สมัยพุทธกาลก็มีช่างวาดรูป แต่ทำไมไม่มีช่างคนใดวาดรูปพระพุทธองค์

 
neo
วันที่  18 ส.ค. 2554
หมายเลข  18980
อ่าน  7,045

สมัยพุทธกาลก็มีช่างวาดรูป แต่ทำไมไม่มีช่างคนใดวาดรูปพระพุทธองค์


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 18 ส.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงมีพระคุณ ตามความเป็นจริง หาประมาณไม่ได้ ทั้งพระคุณธรรมของพระองค์ที่เป็นภายใน เช่น ศีล สมาธิ ปัญญาและ คุณธรรมประการอื่นๆ ก็มีหาประมาณไม่ได้ และไม่ใช่เพียงคุณธรรมภายในของพระองค์เท่านั้น แม้พระสรีระคุณ คือ รูปร่างกายของพระองค์ ก็เลิศประเสริฐที่สุดกว่าหมู่สัตว์ทั้งหลายในจักรวาล เพราะพระรูปของพระองค์ เกิดจากกรรมอันวิจิตร ที่ตกแต่งแล้วด้วยบุญอันทำมาแล้วหาประมาณไม่ได้ ขณะที่บำเพ็ญพระบารมีมา 4 อสงไขย แสนกัป เปรียบเหมือนว่า ผลบุญนั้น จะแย่งกันให้ผล เพราะรู้ว่าชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย พระองค์จึงมีพระรูป เลิศ ประเสริฐที่สุด เพราะบุญกรรม ที่มีมากมายมหาศาล ที่พระองค์บำเพ็ญบารมี 30 ทัศ มาตลอด 4 อสงไขย แสนกัป และเมื่อเป็นพระชาติสุดท้าย ที่จะได้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระรูปที่เกิดจากบุญที่ทำมามากมายก็ทำให้เป็นรูปที่เลิศเกินกว่าจะวาด เขียนให้ออกมาได้ ตามการเขียนของปุถุชน ครับ

พระองค์ประกอบด้วยพระสรีระคุณ พระรูปเลิศด้วยพระมหาปุริสลักษณะ ๓๒ ประการและ อนุพยัญชนะ ๘๐ ประการ มีพระรัศมีแผ่ไปตลอด ๑ วา แผ่ไปโดยสีต่างๆ มากมายแม้พระรูปโฉม ก็งดงามด้วยบุญกรรมที่บำเพ็ญบารมีมา แม้พรหมมายุพราหณ์ ได้กล่าวคาถาชมพระรูปโฉมของพระองค์มากมาย แม้ผู้อื่น ก็กล่าวชมพระสรีระคุณมากกมายของพระพุทธเจ้า แต่ก็ไม่สามารถกล่าวสรรเสริญได้หมด จะกล่าวไปใยที่จะวาดรูปให้เหมือนรูปของพระองค์ได้ ในเมื่อรูปของพระองค์เกิดจากกรรมบุญที่วิจิตร งดงามเกินจะเปรียบ เกินจะวาดได้ครับ แม้พระพุทธเจ้าด้วยกัน จะกล่าวสรรเสริญคุณธรรมและพระสรีระ พระรูปโฉมของพระพุทธเจ้าด้วยกัน กัปนั้นจะหมดไป แต่คุณธรรมประการต่างๆ รวมทั้งพระสรีระคุณของพระองค์ ย่อมยังสรรเสริญไม่หมด เพราะฉะนั้น จึงไม่มีใครในโลกที่สามารถวาดรูป ของพระผู้มีพระภาคอรหัตสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ครับ

การสรรเสริญพระรูปโฉม และพระคุณอื่นๆ ใช้เวลาจนกัปหมดสิ้น พระคุณ ยังไม่หมด


[เล่มที่ 44] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อุทาน เล่ม ๑ ภาค ๓- หน้าที่ 766

นี้ชื่อว่า เป็นเวลาสรรเสริญ กำลังของพระธรรมกถึกเท่านั้น เป็นประมาณในการสรรเสริญพระโฉม และสรรเสริญพระคุณของพระผู้มีพระภาคเจ้า ในกาลทั้งหลายเช่นอย่างนี้. ด้วยจุรณียบทที่ผูกเป็นคาถาควรจะกล่าวเท่าที่สามารถ ไม่ควรจะกล่าวว่า กล่าวได้ยาก หรือว่าแล่นไปผิดท่า จริงอยู่ ถึงพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ก็ย่อมไม่สามารถกล่าวคุณของพระผู้มีพระภาคพุทธเจ้า มีพระคุณหาปริมาณมิได้ โดยสิ้นเชิง เพราะเมื่อสรรเสริญพระคุณอยู่ตลอดกัป ก็ไม่สามารถจะให้พระคุณสิ้นสุดลงได้ จะป่วยกล่าวไปไย ถึงหมู่สัตว์นอกนี้เล่า

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 18 ส.ค. 2554

ในสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่ ก็ไม่มีการวาดรูปพระพุทธเจ้ากัน แต่ท่านมักกล่าวสรรเสริญถึงพระรูป พระสรีระคุณของพระพุทธเจ้าครับ ซึ่งจากตัวอย่างในพระไตรปิฎกบางเรื่อง แสดงให้เห็นว่าไม่มีการวาดรูป ในสมัยที่พระองค์ยังทรงพระชนม์อยู่ แต่ เมื่อพระพุทธเจ้าปรินิพพานได้ สองร้อยกว่าปี พระเจ้าอโศกฯ เพิ่งจะเริ่มเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ได้ให้กาฬนาคราช ที่เคยเห็นพระพุทธเจ้ามา ๔ พระองค์แล้ว ได้เนรมิตรูปเหมือนพระพุทธเจ้าให้พระเจ้าอโศกฯทอดพระเนตร นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ในสมัยของพระเจ้าอโศกฯ ก็ไม่มีภาพวาดของพระพุทธเจ้า ดังเหตุผลที่ผมได้กล่าวแล้วข้างต้น ว่าทำไมถึงวาดรูปพระพุทธเจ้าไม่ได้ เมื่อพระเจ้าอโศกฯ ได้เห็นพระสรีระคุณ จากพระรูปของพระพุทธเจ้า ที่กาฬนาคราชเนรมิต อันประกอบด้วย พระมหาปุริสลักษณะ ๓๒ ประการ และ อนุพยัญชนะ ๘๐ พระองค์ก็เกิดปิติปราโมทย์ เลื่อมใสอย่างยิ่ง ให้ทำการบูชา ๗ วัน จากตัวอย่างนี้ แสดงให้เห็นว่า ไม่มีการวาดรูปมาก่อน และพระเจ้าอโศกฯ เลื่อมใสปิติมากในการเห็นพระรูปของพระพุทธเจ้า ที่งดงามยิ่งนัก จึงไม่มีใครในโลกที่จะสามารถวาดรูปให้เหมือนพระพุทธเจ้าได้ครับ นี่คือพระคุณอันหาประมาณมิได้ ที่ถึงพร้อมด้วยพระพุทธคุณทุกประการ ทั้งคุณธรรมภายในของพระองค์และพระสรีระคุณที่เป็นภายนอกของพระองค์ ครับ สมกับเป็นผู้เลิศที่สุดของสัตว์ทั้งหลาย ครับ

เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ

พระเจ้าอโศกรับสั่งพญากาฬนาคเนรมิตพระพุทธรูป [มหาวิภังค์]

อีกประการหนึ่ง ผู้ที่รู้กิตติศัพท์อันงามของพระพุทธเจ้า ย่อมที่จะอยากเห็นพระรูปโฉมจริงๆ ของพระองค์ และได้มีโอกาส สนทนาธรรม ได้ทูลถามพระพุทธเจ้าเพื่อความเจริญปัญญา และพระองค์ก็ยังมีพระชนม์อยู่ ผู้ที่มีศรัทธาจึงเข้าไปหา เข้าไปนั่งใกล้ และเข้าไปพบ พระพุทธเจ้าด้วยตนเอง โดยไม่ต้องวาดรูปเก็บไว้ครับ เพราะประโยชน์ คือการได้ฟังพระธรรม และได้เห็นพระพุทธองค์จริงๆ ต่างกับรูปที่เทียบกันไม่ได้ และไม่มีทางวาดได้ ตามเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้นครับ ประโยชน์คือการได้ฟังพระธรรม และอบรมปัญญาครับ เมื่อได้พบพระพุทธองค์ และเมื่อไม่ได้พบพระองค์แล้ว การระลึกถึงพระพุทธเจ้าจึงระลึกที่พระคุณของพระองค์ ระลึกถึงพระธรรมที่พระองค์แสดงไม่ใช่ระลึก รูปร่างกายของพระองค์ด้วยความติดข้อง ยินดีครับ ขออนุโมทนาที่ตั้งหัวข้อนี้ครับ ที่ทำให้ได้มีโอกาสบรรยายและได้ซาบซึ้งในพระคุณของพระองค์ ขอบพระคุณครับ

อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 19 ส.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง ผู้ทรงตื่นจากกิเลสโดยประการทั้งปวง นอกจากนั้นก็ทรงปลุกสัตว์โลกให้ตื่นจากกิเลสตามพระองค์ด้วย โดยการทรงแสดงพระธรรมประกาศพระศาสนาแก่สัตว์โลก ซึ่งมีผู้ตรัสรู้เป็นพระอริยบุคคลขั้นต่างๆ มากมายอย่างนับไม่ถ้วน เป็นผู้ได้รับประโยชน์อย่างสูงสุด จากการได้เห็นพระองค์ และ ได้ฟังพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง พระองค์ทรงเป็นผู้งดงาม ทั้งทางกาย ทางวาจา และทางใจอย่างที่ไม่มีใครเสมอเหมือน พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเป็นผู้หมดจดจากกิเลสโดยประการทั้งปวง พระองค์ทรงแสดงพระธรรม พร้อมทั้งทรงแสดงหนทางปฏิบัติที่ทำให้ปุถุชนผู้หนาแน่นไปด้วยกิเลส ดำเนินไปถึงความเป็นพระอริยบุคคลได้ ทรงแสดงสภาพธรรมทั้งหมดซึ่งเป็นสิ่งที่มีจริงที่ควรรู้ โดยประมวลแล้ว ได้แก่ นามธรรม กับ รูปธรรม เพื่อให้พุทธบริษัทได้เข้าใจตามความเป็นจริง ซึ่งผู้ที่มีศรัทธา เห็นประโยชน์ของความเข้าใจพระธรรมเท่านั้น ที่จะได้ประโยชน์จากพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเป็นอย่างนี้ ถึงแม้ว่าจะได้เห็นพระรูปของพระองค์ แต่ไม่มีศรัทธาที่จะฟังพระธรรม ก็มี เพราะขึ้นอยู่กับการสะสมมาของแต่ละบุคคลจริงๆ การได้เห็นพระองค์อย่างแท้จริง ก็คือ การได้ฟังพระธรรม ได้เห็นธรรมเหมือนอย่างที่พระองค์ทรงเห็น ถึงแม้ว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว พระธรรมที่พระองค์ทรงแสดงแล้วและพระวินัยที่พระองค์ทรงบัญญัติไว้ เป็นศาสดาแทนพระองค์ ผู้ได้ฟัง ได้ศึกษาและน้อมประพฤติปฏิบัติตาม ย่อมจะได้รับประโยชน์จากพระธรรมอย่างแท้จริง นี้คือ สิ่งที่เป็นประโยชน์สูงสุด ยุคนี้สมัยนี้ยังเป็นช่วงเวลาที่พระพุทธศาสนายังดำรงอยู่ ผู้ที่เข้าใจพระธรรมและแสดงพระธรรมตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ก็ยังมีอยู่ จึงควรอย่างยิ่งที่จะได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม สะสมปัญญาต่อไป เพราะสังสารวัฏฏ์ เป็นเพียงที่พักชั่วคราวเท่านั้น เกิดในภพหนึ่งชาติหนึ่ง สั้นมากเหลือเกิน พักแล้วก็ต้องเดินทางต่อไปอีกในสังสารวัฏฏ์ สิ่งที่จะเป็นที่พึ่ง และพึ่งได้อย่างแท้จริง คือ กุศลธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือ ปัญญา ความเข้าใจถูกเห็นถูก ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
วิริยะ
วันที่ 19 ส.ค. 2554

เรียน ถามความเห็นที่ 2

กาฬนาคราช คือใคร เป็นเทพ ใช่หรือไม่

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
paderm
วันที่ 19 ส.ค. 2554

เรียน ความเห็นที่ 4 ครับ

กาฬนาคราช ไม่ใช่เทพ แต่เป็นสัตวเดรัจฉานที่มีฤทธิ์ มีอานุภาพ ท่านมีอายุยืนนานอยู่ใต้ภิภพ เมื่อพระโพธิสัตว์ ที่ผ่านมา ๔ พระองค์ ลอยถาด อธิษฐานความเป็นพระพุทธเจ้า ถาดได้ไปกระทบที่ภพของท่าน ท่านก็ตื่นขึ้น และก็อุทานว่า พระพุทธเจ้าอุบัติอีกแล้วหรือ ดั่งกับว่าเพิ่งอุบัติขึ้นไปเมื่อวาน เพราะความที่ท่านเอาแต่หลับ และอายุยืนครับ

กาฬนาคราช จึงไม่ใช่เทพ เป็นสัตว์เดรัจฉานที่มีฤทธิ์ครับ ที่เหมือนงูใหญ่นั่นเองท่านได้เห็นพระพุทธเจ้า ๔ พระองค์ในกัปนี้มาแล้ว จึงมีฤทธิ์เนรมิตร รูปเหมือนพระพุทธเจ้าได้ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
wannee.s
วันที่ 19 ส.ค. 2554

สมัยที่พระพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่ ไม่มีการวาดภาพพระพุทธเจ้า เพราะผู้ที่ได้เห็นพระพุทธเจ้า เป็นผู้ทีสะสมบุญมาแล้วในอดีต แต่ว่าในยุคนี้ ไม่มีใครได้เห็นพระพุทธเจ้า เพราะพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว เห็นหรือไม่เห็นไม่สำคัญเท่ากับการได้ฟังพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงแสดงไว้ สมดังพระพุทธพจน์ที่ว่า ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นชื่อว่าเห็นตถาคต ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
คนไทยพบธรรม
วันที่ 19 ส.ค. 2554

ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
Graabphra
วันที่ 20 ส.ค. 2554
ขอบพระคุณมาก และขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
homenumber5
วันที่ 20 ส.ค. 2554
ขออนุโมทนาสาธุค่ะ ไม่เคยสงสัยแต่ได้คำตอบชัดเจนมากค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
วิริยะ
วันที่ 21 ส.ค. 2554

เรียน ถามความเห็นที่ 5

อยากทราบว่า "นาคปรก" ที่เป็นพระพุทธรูปประจำวันเสาร์ มีความเกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้าอย่างไร พอจะมีประวัติหรือเรื่องราวให้อ่านหรือไม่

ขอบพระคุณอย่างสูง

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
paderm
วันที่ 21 ส.ค. 2554

เรียน ความเห็นที่ 10 ครับ

นาคปรกที่ สร้างเป็นพระพุทธรูป ก็เอามาจาก ตอนที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ใหม่ เสวยวิมุตติสุข เมื่อสัปดาห์ที่ ๖ ฝนตกนอกฤดูกาล พระยานาคมุจลินทร์ จึงเนรมิตตนแผ่พังพาน ไม่ให้พระพุทธเจ้าโดนลมและฝน จึงเป็นที่มาของพระนาคปรกครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
pamali
วันที่ 22 ส.ค. 2554
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
คนรักธรรมะ
วันที่ 29 ก.ย. 2554
ขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
oj.simon
วันที่ 29 ก.ย. 2554

สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทนามิ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
ปุ้ม
วันที่ 30 ก.ย. 2554

เห็นด้วยกับความเห็นที่ 6 เพราะตรงกับความคิดข้าพเจ้าเลยครับ

ขออนุโมทนา สาธุขอรับ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
Guest
วันที่ 7 พ.ย. 2558

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
jirat wen
วันที่ 7 พ.ย. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
peem
วันที่ 7 พ.ย. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 19  
 
ผู้มีความประมาท
วันที่ 10 พ.ย. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 20  
 
j.jim
วันที่ 10 พ.ย. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 21  
 
สิริพรรณ
วันที่ 15 พ.ย. 2558

กราบอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ ภาพวาดใดๆ ไม่สามารถบรรยายความงดงามได้ครบถ้วน เท่ากับการศึกษาพระธรรม เข้าใจพระธรรม ปฏิบัติตรงตามพระธรรม จึงจะเข้าใจความงดงามของพระพุทธองค์ อย่างแท้จริง

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 22  
 
kullawat
วันที่ 29 ม.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 23  
 
ํํญาณินทร์
วันที่ 23 ก.พ. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 24  
 
chatchai.k
วันที่ 7 มิ.ย. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 25  
 
Wisaka
วันที่ 7 พ.ย. 2566

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 27  
 
Jarunee.A
วันที่ 20 ต.ค. 2567

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ