ถือศาสดาอื่น

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย อัญญสัตถารุทเทส ก็คือ การนับถือศาสนาอื่น ศาสดาอื่น จากที่เคยนับถือ

ศาสนาที่ถูก เปลี่ยนเป็นสิ่งที่ผิดได้ครับ ผู้ทีเป็นพระอริยเจ้าเท่านั้นมีพระโสดาบัน

เป็นต้น ท่านจะไม่เปลี่ยนไปนับถือศาสนาอื่น ศาสดาอื่นอีกครับ เพราะว่าท่านประจักษ์

ความจริงตามที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้และถึงความเป็นพระอริยบุคล ประจักษ์ความ

จริงนั่นเอง เมื่อรู้ด้วยตนเอง ด้วยปัญญาแล้ว การจะไปนับถือ ศาสนา หรือ ศาสดาอื่นๆ

จึงไม่ใช่ฐานะครับ ท่านจึงไม่ทำกรรม คือ อัญญสัตถารุทเทส การนับถือศาสนา หรือ

ศาสดาอื่นๆ เลยครับ ส่วนปุถุชน มีความไม่แน่นอนเป็นธรรมดา ปัญญายังไม่มั่นคง จึง

สามารถเปลี่ยนแปลงไปนับถือ ศาสนาอื่น ศาสดาอื่นได้ครับ เพราะความเป็นผู้หนาด้วย

กิเลสและปัญญาน้อย ดังเช่น เพื่อนของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เมื่อเจอพระพุทธเจ้าก็

นับถือพระพุทธเจ้า พอพระพุทธเจ้าเสด็จไปที่อื่นก็ไปนับถือลัทธิที่ผิด วนไปวนมาอย่าง

นี้ แต่ในที่สุดท่านก็ได้บรรลุพระโสดาบันเมื่อฟังธรรมครับ เพราะสะสมปัญญามานั่นเอง

ซึ่งจากคำถามที่ถามว่า

กรณีมีวัดบางแห่งสร้างเทพเจ้าองค์ต่างๆ มีการโปรโมทเชิณชวนให้คนไปไหว้ จะจัด

เป็นอัญญสัตถุทเทส คือถือศาสดาอืน หรือเปล่าครับ

----------------------------------------------------------------------

ธรรมเป็นเรื่องละอียดและเป็นขณะจิต หากมีการนับถือเทพเจ้าองค์ต่างๆ ด้วยความ

สำคัญว่า เทพเจ้าเท่านั้นที่เป็นศาสดา ส่วนพระพุทธเจ้าไมได้สามารถที่จะช่วยให้พ้น

ทุกข์จึงเปลี่ยนจากการนับถือพระพุทธเจ้าเป็นการนับถือเทพเจ้าแทน อันนี้ก็เป็นการ

เปลี่ยนศาสดา เป็นอัญญสัตถารุทเทส ก็คือ การนับถือศาสนาอื่น ศาสดาอื่น

ส่วนคนที่จัดให้มีการไหว้เทพเจ้า หากมีความปรารถนาให้ผุ้อื่นนับถือศาสดาอื่น ไม่

ใช่พระพุทธเจ้าก็เป็นการส่งเสริม การนับถือลัทธิ ศาสดาอื่นที่เป็น อัญญสัตถารุทเทส

ได้ครับ แต่โดยทั่วไป ที่เขาให้สร้างเทวดา เทพเจ้าต่างๆ จุดประสงค์ก็คืออยากได้เงิน

เข้าวัด จึงพยายามชักจูงให้มาไหว้ นับถือเทพเจ้า แต่ไมได้มีจุดประสงค์ มีเจตนาที่จะ

ให้ผู้ที่มาไหว้เทพเจ้าในวัด เปลี่ยนการนับถือพระพุทธเจ้าครับ จึงไม่ใช่อัญญสัตถารุ

ทเทส ในกรณีนี้ ต่างจากบางศาสนาที่รู้ว่าผู้นั้นนับถือศาสนาอื่นอยู่ จึงพา ชักชวนให้มี

การไหว้ การให้นับถืออย่างอื่นเพื่อให้เปลี่ยนศาสนาครับ ก็เป็นการชักชวนให้นับถือ

ศาสดาอื่น ลัทธิอื่นเป็นการชักชวนที่เป็นอัญญสัตถารุทเทส ได้ และเมื่อผุ้ที่ถูกชักชวน

เปลี่ยนศาสนาจากที่ถูกเป็นผิด จากที่เคยมีพระพุทธเจ้าเป็นศาสดา เป็นสิ่งอื่นไป ผู้นั้น

จึงเป็นอัญญสัตถารุทเทส ก็คือ การนับถือศาสนาอื่น ศาสดาอื่น ครับ ซึ่งปุถุชนก็ยัง

เปลี่ยนได้เป็นธรรมดา ตราบใดที่ไม่ใช่พระโสดาบันครับ

แม้จากการที่วัดให้สร้างเทพเจ้า ก็สามารถเป็นและไม่เป็นอัญญสัตถารุทเทส ตามที่

กล่าวมาข้างต้น แต่แม้ไม่เป็นการให้นับถือในสิ่งที่คิดว่า เทพเจ้า เทวดาจะบันดาลได้ ก็

เป็นสิ่งทีผิด ชักชวนในสิ่งที่ผิด ไม่ตรงตามพระธรรม ก็เป็นความเห็นผิดและชักชวนใน

สิ่งที่ผิดทำให้ผู้อื่นเห็นผิดด้วย ก็เป็นโทษมากๆ บาปมาก เป็นอสัตบุรุษยิ่งกว่าอสัตบุรุษ

ครับ และก็ทำให้พระศาสนาอันตรธานเร็วขึ้น เพราะทำให้ผู้อื่นมีความเข้าใจผิด ไม่

เลื่อมใส ไม่ให้ศึกษาพระธรรมนั่นเองครับ ขออนุโมทนา

อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

เห็นด้วยครับบางวัดสร้างเทวรูปใหญ่กว่าพระพุทธรูปในวัดเสียอีก

คนนั่งรถผ่านจะนึกว่าเป็นวัดพราหมณ์

เรียนถามความเห็นที่ 2

เทพเจ้า ก็คือ เทพ เทวดา ที่อยู่ในภาพภูมิที่สูงกว่ามนุษย์ใช่หรือไม่ และดิฉันไหว้เทพ

เทวดา ก็ด้วยเหตุผลที่ท่านอยู่สูงกว่าเรา ไม่ได้ขอให้ท่านดลบันดาลอะไรให้ บางครั้งก็

อุทิศส่วนกุศลให้เทพ เทวดา เพื่อให้ท่านอนุโมทนา ทำเช่นนี้ คิดเช่นนี้ ถูกต้องหรือไม่

เรียนความเห็นที่ 4

เทพเจ้า หรือ เทวดา บางครั้งบางลัทธิ บางศาสนา ตามความเชื่อของบุคคลก็เข้าใจ

ผิดและเข้าใจถูกก็มีครับ อย่างเช่น พระพิฆเนศ อันนี้ก็ไม่ใช่เทวดาที่มีจริง แต่ถ้านับถือ

เทวดาที่มีจริง เช่น พระอินทร์ที่เป็นพระโสดาบัน ที่เคารพในคุณของท่านที่เป็นพระ

อริยะ หรือเคารพในคุณธรรมของเทวดาที่ เป็น หิริและโอตตัปปะ อันนี้ถูกต้องและก็ทำ

กุศล อุทิศกุศลให้เทวดาท่านได้อนุโมทนาครับ ขออนุโมทนา

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง เป็นเครื่องอุปการะเกื้อกูลแก่สัตว์โลกอย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สัตว์โลกผู้ยังเต็มไปด้วยกิเลสนานาประการ ไม่ว่าจะทรงธรรมหมวดใด ในส่วนใด ก็ล้วนเป็นไปเพื่อความเข้าใจถูก เห็นถูก ทั้งนั้น ถ้ามีความเข้าใจพระธรรมวินัยอย่างถูกต้องแล้ว ก็จะมีความมั่นคงในพระธรรมเพิ่มมากยิ่งขึ้นมีความเคารพยำเกรงในพระรัตนตรัย น้อมประพฤติตามพระธรรมวินัยด้วยความจริงใจ,สิ่งที่ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นไปตามพระธรรมวินัย อย่างคำถามที่ได้ยกมาถาม ก็จะไม่เกิดขึ้นเพราะเหตุว่า พระภิกษุ เป็นเพศบรรพชิต เป็นเพศที่สูงกว่าคฤหัสถ์ ต้องเป็นผู้มีอัธยาศัยในการขัดเกลากิเลสของตนเองจริงๆ และเมื่อบวชแล้ว ก็ยิ่งจะต้องศึกษาพระธรรมวินัยให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ เมื่อเข้าใจอย่างถูกต้องแล้ว สิ่งที่ควรทำ ก็คือ เผยแพร่พระธรรมคำสอนให้พุทธศาสนิกชนได้เข้าใจอย่างถูกต้อง ไม่ใช่ว่าบวชเข้ามาแล้ว ไม่ได้ศึกษาพระธรรมวินัย มีการแนะนำผู้อื่นให้เข้าใจและกระทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง อย่างนี้เป็นอันตรายอย่างมากทั้งแก่ตนเอง และ แก่ผู้อื่น "คนที่มีความเห็นผิดสอนในสิ่งผิดๆ ให้ผู้อื่นเข้าใจผิด เป็นผู้เกิดมาในโลก เพื่อความพินาศของชนหมู่มากโดยแท้ ในอรรถกถาอายาจนสูตร สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เปรียบไว้เหมือนกับคนที่กระจายหนาม กับ หว่านยาพิษ ซึ่งมีแต่จะเป็นโทษแก่ผู้อื่นโดยส่วนเดียว" เมื่อรู้ว่าเป็นสิ่งใดเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องแล้ว ก็ไม่กระทำ พร้อมทั้งไม่สนับสนุนในสิ่งที่ผิดๆ เหล่านั้น ด้วย ความเข้าใจพระธรรมเท่านั้น ที่จะเป็นที่พึ่งที่แท้จริงสำหรับชีวิต ถ้ายังไม่มีความเข้าใจพระธรรมอย่างมั่นคง ละเลยโอกาสที่สำคัญในชีวิตคือการได้ฟังพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงแล้ว ย่อมจะทำให้เป็นผู้ไม่เห็นประโยชน์ของพระธรรม ไม่เห็นถึงพระมหากรุณาคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงบำเพ็ญพระบารมีมา เพื่ออุปการะเกื้อกูลแก่สัตว์โลก ก็ทำให้เป็นผู้ไปยึดถึอสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง ซึ่งไม่ใช่ที่พึ่งที่แท้จริง และเป็นเรื่องที่น่าคิดทีเดียวว่า เกิดเป็นมนุษย์ ก็ยากแล้ว การที่จะได้ฟังพระธรรมที่พระสัมมาพุทธเจ้าทรงแสดงและมีความเข้าใจอย่างถูกต้องจริงๆ ก็ยิ่งยาก ในบรรดามนุษย์นั้น ผู้ที่สนใจศึกษาพระธรรม มีเป็นส่วนน้อยเทียบส่วนไม่ได้เลยกับผู้ที่ไม่ได้ศึกษา ครับ. ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

การบูชาระลึกถึงคุณเทวดาเพื่่อเป็นแนวทางในการเจริญเทวตานุสติ ก็เป็นเหตุสามารถ

ทำให้ถึงอุปจารสมาธิได้ แต่ถ้าบูชาโดยหวังให้ท่านบันดาลสิ่งโน้นสิ่งนี่้ให้โดยไม่กระทำ

เหตุน่าจะเข้าข่ายงมงายซะมากกว่า เพราะสัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของๆ ตน