามารถทราบได้ว่า เมื่อละจากโลกนี้ไปแล้ว จะไปเกิดในภพภูมิใด ถ้าหากไปเกิดในอบายภูมิ ย่อมหมดโอกาสที่จะได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม พิจารณาพระธรรม ไม่มีโอกาสที่จะอบรมเจริญปัญญาเพื่อรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริงได้

ฉะนั้นแล้ว ทุกๆ วันจึงเป็นโอกาสที่ดี ที่จะทำชีวิตที่ยังมีอยู่ ยังเหลืออยู่นี้ ให้เป็นชีวิตที่มีค่ามากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ครับ.

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
Jans
วันที่ 5 ส.ค. 2554

ขอบคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
nong
วันที่ 6 ส.ค. 2554

ทุกๆ วันจึงเป็นโอกาสที่ดี ที่จะทำชีวิตที่ยังมีอยู่ ยังเหลืออยู่นี้ ให้เป็นชีวิตที่มีค่ามากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ... สิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิต คือ การได้ศึกษาพระธรรมที่ถูกต้องค่ะ ...

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
คนไทยพบธรรม
วันที่ 6 ส.ค. 2554

ขออนุโมทนาบุญกุศลด้วยครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
คนไทยพบธรรม
วันที่ 6 ส.ค. 2554

คนที่ฆ่าตัวตาย การทำบุญแล้วอุทิศผลบุญกุศลไปให้ จะรับไม่ได้ ต้องวิปัสสนา

จากหนังสือของหลวงพ่อจรัล ทางสายเอก

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
paderm
วันที่ 6 ส.ค. 2554

เรียนความเห็นที่ 5 และ 6 ครับ

ควรเข้าใจตามพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงครับว่า ฐานะที่สัตว์บางประเภทที่สามารถที่จะรับส่วนกุศลได้มี และบางประเภทก็ไม่สามารถที่จะรับส่วนกุศลได้ก็มี เช่น เมื่อตายไปเกิดในนรก สัตว์นรกไม่ล่วงรู้ในกุศลที่ญาติอุทิศให้ จึงไม่ใช่ฐานะที่จะได้รับ ส่วนกุศล มนุษย์ สัตว์เดรัจฉาน ก็ไม่ล่วงรู้ ไม่อยู่ในฐานะที่จะได้รับส่วนกุศลเช่นกัน แต่ภพภูมิเปรต สามารถรับส่วนกุศลที่ญาติอุทิศให้

ดังนั้น แม้การฆ่าตัวตาย หากไปเกิดเป็นเปรตก็สามารถรับส่วนกุศลได้ แต่ถ้าคนที่ฆ่าตัวตาย ไปเกิดในนรก สัตว์เดรัจฉาน ก็ไม่ใช่ฐานะที่จะอุทิศส่วนกุศลได้ ไม่ว่ากุศลในระดับใดก็ตาม ครับ เพราะไม่สามารถล่วงรู้ได้เลย อันนี้แสดงตามพระธรรมที่พระพุทธเจ้าแสดงไว้ครับ ในฐานะและอฐานะที่สามารถจะรับส่วนกุศลได้ ส่วนในระดับของกุศลนั้น กุศลขั้นทาน เช่น การถวายกับพระภิกษุ หรือ อุบาสกที่มีศีล เปรตสามารถรับกุศลและอนุโมทนาในกุศลนี้ได้ครับ เพราะอยู่ในฐานะและภพภูมิที่รับได้ และเปรตนั้นต้องการอาหาร จึงอนุโมทนาบุญในการถวายอาหารกับพระภิกษุครับ

เพราะฉะนั้น เมื่อคนที่ฆ่าตัวตาย ไปเกิดเป็นเปรต ก็อยู่ในฐานะที่จะสามารถรับส่วนกุศลได้ และสามารถอนุโมทนาในกุศลระดับการให้ทานกับผู้มีศีลได้ ดังนั้นจึงไม่ได้จำกัดว่าจะต้องเป็นบุญที่เป็นการเจริญวิปัสสนาเท่านั้นครับ คนที่ตายจากการฆ่าตัวตายจึงจะรับได้ อันนี้ไม่ตรงตามพระธรรมที่พระพุทธเจ้าแสดงไว้ ซึ่งต้องเข้าใจว่า เปรต ต้องการอาหาร กุศลขั้นวิปัสสนา เปรตก็ยากที่จะอนุโมทนาเพราะเขาหิวโหย ดังนั้น ในพระไตรปิฎก เมื่อมีการอุทิศให้ญาติที่เป็นเปรต อริยสาวกในสมัยพุทธกาลท่านก็ทำบุญถวายอาหารกับพระภิกษุ และอุทิศให้ญาติครับ ส่วนกุศลที่เ่ป็นการฟังพระธรรม เจริญวิปัสสนา โดยมากเป็นเทวดาที่อนุโมทนาบุญนั้นครับ ดังนั้นการฆ่าตัวตายไม่ใช่กรรมหนักที่เป็นอกุศลกรรมบถ และคนที่ฆ่าตัวตาย สามารถเกิดเป็นเปรตได้ และสามารถรับส่วนบุญที่เป็นการถวายทานกับผู้มีศีลได้ โดยไม่ได้จำกัดว่าเมื่อคนที่ตายจากการฆ่าตัวตายแล้วจะต้องอุทิศให้ด้วยกุศลคือการเจริญวิปัสสนาครับ

ดังนั้น ก็ต้องยึดหลักคือพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงเป็นสำคัญ

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
wannee.s
วันที่ 6 ส.ค. 2554

เรื่องของการฆ่าตัวตาย ส่วนหนึ่งมาจากกรรม และการสะสมการฆ่า การสะสมโทสะ เช่น การฆ่าสัตว์บ่อยๆ เป็นเหตุเป็นปัจจัยให้ฆ่าตัวตาย ทำให้อายุสั้น และตราบใด ที่ไม่ใช่พระอรหันต์ ตายแล้วต้องเกิดอีกแน่นอน แต่จะเกิดเป็นอะไรก็แล้วแต่กรรมดีหรือกรรมชั่วจะให้ผล ในพระไตรปิฎกแสดงไว้ เกิดเป็นมนุษย์แสนยาก ขณะที่ได้ฟังธรรมก็ยาก ฯลฯ การมีชีวิตอยู่ด้วยปัญญาประเสริฐที่สุดค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
pat_jesty
วันที่ 7 ส.ค. 2554
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
govit2553
วันที่ 8 ส.ค. 2554

การฆ่าตัวตาย ไม่เป็นปาณาติบาต

เพิ่งเคยได้ยินครับ

ไม่ทราบมีหลักฐาน หรือไม่ครับ อยากทราบ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
วิริยะ
วันที่ 8 ส.ค. 2554

เข้าใจผิดมาตลอดว่า การฆ่าตัวตาย เป็น ปาณาติบาต

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
wannee.s
วันที่ 8 ส.ค. 2554

การฆ่าตัวตาย ไม่เป็นปาณาติบาต เพราะท่านมุ่งหมายถึงสัตว์อื่น ไม่ใช่ตัวเองค่ะ องค์ของปาณาติบาตนั้น มี ๕ อย่าง คือ

๑. ปาโณ สัตว์มีชีวิต

๒. ปาณสัญิตา รู้ว่าสัตว์มีชีวิต

๓. วธกจิตตัง มีจิตคิดฆ่า

๔. อุปักกโม มีความพยายาม

๕. เตนมรณัง สัตว์ตายด้วยความพยายามนั้น

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
govit2553
วันที่ 9 ส.ค. 2554

การกล่าวว่า ท่านมุ่งหมายถึงสัตว์อื่น ไม่ใช่ตัวเอง คำกล่าวข้างบน มีที่มาที่ไปอย่างไร มีหลักฐานหรือไม่ครับ ลำพัง อ่านดู ที่องค์ของปาณาติบาต ๕ อย่าง ไม่ได้ระบุ ไม่ได้เข้าใจครับ ว่ามุ่งหมายเฉพาะสัตว์อื่น ผมรู้สึกเช่นนั้นครับ ต้องขออภัยครับ ที่ถามจู้จี้

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
โชติธัมโม
วันที่ 9 ส.ค. 2554

เข้าใจผิดมาตลอดเรื่องการฆ่าตัวตาย กระจ่างก็วันนี้เอง ...

ขอน้อมจิตอนุโมทนาบุญด้วยเศียรเกล้าครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
วิริยะ
วันที่ 9 ส.ค. 2554

เรียนถามท่านผู้รู้

การฆ่าตัวตาย เป็นอานันตริยกรรมหรือไม่

ขอบพระคุณอย่างสูง

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
วันวิสาวันทะก๋า
วันที่ 9 ส.ค. 2554

ขออนุโมทนาบุญค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
paderm
วันที่ 9 ส.ค. 2554

เรียนความเห็นที่ 15 ครับ

การฆ่าตัวตาย ไม่ใช่การฆ่าบิดา มารดา ฆ่าพระอรหันต์ หรือทำโลหิตพระพุทธเจ้าให้ห้อ และทำสงฆ์ให้แตกกันจึงไม่ใช่อนันตริยกรรมครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
peem
วันที่ 1 มี.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 20  
 
Jarunee.A
วันที่ 7 ก.พ. 2567

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ