เรื่องพระสังกัจจายะนะ
พระสังกัจจายะนะ (พระสังกัจจายน์) ตอนแรกเป็นพระที่มีรูปลักษณ์งดงามเป็นที่หน้า
เลื่อมใส บางทีเสด็จไปบางที ประชาชนนึกว่าเป็นพระพุทธเจ้า พระองค์เลยทรงนิมิตร
กายให้อ้วนประชาชนจะได้ไม่คิดว่าเป็นพระพุทธเจ้า
ที่ผมพิมพ์มาถูกเปล่าครับผู้รู้จริงมาเนะนำที
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย ในความเป็นจริงไม่เป็นอย่างนั้นครับ ในเรื่องของพระมหากัจจายนะ ที่ท่านมีรูป ผิว
พรรณงาม สีทอง บุตรเศรษฐีเห็นแล้วติดในรูป พูดจาไม่เหมาะสม จึงกลายจากเพศ
ชาย เป็นเพศหญิง จนผู้นั้นขอขมาลาโทษและพระมหากัจจายนะ อดโทษให้ จึงกลับ
เป็นเพศชาย
แต่ไม่ใช่ว่าเพราะท่านรู้ว่ามีคนเป็นอกุศลเพราะรูป ผิวพรรณของท่าน จึงเนรมิตตน
เป็นรูปไม่งาม มีอ้วน เป็นต้น เรียกว่าพระสังกัจจายะนะ พระสังฆจาย อะไรประมาณนั้น
และก็ปัจจุบันก็ไปขอโชคลาภ ก็ไม่ถูกต้องทั้งเรื่องราวที่เนรมิตให้อ้วน ไม่งามและการ
ขอโชคลาภ ไม่ตรงตามพระพุทธเจ้าทรงแสดงและไม่มีแสดงในพระไตรปิฎกในเรื่องนี้
ครับ ท่านจึงไม่ไ่ด้เนรมิตตนเองให้น่าเกลียดตามที่เข้าใจกันในปัจจุบันครับ เพราะใน
ความเป็นจริง เมื่อเราพูดถึงเหตุผลแล้ว อกุศลเราไม่สามารถห้ามจิตของใคร บุคคลใด
ได้เลยที่จะเป็นกุศลหรือ อกุศลครับ แม้ท่านพระวักกลิ ก็มีความติดข้องในรูปพระ
พุทธเจ้า แม้สัตว์เหล่าอื่นเห็นรูปพระพุทธเจ้า ก็เกิดความติดข้องได้ นั่นเพราะกิเลส
ของบุคคลนั้นเอง จึงไม่ใช่จะต้องเนรมิตให้เป็นรูปที่ไม่น่าดู เพราะถ้าเป็นผู้ละเอียด แม้
รูปร่างที่ไม่น่าดู มี อ้วน เป็นต้น ก็เป็นที่ตั้งของกิเลสอีกประการหนึ่งได้ คือ โทสะได้
ดังเช่น ในชีวิตประจำวัน เมื่อใครเห็นใครอ้วน รูปร่างไม่ดี ก็ติว่าคนนั้นได้ เพราะอะไร
เพราะบุคคลนั้นมีกิเลส เมื่อเห็นรูปร่างไม่ดีก็เป็นที่ตั้งให้เกิดโทสะได้ครับ หากท่านพระ
มหากัจจายนะ เนรมิต รูปไม่ดี อ้วน เป็นต้น ผู้อื่นที่เป็นปุถุชน ก็จะกล่าว่ารูปร่างของ
ท่านได้ ผู้ที่กล่าวว่าก็เป็นโทษกับผู้ที่พูด ทำให้ตกนรกได้ ดังนั้นจะทำอย่างไร ก็ต้อง
เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเพื่อให้ทำผู้อื่นเป็นกุศล นั่นเป็นไปไม่ไ่ด้เลย เพราะรูปที่ดีหรือไม่ดี
เป็นที่ตั้งของอกุศลได้หมดครับ แม้ตัวอย่างในสมัยพุทธกาล ท่านพระลกุณฏกภัททิย
เถระ ท่านเป็นพระอรหันต์ มีฤทธิ์มาก แต่ท่านเตี้ย รูปร่างไม่งาม ท่านก็ถูกพระรูปอื่น
แหย่เล่น พูดว่าเล่นกับท่าน พระพุทธเจ้าจึงตรัสเตือนว่า ภิกษุรูปนี้ เป็นพระอรหันต์มี
ฤทธิ์มาก จะเห็นว่า รูปไม่ดี ก็เป็นที่ตั้งของกิเลสได้เช่นกันครับ ดังนั้นจึงไม่ใช่พระมหา
กัจจายนะจะเนรมิตนเพื่อให้ผู้อื่นเป็นกุศล ไม่ติดข้องท่าน ไม่ว่ารูปร่างอย่างใดก็เป็นที่
ตั้งของอกุศลได้ครับ แม้ท่านพระมหากัจจายนะ ลงจากเขา วัสสการพราหมณ์ยัง
บอกว่าเหมือนลิงได้เลยครับ ด้วยจิตที่เป็นโทสะ ไม่ใช่ติดข้องด้วยโลภะ ทั้งๆ ที่มี
รูปอย่างนั้น ดังนั้นรูปที่ดีและไม่ดี ก็เป็นที่ตั้งของกิเลสหมดครับ ดังนั้นพุทธบริษัทจึง
จะต้องเข้าใจพระธรรมตรงตามความเป็นจริงและเข้าใจใหม่ครับในเรื่องพระสังกัจจาย
นะ ที่เป็นพระรูปอ้วน รูปไม่ดี อันนี้ไม่มีในพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงครับ
ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา
อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระมหากัจจายนเถระ เป็นพระอรหันต์รูปหนึ่งในพระพุทธศาสนา เป็นผู้เลิศในด้านกล่าวขยายความธรรมที่ย่อ ให้ละเอียด เป็นผู้กระทำคุณประโยชน์แก่พระพุทธศาสนาโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในการประกาศพระธรรมคำสอนที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง เพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่ผู้อื่น และมีข้อความธรรมมากมายที่ท่านได้แสดงไว้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งถ้าได้อ่าน ได้ศึกษา ด้วยความละเอียดรอบคอบจริงๆ [แทนที่จะไปคิดถึงเรื่องอื่น ที่ไม่เป็นความจริง ไม่ตรงตามพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เพราะประเด็นที่พระคุณเจ้าได้ยกมานั้น ไม่มีในคำสอนทางพระพุทธ-ศาสนา] ธรรมที่ท่านพระมหากัจจายนะได้กล่าวไว้ ตอนหนึ่งน่าพิจารณาทีเดียว ว่า พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๓ หน้า ๒๗๗
“บุคคลผู้มีปัญญา ถึงจะสิ้นทรัพย์ ก็ยังเป็นอยู่ได้ ส่วนบุคคลถึงแม้ว่าจะมีทรัพย์ ก็เป็นอยู่ไม่ได้ เพราะไม่ได้ปัญญา” ในอรรถกถาแก้ไว้ว่า บุคคลผู้มีปัญญา ถึงจะสิ้นทรัพย์ก็ยังเป็นอยู่ได้ คือ ถึงทรัพย์จะหมดสิ้นไป แต่ก็ยังมีปัญญา สันโดษยินดีด้วยปัจจัยตามมีตามได้ เลี้ยงชีวิตด้วยการงานที่ปราศจากโทษอย่างเดียว นี้ ชื่อว่า ชีวิตของบุคคลผู้มีปัญญา. (จาก...ขุททกนิกาย เถรคาถา มหากัจจายนเถรคาถา และอรรถกถา) จากธรรม บทนี้แสดงให้เห็นว่า ถึงจะมีทรัพย์สมบัติมากมายสักเท่าใด แต่ถ้าไม่มีปัญญา ก็ไม่พอย่อมไม่รู้จักคำว่าพอ เพราะฉะนั้นจะเป็นสุขไม่ได้อย่างแน่นอน ยังเต็มไปด้วยทุกข์ แต่สำหรับผู้ที่มีปัญญา ถึงแม้จะสิ้นทรัพย์ก็เป็นอยู่ได้ คือ ยังเป็นผู้สันโดษด้วยปัจจัยตามมีตามได้ และเลี้ยงชีวิตด้วยการงานที่ปราศจากโทษอย่างเดียว ตามวิถีของผู้ที่มีปัญญา ซึ่งจะเป็นเครื่องเตือนที่ดี สำหรับผู้ที่ได้อ่านได้ศึกษาอย่างแท้จริง ประโยชน์ที่จะได้จากการศึกษาพระธรรม ไม่ว่าจะจากส่วนใดก็ตาม คือ ความเข้าใจถูกเห็นถูก ครับ. ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...