บารมี
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
ความหมาย ของ บารมี
1.บารมี หมายถึง คุณธรรมที่ทำให้ถึงฝั่ง คือ พระนิพพาน บารมีย่อมผูกย่อมประกอบ
สัตว์ทั้งหลายไว้ในพระนิพพานนั้น. หรือ บารมีย่อมไป ย่อมถึง ย่อมบรรลุถึงพระนิพพาน
2.คุณธรรม 10 ประการ ที่พระโพธิสัตว์บำเพ็ญ ชื่อว่า บารมี นั่นคือ ทาน ศีล เนกขัมมะ
ปัญญา วิริยะ ขันติ สัจจะ อธิษฐาน เมตตา อุเบกขา 10 ประการนี้ ที่พระองค์ทรงกระทำ
ชื่อว่า บารมี
3. บารมี คือ ธรรมที่ขัดเกลาสัตว์อื่นให้หมดจดจากมลทินคือกิเลส
------------------------------------------------------------------------------
จากคำถามที่ว่า ทำบุญอย่างไรเป็นบารมี อย่างไรไม่เป็นบารมี
การจะเป็นบารมีได้นั้น จะต้องเป็นเรื่องของปัญญาที่มีความเห็นถูก ที่เห็นโทษของ
กิเลส เห็นโทษของสังสารวัฏฏ์ จึงมีปัญญาความเห็นถูก ที่จะเจริญกุศลประการต่างๆ
อันเป็นไปเพื่อละกิเลส และถึงการไม่เกิดอีก กุศลที่เจริญนั้น จึงจะเป็นบารมี ถ้าไม่มี
ปัญญาความเห็นถูก กุศลที่เจริญ จะเป็นบารมีไม่ได้เลย เพราะไม่เป็นไปเพื่อถึงฝั่งคือ
การดับกิเลสครับ ดังนั้น ปัญญา จึงเป็นสิ่งสำคัญ ที่แสดงถึงความเป็นบารมี ครับ
ดังนั้นกุศลใดที่มีความเห็นถูก มีปัญญาเป็นพื้นฐาน เช่น การให้ทาน ปกติก็มีการให้
ทาน แต่กุศลขั้นทานนั้นเป็นบารมีก็ได้ ไม่เป็นบารมีก็ไ้ด้ครับ หากให้ทานเฉยๆ ไม่ได้
เห็นโทษของกิเลสและไม่เป็นไปเืพื่อมุ่งดับกิเลสอันเกิดจากปัญญาก็เป็นกุศลขั้นทาน
แต่ไม่เป็นทานบารมี คือ กุศลขั้นทานอันเป็นไปเพื่อถึงฝั่งคือดับกิเลส ศาสนาอื่น คน
ทั่วไปที่ไม่ไ้ด้ศึกษาธรรม ก็มีการทำทาน ทำกุศลประการต่างๆ แต่กุศลนั้นไม่เป็นบารมี
เพราะไม่ได้มีความเห็นถูก ไม่มีปัญญาเป็นพื้นฐานในการที่จะดับกิเลสครับ และไม่รู้จัก
หนทางดับกิเลส เมื่อเป็นเช่นนั้นกุศลที่ไม่มีปัญญารู้หนางดับกิเลสและเห็นโทษของ
กิเลส กุศลที่เจริญนั้นจึงไม่เป็นบารมีครับ เพราะไม่สามารถทำให้ถึงการดับกิเลสได้เลย
เพราะขาดปัญญาความเข้าใจถูกในการดับกิเลสครับ ส่วนกุศลใดที่เจริญเพราะมีความ
เข้าใจหนทางในการดับกิเลส จึงเจริญกุศลประการต่างๆ มี ทาน ศีล เนกขัมมะ ปัญญา
วิริยะ ขันติ สัจจะ อธิษฐาน เมตตา อุเบกขา กุศลที่มีความเข้าใจถูกเป็นพื้นฐานจึงเป็น
บารมีทั้งหมดครับ
ดังนั้น กุศลใดจะเป็นบารมีหรือไม่ สำคัญที่มีความเข้าใจถูก หรือ มีปัญญาเข้าใจหน
ทางดับกิเลส และเห็นโทษของกิเลสหรือไม่ครับ บุญใดที่ประกอบด้วยปัญญา มีความ
เข้าใจถูกในหนทางดับกิเลส บุญนั้นจึงเป็นบารมี บุญใดที่ไม่ไ่ด้มีความเห็นถูก หรือไม่มี
ปัญญา ไม่รู้หนทางดับกิเลส กุศลหรือบุญที่เจริญนั้นไม่เป็นบารมี ขออนุโมทนาที่ร่วม
สนทนาครับ
อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ธรรม ไม่ใช่เรื่องทำ ไม่ใช่สิ่งที่จะบังคับบัญชาได้ แต่เป็นเรื่องของความเข้าใจ แม้แต่ "บุญ" ก็เช่นเดียวกัน บุญ ไม่ใช่สัตว์ บุคคลตัวตน เพราะบุญเป็นนามธรรม เป็นสภาพธรรมที่ชำระจิตให้สะอาด (เพราะโดยปกติแล้วจิตสกปรกด้วยอำนาจของอกุศลธรรม) จากที่เป็นอกุศล ก็ค่อยๆ เป็นกุศลขึ้นในชีวิตประจำวัน ซึ่งก็ไม่พ้นไปจากขณะที่จิตเป็นกุศล เป็นไปในทาน เป็นไปในศีล เป็นไปในการอบรมเจริญความสงบของจิต และเป็นไปในการอบรมเจริญปัญญา โดยที่ไม่มีตัวตนที่จะไปทำบุญ เพราะบุญอยู่ที่สภาพจิต จิตเป็นกุศลเป็นบุญ (ซึ่งก็สามารถกล่าวโดยโวหารของชาวโลกได้ว่า ผู้นั้น ผู้นี้กระทำบุญ) ขึ้นอยู่กับว่าบุญนั้นจะประกอบด้วยปัญญาที่เข้าใจถูกเห็นถูกในหนทางที่เป็นไปเพื่อการดับกิเลสหรือไม่? เพราะการที่จะดำเนินไปถึงซึ่งฝั่งของการดับกิเลส จะปราศจากปัญญาไม่ได้เลย ซึ่งจะต้องอาศัยการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงเท่านั้นจริงๆ
การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ก็เพื่อขัดเกลากิเลสทุกอย่าง วันหนึ่งๆ อกุศล-จิตเกิดมาก ซึ่งไม่ใช่เฉพาะในวันนี้วันเดียว ในวันก่อนๆ ในชาติก่อน ก็เป็นอย่างนี้ คือ มีอกุศลจิตเกิดมาก สะสมอกุศลมามาก ดังนั้น สิ่งที่จะต้องขัดเกลาซึ่งเป็นอกุศล นี้ จึงมีมากอย่างยิ่ง ถ้าไม่ได้ขัดเกลาไปทีละเล็กทีละน้อยแล้วจะถึงซึ่งฝั่งของการดับกิเลสได้อย่างไร และการที่จะได้นั้นก็ต่อเมื่อปัญญาเจริญขึ้นรู้ความจริง เพราะเมื่อปัญญาเจริญขึ้นก็จะอุปการะเกื้อกูลให้กุศลธรรมประการอื่นๆ เจริญขึ้นตามระดับของปัญญา และปัญญาก็เป็นบารมีประการหนึ่งที่ควรอบรมเจริญในชีวิตประจำวัน ครับ. ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอความอนุเคาะห์หน่อยครับ ที่ว่าธรรมทั้งปวงย่อมประชุมลงในอริยสัจ ๔
ธรรมนั้นได้แกอะไรบ้างครับ ขอบคุณครับ
เรียนความเห็นที่ 3 ครับ
จากที่ถามว่า ธรรมทั้งปวงย่อมประชุมลงในอริยสัจ 4 ธรรมในที่นี้หมายถึงอะไร
ธรรมทั้งปวงในที่นี้ก็หมายถึงสภาพธรรมที่มีจริงทั้งหมด ทีเ่ป็นปรมัตถธรรม 4 คือ จิต
เจตสิก รูปและพระนิพพานครับ เพราะเป็นสัจจะความจริงทั้งหมดครับ ในเมื่อสภาพ
ธรรมทั้งหมดที่มีจริง เป็นสัจจะ จึงไม่พ้นจากอริยสัจ 4 ซึ่งจะขอแบ่่งอริยสัจ แต่ละ
อริยสัจ ว่ามีสภาพธรรมที่มีจริงอะไรบ้างครับ
๑. ทุกขอริยสัจ องค์ธรรมได้แก่ โลกียจิต ๘๑ เจตสิก ๕๑ (เว้นโลภเจตสิก) รูป ๒๘ ๒. สมุทัยอริยสัจ องค์ธรรมได้แก่ โลภเจตสิก ๑ ๓. นิโรธอริยสัจ องค์ธรรมได้แก่ พระนิพพาน ๔. มัคคอริยสัจ องค์ธรรมได้แก่ มรรคมีองค์ ๘ ในมรรคจิตตุปบาททั้ง ๔
อีกนัยหนึ่ง ก็แสดงว่ากุศลธรรมทั้งปวงย่อมประชุมลงในอริยสัจ ครับ