เคยจำสิ่งที่ปรากฏทางตาไหม?

 
ผู้ร่วมเดินทาง
วันที่  21 ส.ค. 2554
หมายเลข  19543
อ่าน  1,284

คำบรรยายธรรมะบางตอนของท่านอาจารย์สุจินต์ ชุดธรรมเตือนใจ พุทธภูมิ (พ.ศ. ๒๕๕๒) ตอนที่ ๒๗

ท่านผู้ถาม อีกเรื่องหนึ่งที่จะกราบเรียนถามท่านอาจารย์ก็คือ การที่อบรมเจริญสตินี้ ควรจะต้องเข้าใจให้ถูกทาง ถ้าอย่างนั้นผสมปนเปกัน นั้นก็คือการที่เข้าใจธรรมะผิดแล้ว ใช่ไหมค่ะ การที่เดินทางไปคราวนี้ (อินเดีย) ก็ของเยอะแยะมากเลย จะหยิบจะใช้อะไรก็หาไม่ค่อยได้ อย่างเช่นจะหาไฟฉาย ก็ไม่รู้อยู่ตรงไหน แต่ขณะนั้นจะมีความรู้สึกว่าคิดถึงสัณฐาน ถ้าจะพูดกันตามที่ศึกษา คิดถึงสัณฐานของไฟฉาย มันจะเป็นรูปร่างอย่างนั้น ก็มองไปว่ามันจะเป็นยังไง ไฟฉายอันนั้นของเราที่มี ก็นึกถึงสัณฐาน ตรงนี้จะเป็นสภาพของนึกถึงนิมิตที่เคยเห็นมาได้ไหมค่ะ ท่านอาจารย์

ท่านอาจารย์สุจินต์ ค่ะ นี่เป็นสิ่งที่เราฟังแล้วเราก็ลืมนะค่ะ เพราะว่าถ้าพูดถึงคนเนี่ย เราจำได้ ถ้าพูดถึงสุนัขเลี้ยงที่บ้านก็จำได้ พูดถึงแพะ พูดถึงต้นไม้ ดอกไม้ จำได้หมด แต่พอพูดถึงสิ่งที่กำลังปรากฏทางตา จำได้หรือเปล่า จำไม่ได้ เพราะฉะนั้นก็แสดงให้เห็นว่า แม้สิ่งนี้จะมีจริงๆ นะค่ะก็ยากที่จะรู้ได้ แต่ถ้าได้รู้ได้ฟังต่อไป จะเข้าใจพระธรรมที่ทรงแสดงยิ่งขึ้น เช่น สิ่งที่ปรากฏทางตา มี แต่ขณะนี้ปรากฏเป็นคน เป็นวัตถุ สิ่งของต่างๆ แสดงว่านะค่ะ เราไม่ได้จำลักษณะของสิ่งที่ปรากฏทางตา

ต่อเมื่อใดมีการฟัง จนกระทั่งสามารถที่จะระลึกได้ ก็จะรู้นะค่ะว่าสิ่งที่กำลังปรากฏทางตาเนี่ย ใครเปลื่ยนลักษณะไม่ได้เลย ของเราหรือเปล่า ที่ตัวเราหรือเปล่า หรือว่าที่อื่น ไม่ใช่ให้ไปกางตำราแล้วก็พิจารณาแล้วตอบนะค่ะ แต่เดี๋ยวนี้ขณะนี้ค่ะมีสิ่งที่กำลังปรากฏทางตา และสิ่งที่ปรากฏทางตานี่นะค่ะ ที่เป็นธรรมะที่ปรากฏได้เนี่ย ที่ไหน เป็นตัวเราเดี๋ยวนี้ที่ปรากฏให้เห็นทางตา หรือว่าเป็นสีสันวรรณะ เป็นสิ่งของที่กำลังมีสีสันวรรณะปรากฏทางตา แค่นี้ก็แสดงให้เห็นว่าเราไม่ได้รู้ความจริงของสิ่งที่ปรากฏทางตา เพราะว่าสิ่งที่ปรากฏทางตาเนี่ยไม่เป็นของใครเลย ปรากฏได้ตลอดที่มีจิตเห็น เมื่อมีจิตเห็นแล้วต้องมีสิ่งที่ปรากฏทางตา แต่เพราะการยึดถือสภาพธรรมะที่ตัวว่าเป็นเรา และยึดถือสภาพธรรมะภายนอกไม่ใช่ตัวนะค่ะว่าเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด

เพราะฉะนั้นจะเข้าถึงความหมายธรรมะที่เป็นอนัตตาไม่ใช่คน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่เรา แต่เวลาที่มีการระลึกรู้ที่กาย เคยยึดถือว่าเป็นเรา ด้วยเหตุนี้จะเข้าใจความหมายของกายานุปัสสนาสติปัฏฐาน และธัมมานุปัสสนาสติปัฎฐาน ถ้าเป็นธัมมานุปัสสนาสติปัฎฐานเนี่ย ไม่ได้คำนึงถึงว่าที่กายหรือที่ไหนเลย เป็นธาตุชนิดหนึ่ง แต่ถ้าขณะนั้นมีเรานะค่ะ และกำลังเห็น กำลังยึดว่าเป็นเรา ก็จะรู้ว่าแท้ที่จริงแล้วสิ่งที่ปรากฎทางตาเป็นธาตุชนิดหนึ่ง แต่เพราะขณะนั้นอยู่ตรงนี้ซึ่งเคยยึดถือว่าเป็นเรา เพราะฉะนั้นก็จะต้องเข้าใจให้ถูกต้องว่า ความจริงไม่มีเราค่ะ ไม่ว่าจะที่ไหนก็ตาม สิ่งที่ปรากฏทางตาก็เป็นรูปธาตุ ธาตุชนิดหนึ่ง ถ้าเป็นอย่างนี้ก็จะเข้าใจรูปธาตุและเข้าใจจิตเห็นโดยไม่มีเรา เพราะฉะน้ันก็เป็นสิ่งที่ธรรมะต้องเป็นธรรมะตามความเป็นจริงนะค่ะ แต่ปัญญาที่ฟังเนี่ยละเอียดไตร่ตรองจนกระทั่งสามารถเข้าใจลักษณะจริงๆ ของสภาพธรรมะที่กำลังปรากฏ

ขอกราบเท้าอนุโมทนาท่านอาจารย์สุจินต์

และขออนุโมทนาทุกท่านด้วยครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 21 ส.ค. 2554

ขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของคุณผู้ร่วมเดินทางครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
Sam
วันที่ 22 ส.ค. 2554
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
nong
วันที่ 22 ส.ค. 2554

....เพราะว่าสิ่งที่ปรากฏทางตาเนี่ยไม่เป็นของใครเลย ปรากฏได้ตลอดที่มีจิต

เห็น เมื่อมีจิตเห็นแล้วต้องมีสิ่งที่ปรากฏทางตา...

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
wannee.s
วันที่ 22 ส.ค. 2554

สิ่งที่ปรากฏทางตา เป็นรูปธรรม แต่ว่าจะปรากฏกับปัญญาหรือเปล่า ก็ต้องค่อยๆ

ฟังธรรม จนกว่าจะปรากฏกับปัญญาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
khampan.a
วันที่ 22 ส.ค. 2554

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของคุณผู้ร่วมเดินทาง ด้วยครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
pat_jesty
วันที่ 22 ส.ค. 2554
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 23 ส.ค. 2554
ขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
Jarunee.A
วันที่ 10 พ.ย. 2567
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
Jarunee.A
วันที่ 21 ธ.ค. 2567

ขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ