น้ำปานะ
ขอรบกวนถามเรื่องน้ำปานะที่เป็นนม และถ้าเป็นยาคูซึ่งมีจุลินทรีย์ที่มีชีวิตตั้งหลายล้านตัวเป็นการฆ่าสัตว์หรือไม่ แล้วจะบาปไหม จะผิดศีลหรือไม่อย่างไร
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
น้ำปานะที่ฉันหลังเที่ยง นมไม่ใช่น้ำปานะ นะครับ รวมทั้งข้าวยาคูด้วยไม่ใช่น้ำปานะ ทานหลังเที่ยงไม่ได้ ถ้าเป็นบุคคลที่รักษาศีล ๘ หรือพระภิกษุครับ
น้ำปานะมีดังนี้ ที่พระพุทธเจ้าอนุญาตไว้ครับ
๑. อมฺพปานํ น้ำมะม่วง
๒. ชมฺพุปานํ น้ำชมพู่หรือน้ำหว้า
๓. โจจปานํ น้ำกล้วยมีเมล็ด
๔. โมจปานํ น้ำกล้วยไม่มีเมล็ด
๕. มธุกปานํ น้ำมะซาง (ต้องเจือน้ำจึงจะควร)
๖. มุทฺทิกปานํ น้ำลูกจันทน์หรือองุ่น
๗. สาลุกปานํ น้ำเหง้าอุบล
๘. ผารุสกปานํ น้ำมะปรางหรือลิ้นจี่
นิยมเรียกว่า อัฏฐบาน หรือ น้ำอัฏฐบาน (ปานะ ๘ อย่าง)
เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ ...
น้ำปานะหรือน้ำอัฏฐบาน [มหาวรรค]
ส่วนประเด็นเรื่องจุลินทรีย์ในนม หรือในข้าวยาคู ทานแล้วปาณาติบาตไหม
- ปาณาติบาต คือ สัตว์นั้นมีชีวิต สำหรับจุลินทรีย์ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่มีจิต เจตสิกครับ แม้จะเคลื่อนไหวได้ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งมีชีวิต ซึ่งจุลินทรีย์เกิดจากการหมักของเปรี้ยว ก็เป็นสิ่งที่เกิดจากอุตุ ไม่ใช่เกิดจากกรรม จึงไม่มีชีวิต การทานข้าวยาคูหรือนม ไม่เป็นปาณาติบาตครับ เพราะไม่มีสัตว์ที่มีชีวิตครับ
เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ
... การฆ่าจุลินทรีย์บาปหรือไม่
อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
- พระวินัย เป็นเรื่องที่ละเอียดมาก แม้แต่ในเรื่องของน้ำปานะ ก็เช่นเดียวกัน ถ้าไม่ได้ศึกษาหรือศึกษาไม่ละเอียด ก็จะเข้าใจ (ผิด) ได้ว่า อะไรก็ตามที่เป็นน้ำๆ แล้ว ก็เป็นน้ำปานะทั้งหมด อย่างนี้ไม่ถูกต้อง เพราะจะต้องเป็นน้ำปานะที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงอนุญาตไว้เท่านั้น ซึ่งถ้าไม่เอื้อเฟื้อหรือไม่ประพฤติตามพระวินัยแล้ว ย่อมเป็นอาบัติ มีโทษ ทั้งนั้น ถ้าจะให้เบาใจที่สุดสำหรับเพศบรรพชิตและผู้รักษาศีลอุโบสถ หลังเที่ยงไปแล้ว ดื่มน้ำเปล่าดีที่สุด ไม่ต้องกังวลใจ ไม่ต้องเดือดร้อนใจในภายหลัง
- การที่จะผิดศีลข้อที่ ๑ คือ ปาณาติบาต นั้น ต้องพิจารณาองค์ของศีลประกอบด้วย คือ สัตว์มีชีวิต รู้ว่าสัตว์มีชีวิต มีจิตคิดจะฆ่า มีความพยายามในการฆ่า และ สัตว์ตายด้วยความพยายามดังกล่าวนั้น ดังนั้น ถ้าไม่ใช่สิ่งมีชีวิตแล้ว ไม่เป็นการผิดศีลแต่ประการใด ครับ.
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ในพระไตรปิฎกมีแสดงไว้ ถ้าบวชแล้วไม่รักษาพระวินัย ท่านเปรียบเหมือนดุ้นฟืนเผาผีที่เปื้อนคูถ เพราะบวชแล้วไม่ได้ขัดเกลากิเลส ไม่ได้ประโยชน์จากพระธรรมค่ะ