ปันธรรม-ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๐๑๑

 
khampan.a
วันที่  14 ส.ค. 2554
หมายเลข  18942
อ่าน  2,679

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมในแต่ละครั้งรวบรวมเป็นธรรมเตือนใจสั้นๆ เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาน้อย เพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ถึงแม้ว่าจะเป็นข้อความที่สั้น แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์อยู่ในตัว ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

[ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๑๑]

[1] ถ้าไม่ได้ระลึกเลยว่า ความตายใกล้ที่สุด อาจจะเกิดขึ้นขณะหนึ่งขณะใด ได้ทั้งนั้น

[2] วันหนึ่งๆ ก็ผ่านไปโดยที่ไม่ได้อบรมเจริญกุศลให้ยิ่งขึ้น เป็นผู้ประมาทมัวเมา และเป็นการมีชีวิตอยู่ที่ในโลกนี้ อย่างไม่มีประโยชน์ ไม่มีสาระจริงๆ เพราะไม่ได้ถือเอาสิ่งที่เป็นสาระ คือ กุศลประการต่างๆ พร้อมด้วยการฟังพระธรรมให้เข้าใจ จากการที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์

[3] มีทรัพย์สมบัติมาก ก็ตาย มีความรู้ความสามารถมาก ก็ตาย มีญาติสนิทมิตรสหายคอยช่วยเหลือในด้านต่างๆ มาก ก็ตาย หรือ ผู้มีชีวิตที่ไม่ได้เป็นอย่างนี้ ก็ตาย ตายทุกคนจริงๆ ไม่มีใครรอด แต่ใครจะได้ประโยชน์สูงสุดจากการได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ด้วยการมีโอกาสสะสมความดี และ ฟังพระธรรมให้เข้าใจ

[4] ไม่ควรที่จะหมกมุ่น เพลิดเพลิน มัวเมาในความเป็นหนุ่มสาว จนกระทั่งไม่คิดถึงสิ่งที่เป็นประโยชน์ เป็นสาระในชีวิต เพราะเหตุว่า ถ้าจะให้รอไปจนถึงแก่เฒ่าเสียก่อน แล้วจึงจะศึกษาพระธรรมหรือเจริญกุศล เวลาที่ผ่านไปในแต่ละวันๆ นั้น ก็จะเป็นการเพิ่มพูนกิเลสให้ยิ่งขึ้น ทำให้การละคลายขัดเกลากิเลสยิ่งยากขึ้น

[5] พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงเรื่องของนามธรรมและรูปธรรมในชีวิตปกติประจำวัน ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ เพื่อให้พุทธบริษัทพิสูจน์ว่า พระธรรมที่ทรงแสดง ถูกต้องเป็นความจริงอย่างนั้นหรือไม่ ไม่ใช่ใครบังคับให้ใครเชื่อ แต่ว่าทรงแสดงโดยละเอียด เพื่อที่จะให้เห็นว่า สภาพธรรมทั้งหมด ไม่ใช่ตัวตน สัตว์บุคคล และ พิสูจน์ได้ ซึ่งมีผู้ที่พิสูจน์จนประจักษ์แจ้งแล้วด้วย แต่ต้องอาศัยการอบรมด้วยการฟัง จนกว่าจะเข้าใจเรื่องของ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เพิ่มขึ้นๆ

[6] ผู้ตรงต่อเหตุผลเท่านั้น ที่จะเป็นผู้ได้สาระจากพระธรรม

[7] ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ก็ควรที่จะการฟังเรื่องของสภาพธรรม ที่กำลังปรากฏ จนเข้าใจจริงๆ ไม่ใช่อยากจะฟังมากๆ แต่ว่าไม่พิจารณาว่า ธรรมคือสิ่งที่กำลังปรากฏ เพราะฉะนั้น การฟังธรรม คือ การฟังเรื่องของสิ่งที่ปรากฏ ให้ละเอียดขึ้น ชัดเจนขึ้นลึกซึ้งขึ้น จนกว่าจะเป็นปัจจัยให้สติเกิด แล้วก็ศึกษา จนกว่าจะรู้ชัดในสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ในขณะนี้เอง

[8] ปัญญา เป็นสภาพธรรมที่เข้าใจถูก เห็นถูก เป็นไปไม่ได้ ที่ปัญญาจะเข้าใจผิด - เห็นผิด

[9] ช้อนตก ปากกาตก สิ่งของตก เก็บให้เขาได้ไหม หรือให้เขาเก็บเอง? อกุศลไม่เคยปล่อยโอกาสให้เจริญกุศล แต่ถ้าเป็นปัญญาแล้ว ย่อมไม่รั้งรอ ในการเจริญกุศลแม้จะเล็กน้อยก็ตาม เพราะปัญญาเห็นโทษของอกุศล และถ้ากุศล ไม่เกิด อกุศลก็ย่อมเกิด

[10] สะสมอกุศลมากๆ ก็เป็นผู้หนักด้วยอกุศล หนักแล้วจม จมลงในอบายภูมิ จมลงในสังสารวัฏฏ์ต่อไป

[11] โลภะ พาไปทุกทิศทุกทาง โดยไม่รู้ตัวเลย ตราบใดที่กุศลไม่เกิด

[12] ถ้ารักสุขเกลียดทุกข์ ก็ต้องสะสมแต่สิ่งที่ดีงาม ในชีวิตประจำวัน

[13] ขณะที่จิตเป็นอกุศล ไม่มีค่าเลยแม้แต่น้อย

[14] ไม่มีใครทำร้ายเราได้ นอกจากกิเลสของเราเอง ขณะที่คิดร้าย หรือทำร้ายคนอื่น นั้น ก็เป็นการทำร้ายตัวเองแล้ว ด้วยอกุศลที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นโทษแก่ตนเอง โดยส่วนเดียว

[15] ผู้ที่จะเห็นโทษเห็นภัยของการเวียนว่ายตายเกิด เห็นโทษภัยของสังสารวัฏฏ์ ได้นั้น ต้องเป็นผู้ที่มีปัญญา

[16] ถ้าไม่เห็นโทษของกุศล เป็นผู้กระทำกุศล อยู่เนืองนิตย์ ไม่ว่าจะเป็นทางกาย ทางวาจา วันหนึ่งใครจะรู้ได้ว่า ท่านจะกระทำกุศลกรรมหนักเพียงไร เพราะว่าการที่จะกระทำกุศลกรรมหนักๆ ได้ ย่อมมาจากการกระทำไปทีละเล็ก ทีละน้อย จนกระทั่งขาดความละอาย ขาดความเกรงกลัว แล้วก็สามารถที่จะกระทำทุจริตกรรมที่ร้ายแรงได้ เพราะฉะนั้น เรื่องของกุศลธรรม จึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรประมาทเลยจริงๆ

[17] เมื่อเห็นว่า ควรที่จะเจริญกุศล ก็ควรเริ่มเจริญจริงๆ เพียรจริงๆ ที่จะให้ตั้งอยู่ในฝ่ายของกุศลธรรม เท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะเหตุว่า อกุศล พร้อมที่จะเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว

[18] เมื่อมีโอกาส ที่จะได้ฟัง และ เห็นประโยชน์ของพระธรรม แล้วเริ่มฟัง เริ่มศึกษา ก็จะมีโอกาสรอดพ้นจากอวิชชา ซึ่งเป็นความไม่รู้ ได้

[19] เครื่องเตือนที่ดีที่สุด คือ พระธรรม

ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ ๑๐ ได้ที่นี่ครับ

ปันธรรม-ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๑๐

...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์

และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 14 ส.ค. 2554

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลวิริยะครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
pat_jesty
วันที่ 14 ส.ค. 2554
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
nong
วันที่ 15 ส.ค. 2554

เครื่องเตือนที่ดีที่สุด คือ พระธรรม

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 15 ส.ค. 2554
ขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
ผู้ร่วมเดินทาง
วันที่ 15 ส.ค. 2554

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาอาจารย์คำปั่นครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
orawan.c
วันที่ 15 ส.ค. 2554
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
สมศรี
วันที่ 15 ส.ค. 2554
ขอบคุณและอนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
bsomsuda
วันที่ 15 ส.ค. 2554

"ถ้าจะให้รอไปจนถึงแก่เฒ่าเสียก่อน แล้วจึงจะศึกษาพระธรรมหรือเจริญกุศล เวลาที่ผ่านไปในแต่ละวันๆ นั้น ก็จะเป็นการเพิ่มพูนกิเลสให้ยิ่งขึ้น ทำให้การละคลายขัดเกลากิเลสยิ่งยากขึ้น"

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของ อ.คำปั่นค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
aditap
วันที่ 15 ส.ค. 2554
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
aurasa
วันที่ 15 ส.ค. 2554
กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาอย่างยิ่งค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
Noparat
วันที่ 16 ส.ค. 2554

ไม่มีใครทำร้ายเราได้ นอกจากกิเลสของเราเอง ขณะที่คิดร้ายหรือทำร้ายคนอื่น นั้น ก็เป็นการทำร้ายตัวเองแล้ว ด้วยอกุศลที่เกิดขึ้นซึ่งเป็นโทษแก่ตนเองโดยส่วนเดียว

เป็นข้อคิดเตือนใจที่ดี

ขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของคุณคำปั่นด้วยค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
wannee.s
วันที่ 16 ส.ค. 2554

โลภะ ติดทุกสิ่งทุกอย่าง ยกเว้นโลกุตตรธรรมค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
sathimak
วันที่ 18 ส.ค. 2554
ขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
Jans
วันที่ 24 ส.ค. 2554
ขอบคุณ และขออนุโมทนาคะ
 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
jaturong
วันที่ 6 ต.ค. 2554
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
kullawat
วันที่ 19 ม.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
ms.pimpaka
วันที่ 16 มิ.ย. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
chatchai.k
วันที่ 30 ต.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ