เกิดจริงหรือเปล่า

 
สาธินี
วันที่  23 ส.ค. 2554
หมายเลข  19557
อ่าน  1,071

คนตายจะกับมาเกิดเป็นลูกของคนในโลกนี้ได้จริงหรอคะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 23 ส.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย ในความเป็นจริงที่เป็นสัจจะ คือ มีแต่สภาพธรรมที่เป็นจิต เจตสิกและรูป ดังนั้นการ

เกิด การตาย ก็เป็นการเกิดขึ้นของจิตแต่ละประเภทที่ทำหน้าที่และดับไปนั่นเองครับ

การตายตามที่พระพุทเจ้าทรงแสดง คือ การที่จิตประเภทหนึ่งเกิดขึ้น คือ จุติจิตเกิดขึ้น

ทำกิจเคลื่อนจากการเป็นบุคคลในโลกนี้ เมื่อจุติจิตดับไป (ตาย) หากบุคคลนั้นไม่ใช่

พระอรหันต์และยังมีกิเลสอยู่ ย่อมจะเป็นปัจจัยให้ต้องเกิดทันที คือ ปฏิสนธิจิตเกิดต่อ

ครับ เกิดเป็นบุคคลใหม่ อาจจะภพภูมิเดิม คือ ตายจากการเป็นมนุษย์และกลับมาเกิด

เป็นมนุษย์ หรือ เกิดอีกในภพภูมิใหม่ก็ได้ครับ เช่น ไปเกิดในนรก ไปเกิดเป็นสัตว์

เดรัจฉานก็ได้ครับ ตามแต่กรรมใดจะให้ผลไปเกิดในภพภูมิใดครับ

ดังนั้นการที่คนที่ตายจากการเป็นมนุษย์ในโลกนี้ ถ้ากรรมดีให้ผล ก็สามารถกลับมา

เกิดเป็นมนุษย์ได้อีกครับ ตามแต่กรรมจะให้ผลครับ และก็เป็นไปได้ทั้งสิ้น แม้คนที่อยู่

ใกล้ชิดกัน ก็กลับไปเกิดในคนที่เป็นญาติกันก็ได้แพราะเรื่องของกรรมเป็นเรื่องวิจิตร

และในความเป็นจริง สัตว์โลกที่เป็นปุถุชน ก็เกิดมาแล้วในทุกภพภูมิในสังสารวัฏฏ์ ยก

เว้น สุทธาวาสภูมิ ภูมิของพระอนาคามีและพระอรหันต์ที่ยังไม่เคยเกิด ส่วนภพภูมิอื่นๆ

เกิดมาหมดแล้วคัรบ และตราบใดที่ยังมีกิเลสก็ยังต้องเกิดอีกครับ เพียงแต่ว่าการกลับ

มาได้เกิดเป็นมนุษย์นั้นยากมาก อุปมาเหมือนคนที่ตายไปแล้วจากความเป็นมนุษย์ไป

เกิดเป็นสัตว์อบาย มี นรก เป็นต้น เท่าแผ่นดิน แต่คนที่กลับมาเกิดเป็นมนุษย์เท่าฝุ่นใน

เล็บ น้อยมากครับ ส่วนใหญ่จะไปภพภูมิที่ไม่ดี ดังนั้นเมื่อได้เกิดเป็นมนุษย์แล้ว อยู่ใน

ที่ที่มีพระธรรมแสดงอยู่ จึงไม่ควรเป็นผู้ประมาท คือ อบรมปัญญาเพื่อละกิเลส ฟังพระ

ธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง ขณะที่ประเสริฐอย่าได้ล่วงเลยไปครับ ขออนุโมทนา

อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 23 ส.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น การเกิดอีกนั้น ไม่ได้หมายถึงเฉพาะการได้เกิดมาเป็นมนุษย์เท่านั้น เกิดเป็นเทวดาในสวรรค์ก็ได้ เกิดเป็นพรหมบุคคลในพรหมโลกก็ได้ หรือ เกิดเป็นสัตว์ในอบายภูมิก็ได้ ขึ้นอยู่กับกรรมเป็นสำคัญ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ตราบใดที่ยังไม่ได้อบรมเจริญปัญญาถึงขั้นที่จะสามารถดับกิเลสทั้งปวงได้อย่างเด็ดขาดถึงความเป็นพระอรหันต์ ก็ยังต้องเกิดอีกในภพภูมิต่างๆ อย่างแน่นอน ยังไม่พ้นจากสังสารวัฏฏ์ไปได้ แม้บุคคลที่ได้บรรลุคุณธรรมเป็นพระโสดาบันบุคคลแล้ว ท่านก็ยังต้องเกิดอีก แต่เกิดไม่เกิน ๗ ชาติและเกิดเฉพาะในสุคติภูมิเท่านั้น เพราะเหตุว่าพระอริยบุคคลจะไม่ไปเกิดในอบายภูมิ แต่ปุถุชนผู้หนาแน่นไปด้วยกิเลส เต็มไปด้วยกิเลส มีโลภะ โทสะ

โมหะ เป็นต้น กิเลสเหล่านี้ยังดับไม่ได้และยังไม่ได้เบาบางลงไปเลย ถึงอย่างไรก็ต้องได้เกิดอีก ยังต้องเดินทางต่อไปในสังสารวัฏฏ์ทั้งในสุคติภูมิและอบายภูมิอีกอย่างนับชาติไม่ถ้วน เป็นเรื่องที่ยากจริงๆ กับการที่จะได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ชาตินี้ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ มีชีวิตที่สมบูรณ์พร้อมทุกประการ ชาติหน้าอาจจะไปเกิดในอบายภูมิก็ได้ เป็นไปได้ทั้งนั้น ซึ่งจะประมาทในชีวิตไม่ได้เลย เพราะถ้าหากอาศัยความประมาทเพียงนิดเดียว อาจจะนำพาเราไปสู่อบายภูมิ ซึ่งเป็นภูมิที่ปราศจากความเจริญในกุศลธรรม หมดโอกาสที่จะได้เจริญกุศลยิ่งขึ้น ก็เป็นได้

เพราะฉะนั้น ด้วยเวลาเท่าที่ยังเหลืออยู่ในโลกนี้ จึงควรเป็นไปเพื่อการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม สะสมความเข้าใจถูก เห็นถูกไปตามลำดับ และไม่ประมาทในการเจริญกุศลประการต่างๆ ในชีวิตประจำวัน ต่อไป ครับ. ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
pat_jesty
วันที่ 23 ส.ค. 2554
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
wannee.s
วันที่ 24 ส.ค. 2554

ตราบใดที่ยังมีกิเลส ตราบนั้นก็ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดอีกแน่นอน ตายแล้วเกิด

ทันที แต่จะเกิดที่ไหน ภูมิไหน ก็แล้วแต่กรรมดีหรือกรรมไ่ม่ดีจะให้ผล ถ้าบุคคล

เชื่อกรรมและผลของกรรม ก็จะุไม่ประมาท เจริญกุศล เจริญปัญญา เพราะรู้ว่่า

กุศลและปัญญาเท่านั้นที่เป็นมิตรแท้ เป็นที่พึ่งที่ดีที่สุดเวลาที่เราจากโลกนี้ไปค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
น้ำมนต์
วันที่ 14 ก.ย. 2554

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
สาธินี
วันที่ 21 ก.ย. 2554
ขออนุโมทนา
 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
สาธินี
วันที่ 29 ก.ย. 2554
ขออนุโมทนา
 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ