ฉันอาหารหลังเที่ยงเป็นอาบัติ [มหาวิภังค์]

 
sutta
วันที่  7 ส.ค. 2554
หมายเลข  18885
อ่าน  6,656

[เล่มที่ 4] พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ทุติยภาค เล่ม ๒ - หน้าที่ 527

โภชนวรรค สิกขาบทที่ ๗

เรื่องพระสัตตรสวัคคีย์

[๕๐๘] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับ อยู่ ณ พระเวฬุวันวิหาร อันเป็นสถานที่พระราชทานเหยื่อแก่กระแต เขตพระนครราชคฤห์ ครั้งนั้น ในพระนครราชคฤห์มีมหรสพบนยอดเขา พระสัตตรสวัคคีย์ได้ไปดูมหรสพบนยอดเขา ประชาชนเห็นพระสัตตรสวัคคีย์ จึงนิมนต์ให้สรงน้ำ ให้ลูบไล้ของหอม ให้ฉันอาหารแล้วได้ถวายของเคี้ยวไปด้วย พระสัตตรสวัคคีย์นำของเคี้ยวไปถึงอารามแล้วได้กล่าวคำนี้กะพระฉัพพัคคีย์ว่า อาวุโสทั้งหลาย นิมนต์รับของเคี้ยวไปขบฉันเถิด พระฉัพพัคคีย์ถามว่า อาวุโสทั้งหลาย พวกท่านได้ของเคี้ยวมาจากไหน พระสัตตรสวัคคีย์ได้แจ้งเรื่องนั้นแก่พระฉัพพัคคีย์.

ฉ. อาวุโสทั้งหลาย ก็พวกท่านฉันอาหารเวลาวิกาลหรือ

ส. เป็นอย่างนั้น อาวุโสทั้งหลาย

พระฉัพพัคคีย์จึงเพ่งโทษติเตียนโพนทะนาว่า ไฉนพระสัตตรสวัคคีย์ จึงได้ฉันอาหารในเวลาวิกาลเล่า ... แล้วแจ้งเรื่องนั้นแก่ภิกษุทั้งหลาย

บรรดาภิกษุผู้มักน้อย ... ต่างก็เพ่งโทษติเตียนโพนทะนาว่าไฉนพระสัตตรสวัคดีย์จึงได้ฉันอาหารในเวลาวิกาลเล่า ... แล้วกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า

ทรงสอบถาม

พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสอบถามพระสัตตรสวัคคีย์ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ข่าวว่าพวกเธอฉันอาหารในเวลาวิกาล จริงหรือ พระสัตตรสวัคคีย์ทูลรับว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า

ทรงติเตียนแล้วบัญญัติสิกขาบท

พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูก่อนโมฆบุรุษทั้งหลาย ไฉนพวกเธอจึงได้ฉันอาหารในเวลาวิกาลเล่า การกระทำของพวกเธอนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส หรือเพื่อความเลื่อมใสยิ่งของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว ...

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็แลพวกเธอพึงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงอย่างนี้ว่าดังนี้ :-

พระบัญญัติ

๘๑. ๗. อนึ่ง ภิกษุใด เคี้ยวก็ดี ฉันก็ดี ซึ่งของเคี้ยวก็ดี ซึ่งของฉัน ก็ดี ในเวลาวิกาล เป็นปาจิตตีย์

เรื่องพระสัตตรสวัคคีย์ จบ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
Chalee
วันที่ 24 ก.พ. 2555

ขออนุโมทนาค่ะและหายสงสัยสิ่งที่คาใจมาตลอด.

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
สิริพรรณ
วันที่ 6 พ.ค. 2562

ขอถวายความนอบน้อมพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้นด้วยเศียรเกล้า

พระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เป็นไปเพื่อประโยชน์อย่างใหญ่ เพื่อการขัดเกลาความประพฤติทั้งทางกาย วาจา ที่เป็นโทษ อันเกิดจากกิเลสที่สะสมหมักหมมในจิต และจะนำไปสู่การชำระความสกปรกแห่งจิตตามลำดับกำลังของปัญญาได้ต่อไป

ผู้ใดศึกษาพระธรรม แล้วน้อมประพฤติตามสมควรแก่ธรรม ผู้นั้นเป็นผู้มีบุญที่สะสมมาแต่ปางก่อน และเป็นหนทางแห่งการได้ทรัพย์ที่ประเสริฐยิ่งกว่าทรัพย์ใดๆ ในโลก

ขออนุโมทนาขอบคุณมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา ด้วยค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
chatchai.k
วันที่ 16 เม.ย. 2564

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ