องค์ธรรมของทาน

 
ละอองน้ำ
วันที่  11 ส.ค. 2554
หมายเลข  18923
อ่าน  1,885

เรียนถามเรื่อง องค์ธรรมของทานได้แก่อะไรบ้าง


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 11 ส.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

การให้ทาน พระพุทธเจ้าทรงแสดงหลายนัยครับ เช่น ทาน มี 3 อย่างคือ

1.อามิสทาน คือ การให้วัตถุสิ่งของ

2.อภัยทาน คือ การให้ความไม่น่ากลัวกับบุคคลอื่น คือการให้อภัย

3.ธรรมทาน การให้พระธรรมที่ถูกต้องกับผู้อื่น

อีกนัยหนึ่ง การรักษาศีล ก็เป็นมหาทาน ให้ความปลอดภัยกับสัตว์ทั้งหลาย

หรือยังแบ่งทานอีก 5 นัย

1.ให้โดยเคารพ

2.ให้โดยอ่อนน้อม

3.ให้ด้วยมือตนเอง

4.ให้ของไม่เป็นเดน

5. เห็นผลที่จะมาถึงให้

ทานยังแบ่งเป็นอีกหลากหลายนัยครับ

เชิญคลิกอ่านที่นี่...สัปปุริสทาน ๘ [ปฐมสัปปุริสสูตร]

ทานวัตถุ ๘ [ทานวัตถุสูตร] ซึ่งทานมีหลากหลายนัยก็เพราะแสดงลักษณะของทาน การให้ประการต่างๆ นั่นเองครับ

ส่วนที่ถามว่าองค์ธรรมของทาน คือ อะไร

ขณะที่ให้ไม่ได้เพราะอกุศลเพราะความติดข้องไม่บริจาค ดังนั้นขณะที่ให้ได้ จึงเป็น

ความไม่ติดข้อง สละได้ จึงเป็นอโลภเจตสิก ที่เป็นองค์ธรรมของการให้ทาน คือ

ไม่ติดข้องในขณะนั้น จึงมีการให้ได้ครับ ขออนุโมทนาครับ พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖- หน้าที่ 171

ที่ชื่อว่า ทาน เพราะอรรถว่าสิ่งของเป็นเครื่องให้. มีคำอธิบายว่าสิ่งของของตนอันบุคคลย่อมมอบให้แก่ผู้อื่น.

เจตนาเป็นเครื่องบริจาคทานวัตถุ ๑๐ อย่าง มีข้าวเป็นต้น ซึ่งมี

ความยินดีในเบื้องต้น เจาะจงผู้อื่น ชื่อว่า ทาน.

อีกอย่างหนึ่ง อโลภะ ที่สัมปยุตด้วยเจตนานั้น ชื่อว่า ทาน. ด้วยว่า

บุคคลย่อมมอบให้ซึ่งวัตถุนั้นแก่บุคคลอื่น ด้วยอโลภะนั้น

อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 11 ส.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น การให้ทาน เป็นการสละวัตถุสิ่งของเพื่อประโยชน์สุขของผู้อื่น ในขณะที่สละวัตถุสิ่งของนั้นก็เป็นการขัดเกลาความตระหนี่ของตนเอง และ ถึงแม้ว่าไม่มีวัตถุที่จะให้ แต่ก็เป็นทาน ด้วยเช่นเดียวกัน คือ การให้อภัย การให้ธรรม และในบางพระสูตรพระผู้มีพระภาคเจ้า ก็ทรงแสดงว่า ศีล ๕ เป็นมหาทาน เป็นการให้ที่ยิ่งใหญ่กว่าวัตถุทาน ([มหาทานคือศีล5 [ปุญญาภิสันทสูตร]) เพราะในขณะที่รักษาศีล ๕ นั้น ให้ความปลอดภัยแก่อะไรบ้าง ดังนี้ คือ รักษาศีลข้อที่ ๑ ให้ความปลอดภัยแก่ชีวิตของผู้อื่น รักษาศีลข้อที่ ๒ให้ความปลอดภัยแก่ทรัพย์สินของผู้อื่น รักษาศีลข้อที่ ๓ ให้ความปลอดภัยแก่บุตร ธิดา ภรรยา สามี ของผู้อื่น รักษาศีลข้อที่ ๔ให้ความจริงแก่ผู้อื่น รักษาศีลข้อที่ ๕ ให้ความปลอดภัยแก่ทุกสิ่งทุกอย่าง

สำหรับทาน ๓ ประการ คือ วัตถุทาน อภัยทาน และ ธรรมทาน ควรที่จะได้พิจารณา เพิ่มเติม ดังนี้

วัตถุทาน (ให้วัตถุสิ่งของเป็นทานแก่ผู้อื่น) เป็นความจริงที่ว่า ผู้ที่ควรแก่วัตถุทานก็มีมาก ไม่ใช่น้อยเลย และถ้าวันหนึ่งๆ ไม่มีทานกุศลเลย ก็เป็นไปไม่ได้แน่ที่จะดับกิเลสได้อย่างเด็ดขาด ในชาติหนึ่งๆ ที่ทานกุศลไม่เกิด ไม่มีการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ไม่มีกุศล-จิตแม้ขั้นทาน แล้วก็จะให้ถึงการดับกิเลส ย่อมเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้

อภัยทาน (การให้อภัย ให้ซึ่งความไม่มีภัยแก่ผู้อื่น) อภัยทาน ไม่มีวัตถุสิ่งของที่จะให้ เพราะอภัยทาน เป็นการสละความเห็นแก่ตัว สละความรักตัวในการที่ไม่ให้อภัยในความผิดของคนอื่นหรือในความบกพร่องของคนอื่น ขณะที่ไม่อภัยให้บุคคลอื่น ขณะนั้นเป็นเพราะรักตัวเองที่ทำให้ไม่สามารถจะอภัยในความผิด หรือในความบกพร่องของคนอื่นได้ ลึกลงไปจริงๆ เป็นเพราะความรักตัว ความยึดมั่นในตัวตนนั่นเอง การให้อภัย ทำให้สละความคิดร้าย สละความแค้นเคือง สละความผูกโกรธ สละความไม่หวังดี สละความไม่เป็นมิตร สละความไม่เกื้อกูล สละความไม่มีน้ำใจต่อคนอื่น ซึ่งเป็นการให้ที่ไม่ต้องรอคอยกาลเวลา ไม่ต้องตระเตรียมวัตถุสิ่งของเลย พร้อมที่จะให้อภัยได้ในทันที

ธรรมทาน (การให้ธรรม) เป็นการให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับธรรม ตรงตามพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง แก่ผู้อื่น ธรรมทานเป็นการสละความเห็นแก่ตัวอย่างยิ่ง โดยบำเพ็ญประโยชน์ขั้นสูงสุดเพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่น นั่นก็คือ เพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูก นั่นเอง

สำหรับบุคคลผู้ที่เห็นโทษภัยของกิเลส เห็นโทษภัยของอกุศล ให้คุณของกุศล ก็ย่อมจะเป็นผู้เจริญกุศลทุกอย่างทุกประการ เท่าที่ตนมีโอกาส ไม่ว่าจะเป็นโอกาสของกุศลประเภทใดก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือ โอกาสของการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูก ทั้งหมดทั้งปวงนั้น ไม่ใช่เพื่ออย่างอื่น แต่เพื่อขัดเกลากิเลสของตนเองเท่านั้นจริงๆ ครับ. ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
pat_jesty
วันที่ 11 ส.ค. 2554
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ