อยากให้แม่มีบุญติดตัวไว้เยอะๆ

 
SOAMUSA
วันที่  25 ส.ค. 2554
หมายเลข  19574
อ่าน  1,642

แม่ของดิฉันเป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร

หมอบอกว่าน่าจะอยู่ได้อีกไม่นาน ประมาณปีกว่า แต่ผลการตรวจ

ชิ้นเนื้อยังไม่ออกมา แต่ตรวจทุกอย่างแล้วว่าคือมะเร็ง

ทุกคนในครอบครัวจะปิดบังเรื่องที่แม่เป็นมะเร็งไม่ให้แม่รู้

แต่ว่าหมอบอกว่าคนไข้มีสิทธิรู้ เพราะว่าเป็นสิทธิของคนไข้

คนไข้จะได้ทำสิ่งที่อยากทำ และยังไม่ได้ทำ ดิฉันจึงได้แอบบอก

แม่ไปว่า แม่เป็นเนื้องอกแต่ผลการตรวจชิ้นเนื้อยังไม่ออกมาว่าเป็น

มะเร็งหรือเปล่า

(เพราะผลชิ้นเนื้อที่เอาไปตรวจ ผลยังไม่ออกมา)

แม่ของดิฉันไม่เหมือนพ่อ พ่อเรียนพระอภิธรรม แต่แม่มุ่งทางโลก

สุดๆ ศีลก็ไม่รักษา ทานก็ไม่ได้เร่งทำ ภาวนายิ่งแล้วใหญ่ไม่ทำเลย

แม่อายุ 78 แล้วค่ะ

ดิฉันห่วงแม่มาก ระยะหลังก่อนท่านไม่สบาย ดิฉันก็พยายามพูดคุย

กับท่านเรื่องธรรมะ ขอให้ท่านตั้งใจรักษาศีล ชวนท่านทำบุญและ

ให้ทำทุกวัน เอาหนังสือสวดมนต์และบทสวดง่ายๆ ให้ท่านสวด

ซึ่งดิฉันก็พยายามทำที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ก็กลายเป็นการไปบังคับ

ท่าน ท่านบ่นกับพี่สาวดิฉันว่า เรื่องธรรมะท่านรู้ท่านเข้าใจหมดแล้ว

ดิฉันยังไปบังคับท่านอีก

ดิฉันหมดกำลังใจเหมือนกันค่ะ ดิฉันจะช่วยท่านได้อย่างไร


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 25 ส.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจครับ สำหรับเรื่องนี้ เพราะในความเป็นจริงธรรมไม่สาธารณะกับ

ทุกคน เพราแล้วแต่ว่าบุคคลนั้นสะสมศรัทธา สะสมปัญญามาหรือไม่ ดังนั้นการจะให้

ธรรม การจะอธิบายธรรม บางครั้งต้องรู้จักกาลเวลา ไม่ใช่ของหยิบยื่นให้ทันทีและบ่อยๆ

สำหรับผู้ที่ยังไม่สนใจมากครับ ดังนั้น เราควรหาจังหวะเวลาทีเหมาะสม เช่น การพูดคุย

เราสามารถสนทนาเรื่องทั่วไปในชีวิตประจำวัน และสามารถสอดแทรกพระธรรมเล็กๆ

น้อยๆ ตามที่เราได้ยิน ได้ฟังมา เช่น สิ่งต่างๆ ที่เรากำลังพูด ก็คือธรรมทั้งสิ้น และก็พูด

เรื่องธรรมเล็กๆ น้อยๆ นั่นก็เป็นการให้คุณแม่ได้ฟังธรรมแล้ว โดยที่ไม่ต้องบอกกล่าวให้

ท่านฟังว่าให้ทำบุญ ให้ทำกุศล เพราะโดยมากผู้ใหญ่ย่อมคิดว่าตัวเองทำดีอยู่แล้ว และ

เข้าใจธรรมอยู่แล้ว ตามความคิดของผู้ใหญ่ครับ แทนที่จะทำให้ท่านสบายๆ ก็กลาย

เป็นท่านไม่ชอบและก็อาจต่อต้านสิ่งที่ให้ได้ครับ เพราะฉะนั้น การไม่บังคับ การรู้จักพูด

แม้แต่การสนทนาเรื่องราวอื่นๆ ในชีวิตประจำวัน ก็สามารถพูดถึงธรรมได้ตามที่กล่าวมา

ซึ่งก็ไม่เป็นการยัดเยียด แต่เป็นการคุยสบายๆ ตามปกติในชีวิตประจำวันนี่เองครับ แต่

ถ้าเป็นบุคคลที่สนใจธรรมแล้ว แน่นอนครับว่า เป็นเรื่องที่สนใจร่วมกันก็ย่อมที่จะฟัง

และสนทนาในเรื่องที่สนใจร่วมกันได้ครับ

ที่สำคัญไม่ลืมความเข้าใจธรรม คือ ความเป็นอนัตตา บังคับัญชาไมได้ ไม่ว่าเราและ

ใครก็บังคับบัญชาไมได้ รักษาใจด้วยการเข้าใจว่าสัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของๆ ตน

เมื่อเข้าใจดังนี้ ก็ช่วยเท่าที่ทำได้ ส่วนจะเป็นอย่างไรนั้น ก็ตามแต่กรรมของบุคคลที่ทำ

มาและตามการสะสมมาของแต่ละบุคลครับ เพียงตามทีผมกล่าวว่าหากเราพยายามให้

ธรรมโดยตรง ท่านก็จะต่อต้านควรรู้จักเวลาที่เหมาะสมและพูดเรื่องราวธรรมแทรกใน

ชีวิตประจำวันครับ

ที่สำคัญเมื่อหวังจะให้คนนั้นเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ ก็เป็นทุกข์ เพราะสภาพธรรมทั้ง

หลายเป็นใหญ่ ไม่ขึ้นอยู่กับใคร เพราะเป็นแต่เพียงธรรมทั้งสิ้นครับ

ในสังสารวัฏฏ์ สัตว์โลกทีเห็นกันอยู่มากมาย เคยเกิดเป็นบิดา มารดามาด้วยกันหมด

แล้วและก็ยังวนเวียนที่จะเป็นบิดา มารดา เป็นบุตรต่อไป ตราบใดที่ยังมีกิเลส ดังนั้น ก็

ไม่ลืมว่าทุกคนมีทางที่จะต้องไปตามกรรม ความเข้าใจพระธรรมของตนเองและกุศลที่

ทำของตนเองสำคญที่สุด เมื่อมีความเข้าใจพระธรรม การเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น แม้

เหตุการณ์นี้ก็จะเข้าใจตามความเป็นจริง ในความเป็นอนัตตา ในการที่สัตว์โลกสะสมมา

ต่างกันและการที่สัตว์โลกเป็นไปตามกรรมที่ทำมา สัตว์โลกเป็นไปตามกรรมครับ

ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ด้วยกุศลจิตและเข้าใจบุคคลอื่นครับตามที่กล่าวมา

ขออนุโมทนาที่มีจิตเป็นกุศลในการตอบแทนคุณมารดาครับ

อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
pamali
วันที่ 25 ส.ค. 2554
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
SOAMUSA
วันที่ 25 ส.ค. 2554

ขออนุโมทนาในธรรมทานของอาจารย์ค่ะ กราบขอบพระคุณค่ะ

ดิฉันเข้าใจค่ะ ที่่อาจารย์อธิบายมา ดิฉันจะเริ่มพูดคุยกับท่านใหม่

จะใจเย็นและทำตามอาจารย์แนะนำมานะค่ะ บางทีที่ผ่านมาดิฉัน

ยัดเยียดท่านเกินไปก็ได้ ดิฉันจะค่อยๆ ทำไป ดีกว่าไม่ทำอะไรให้

ท่านเลยนะคะ

ส่วนดิฉันเองก็พยายามเอาตัวเองให้รอดจากภัยของสังสารวัฎฎ์

ด้วยการอยู่กับปัจจุบันและสร้างเหตุไว้ให้ดีค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ผู้ร่วมเดินทาง
วันที่ 25 ส.ค. 2554

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาอาจารย์ผเดิมครับ

ตอบคำถามได้ตรงและครบถ้วนจริงๆ ได้ประโยชน์มากครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
khampan.a
วันที่ 25 ส.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น สิ่งเดียวที่สัตว์โลกจะพึ่งได้อย่างแท้จริง คือ ความเข้าใจพระธรรม (ปัญญา) ซึ่งเจริญขึ้นจากการฟัง การศึกษาในชีวิตประจำวัน แต่ก็มีสัตว์โลกเป็นจำนวนมากทีเดียวที่ไม่ได้สนใจที่จะฟังที่จะศึกษา เพราะไม่เห็นประโยชน์อีก ทั้งไม่ได้สะสมเหตุที่ดีมาตั้งแต่ชาติปางก่อน แม้แต่ในสมัยที่พระผู้มีพระภาคเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่ พระองค์ทรงแสดงพระธรรมประกาศพระศาสนา ก็มีคนเป็นจำนวนไม่น้อยเลย ที่ไม่ได้ฟัง ซึ่งจะเห็นได้ว่า พระธรรมจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่มีศรัทธา เห็นคุณค่าของความเข้าใจธรรมตามความเป็นจริง เท่านั้น เป็นปกติธรรมดาของผู้ที่มีโอกาสได้ฟังพระธรรม ได้ศึกษาพระธรรม มีความเข้าใจในระดับหนึ่งแล้ว ก็มีความประสงค์จะให้ผู้อื่นได้ฟัง ได้ศึกษา ได้เข้าใจ ด้วย จึงมีการเกื้อกูลกันเท่าที่จะเป็นไปได้ตามกำลังปัญญาของแต่ละบุคคล โดยเริ่มจากบุคคลใกล้ชิด คือ บิดามารดา คนในครอบครัว ญาติสนิทมิตรสหาย เป็นต้น เป็นการเกื้อกูลกันในสิ่งที่ประเสริฐ เพราะการเกิดมาเป็นมนุษย์เดินทางร่วมกันในสังสารวัฏฏ์ แล้วมีโอกาสได้เกื้อกูลกันและกันให้ได้เข้าใจถูกเห็นถูกในสิ่งที่มีจริงนั้น เป็นชาติที่ประเสริฐ อย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นใคร ฐานะใดก็ตาม ซึ่งถ้าท่านเหล่านั้น รับฟัง ย่อมจะเป็นการดีสำหรับท่านเหล่านั้นที่จะได้สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกต่อไป แต่ถ้าท่านเหล่านั้นไม่สนใจ ไม่รับฟัง เราก็สามารถเข้าใจถึงการสะสมมาของแต่ละบุคคล ได้และประการทีสำคัญ กิจที่ตนเองควรกระทำต่อไป ก็คือ ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญา และสะสมความดีต่อไป มีหน้าที่อะไร ก็ทำให้สมบูรณ์ที่สุดเท่าที่จะทำได้ ควบคู่ไปกับ การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจยิ่งขึ้น ชีวิต เป็นสิ่งที่เล็กน้อย สั้นมาก ทุกคนที่เกิดมาแล้ว ล้วนมีความตายเป็นที่สุดด้วยกันทั้งนั้นไม่วันใดก็วันหนึ่ง ความตายต้องมาถึงอย่างแน่นอน ควรอย่างยิ่งที่จะได้สะสมความดีและฟังพระธรรมให้เข้าใจในระหว่างทียังมีชีวิตอยู่ ครับ ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
wannee.s
วันที่ 25 ส.ค. 2554

เปิดวิทยุรายการแนวทางเจริญวิปัสสนา บรรยายโดย ท่านอจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ฟังเองบ่อยๆ และให้ท่านได้ยินด้วยทางอ้อม การได้ยินได้ฟังธรรมบ่อยๆ มีส่วนช่วย ให้ท่านสนใจเอง ที่สำคัญธรรมะไม่สาธารณะกับคนทั่วไป ต้องเป็นผู้ที่เคยทำบุญมาจึง จะได้ฟัง เพราะเสียงในโลกนี้มีเป็นพันๆ เสียง แต่เสียงของพระธรรมประเสริฐที่สุดค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
ผู้ร่วมเดินทาง
วันที่ 25 ส.ค. 2554

คำแนะนำของอาจารย์วรรณีได้ผลจริงๆ ครับ ผมทดลองกับคนในบ้านแล้ว หากเป็นผู้เคยสะสมการฟังมาก่อน ก็จะสนใจที่จะติดตามและฟังอย่างจริงจังในภายหลัง เพราะพระธรรมย่อมกล่อมเกลาจิตใจให้สูงขึ้นเป็นกุศล โดยเฉพาะหากเป็นคนที่มีเหตุผล ไม่ดื้อรั้น มีทิฎฐิน้อยแล้วละก็ต้องยอมจำนนต่อเหตุและผลของพระธรรมที่ท่านอาจารย์สุจินต์ยกขึ้นมาอธิบายให้เข้าใจแน่ๆ

และผมก็เคยได้ยินท่านสหายธรรมหลายท่านใช้วิธีนี้เช่นกันครับ

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
pat_jesty
วันที่ 25 ส.ค. 2554
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
ลุงหมาน
วันที่ 26 ส.ค. 2554

ขอร่วมกับ จขกท. เป็นอีกหนึ่งแรงใจครับ

เท่าที่อ่านจากกระทู้ข้างบนก็ทุกท่านก็เป็นแรงใจกับท่านนะครับ

ผมอาจจะมีความคิดไปอีกด้านหนึ่งว่าขณะที่เรานั่งเฝ้าผู้ป่วยอยู่ ขณะนั้นเราควรสนทนา

กันแต่เรื่องที่เป็นบุญเป็นกุศล กับญาติที่กำลังเฝ้าผู้ป่วยด้วยกัน

เท่าที่ทราบจขกท.นั้นกำลังศึกษาพระอภิธรรมชั้นจูฬเอกอยู่ ก็เอาเรื่องที่เรียนนั้นมา

พูดมาคุยหรือสาธยายธรรมที่อาจารย์สอนมา หรือบทที่ท่องจำเอามาสวดมาท่องค่อยๆ

พอที่ให้ผู้ป่วยได้ยินบ้าง จะเป็นประโยชน์ทั้งผู้ฟังและผู้ท่องเอง

ที่แน่ๆ คือจะเป็นการนำทางบอกทางนำแม่ไปส่งที่หมายปลายทางในวาระสุดท้าย

เท่าที่ลูกจะทำได้ การเดินตามทางที่พระพุทธองค์ชี้แนะก็ใช่ว่าจะเดินกันให้ตรงกันง่ายๆ

ยิ่งไม่เคยฝึกหัดเดินไว้แต่ต้นก็คงต้องลำบากหน่อย เอาน่ะอย่างไรๆ ก็ควรต้องพยายามดู

ขอเป็นกำลังใจให้ครับ

บุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้ทำมาแล้วในครั้งนี้ขออุทิศให้ผู้ป่วยให้หายป่วยไวๆ ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
SOAMUSA
วันที่ 26 ส.ค. 2554

ขออนุโมทนาในธรรมทานของทุกท่านค่ะ

ขอบพระคุณในคำแนะนำดีๆ ที่มีให้กันค่ะ

ดิฉันจะพยายามทำตาม ก็ต้องลองทำดูค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
Noparat
วันที่ 26 ส.ค. 2554

สวัสดีค่ะคุณ soamusa...ดิฉันขอร่วมสนทนาด้วยนะคะ ดิฉันมีแม่ซึ่งตอนนี้ท่านอายุ 90 ปี ท่านเป็นคนจีนที่อ่านและเขียนหนังสือไม่ได้ แต่ท่านเป็นผู้ที่จดจำโคลง กลอน สุภาษิตจีนได้ดีในวัยก่อนหน้านี้ ดิฉันจะเป็นคนที่คลุกคลีอยู่กับท่านมาก จนเข้าใจคนสูงอายุว่าท่านชอบคนที่มีเวลาอยู่กับท่าน คุยกับท่าน ทานข้าวร่วมกับท่าน ไม่ใช่เพียงเดินผ่านไป ผ่านมาแล้วทักทายแบบเป็นมารยาทเท่านั้น เพราะเดี๋ยวนี้ลูกๆ มักจะใช้คำพูดว่า "ไม่มีเวลา"กับท่าน ท่านรักลูก และก็ต้องการความรักจากลูกด้วยเช่นกันค่ะ ท่านอายุมากแล้วก็จะเป็นคนที่มักจะน้อยใจ และชอบตามใจตัวเองมากเช่นกัน เวลาที่ดิฉันได้นอนกับคุณแม่ ดิฉันจะชวนท่านกล่าวคำบูชาพระรัตนตรัย (ซึ่งเมื่อก่อนไม่เคยทำเลย) พร้อมกับกล่าวธรรมข้อคิดเตือนใจ ให้ท่านฟังบ้าง และเมื่อมีโอกาสไปทำบุญที่ไหน ก็จะอธิบายให้ท่านฟัง และชวนท่านร่วมเจริญกุศลด้วยค่ะ เมื่อเรามีเวลาที่อยู่กับท่านมาก เราก็จะสามารถชักจูง... พูดคุยในสิ่งที่มีประโยชน์จนท่านคล้อยตาม แต่ทุกอย่างที่ทำนั้น ต้องทำด้วยความเคารพรัก ความจริงใจจากหัวใจของลูกจริงๆ เชื่อเถอะค่ะว่าท่านสามารถสัมผัสได้

แม้ชาตินี้.. ผู้เป็นลูกก็ยังตอบแทนพระคุณของแม่ ไม่หมดค่ะ ขอเป็นกำลังใจให้คุณนะคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
พรรณี
วันที่ 27 ส.ค. 2554

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่าน ค่ะ เป็นคำแนะนำที่มีประโยชน์สำหรับผู้ที่ได้เข้ามาอ่านในกระทู้นี้ด้วยค่ะ และขออนุญาตนำคำกล่าวของท่านอาจารย์สุจินต์ ทีกล่าวว่า ขอให้เจริญมั่นคงในกุศลทุกประการ ถึงแม้จะเป็นกุศลเพียงเล็กน้อยก็ตาม ขอเป็นกำลังใจกับคุณ Soamusa ในช่วงเวลานี้ด้วยค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
SOAMUSA
วันที่ 29 ส.ค. 2554

กราบขอบพระคุณทุกๆ ท่านค่ะ

ขออนุโมทนาในบุญกุศลของทุกๆ ท่านค่ะ ดิฉันขอน้อมรับคำแนะนำค่ะ

ดิฉันก็ขอทำเต็มที่ค่ะ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยค่ะ ไม่ค่อยได้รับความร่วม

มือจากคนป่วยค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ