วิสุทธิมรรค
คำนำจากหนังสือวิสุทธิมรรค
(เมื่อพิมพ์ครั้งแรก) วิสุทธิมรรค เป็นปกรณ์พิเศษที่พระเถระชาวชมพูทวีปผู้มีชื่อเสียงรูปหนึ่งได้รจนาขึ้น เมื่อพระพุทธศาสนาล่วงไปได้ประมาณ ๑,๐๐๐ ปี ที่ลังกาทวีป พระเถระรูปนี้คือ พระพุทธโฆสะ เป็นที่รู้จักกันมากในเมืองไทย และในเมืองที่นับถือพระพุทธศาสนาทั้งปวง เพราะท่านได้ทำหนังสือทางพระพุทธศาสนาที่เป็นภาษามคธไว้มาก งานใหญ่ที่เป็นมรดกตกทอดมาถึงเราทั้งหลาย ก็คือ งานแปลคัมภีร์อรรถกถาพระไตรปิฎกจากภาษาสีหฬเป็นภาษามคธ หรือ ภาษาบาลี ในเมืองไทยได้เรียนคัมภีร์ที่ท่านทำไว้เป็นภาษามคธตั้งแต่ประโยค ๓ คือ อรรถกถาธรรมบท จนถึงประโยค ๙ คือวิสุทธิมรรค โดยเฉพาะหนังสือวิสุทธิมรรคเป็นเรื่องที่นิยมศึกษากันมาก นับถือว่าเป็นปกรณ์สำคัญปกรณ์หนึ่ง เพราะท่านพระพุทธโฆสะได้ประมวลธรรมในพระไตรปิฎก มาแสดงไว้เป็นหมวดๆ ตั้งแต่ศีล และสมาธิ ปัญญา โดยลำดับ วิธีแต่งเหมือนอย่างแต่งกระทู้ หรือเรียงความแก้กระทู้ธรรมในปัจจุบัน คือขยายความย่อให้พิสดาร บทกระทู้ของวิสุทธิมรรค ว่าด้วยไตรสิกขา ซึ่งเป็นหัวข้อใหญ่ในพระพุทธศาสนาทั้งสิ้น นับว่าเป็นบทกระทู้ของหัวใจการปฏิบัติธรรมทีเดียว ท่านพระพุทธโฆสะแต่งอธิบายโดยวิจิตรพิสดารอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ได้อ้างพระพุทธ-วจนะเป็นอาคตสถานไว้ในที่นั้นๆ ทั่วไป แสดงว่าท่านมีความรู้แตกฉานในพระไตรปิฎก สามมารถยกเอาธรรมที่ว่าด้วยศีล มารวมไว้ในหมวดศีล ยกเอาธรรมที่เกี่ยวกับสมาธิมารวมไว้ในหมวดสมาธิยกเอาธรรมที่กล่าวถึงปัญญามารวมไว้ในหมวดปัญญา โดยปันออกเป็นนิเทศๆ รวมทั้งหมด ๒๓ นิเทศ และประวัติแห่งการแต่งวิสุทธิมรรคปกรณ์ของท่านก็คล้ายกับการแต่งสอบไล่ เพราะพระเถระชาวสีหฬได้ออกกระทู้ให้ท่านแต่งดูก่อน เมื่อท่านทำได้เป็นที่พอใจจึงจะยอมยกคัมภีร์อรรถกถาภาษาสีหฬ ให้ท่านแปลเป็นภาษามคธต่อไป ท่านพระพุทธโฆสะได้ทำสำเร็จอย่างรวดเร็วและดียิ่ง เป็นที่พอใจของพระเถระชาวสีหฬทั้งปวง ฉะนั้น คัมภีร์วิสุทธิมรรคนี้จึงเป็นวิทยา- นิพนธ์สอบความรู้ของท่านพระพุทธโฆสะ ที่รับรองกันว่า เป็นชั้นเยี่ยม มาตั้งแต่เบื้องต้น และเป็นที่รับรองกันในหมู่นักศึกษาตลอดมา วิสุทธิมรรคปกรณ์นี้ แม้จะได้ใช้เป็นหลักสูตรการศึกษาพระปริยัติ-ธรรมแผนกภาษาบาลีแห่งคณะสงฆ์ประเทศไทยมานาน แต่สำนวนแปลเป็นภาษาไทยยังมีน้อย และที่เป็นหลักฐานก็มีเพียงบางตอนที่เป็นการแปลเฉลยข้อสอบสนามหลวง นักเรียนต้องคัดลอกจากผู้ได้รวบรวมไว้มาศึกษากัน จะอาศัยสำนวนที่แปลกันภายนอกของแต่ละบุคคลก็ไม่ค่อยให้ความแน่ใจนัก มหามกุฎราชวิทยาลัยได้ปรารภจะให้มีฉบับแปลของมหากุฎ ฯ เพื่อเป็นอุปกรณ์การศึกษาและเพื่อให้เป็นหนังสืออ่านได้ทั่วไปสำหรับผู้ที่มุ่งหาความรู้ และเป็นคู่มือในการปฏิบัติพระพุทธ-ศาสนา จึงได้ขอให้ท่านผู้ทรงคุณวุฒิมากท่านช่วยกันแปลและตรวจแก้เพื่อให้เป็นฉบับแปลของมหามกุฎราชวิทยาลัย บัดนี้ได้ทำเสร็จ ๒ นิเทศคือสีลนิเทศ และ ธุดงคนิเทศ รวมเข้าเป็นตอนที่หนึ่ง กำลังแปลและตรวจพิมพ์นิเทศต่อไปโดยลำดับ
มหามกุฏราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์
สิงหาคม ๒๕๐๘