เวลาฟังธรรมสบายใจ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
ความสบายใจ มีความละเอียดครับ ความสบายใจ เป็นจิตที่เป็นกุศล หรือ อกุศลก็ได้
ครับ ความสบายใจด้วยโลภะมีจริง เป็นอกุศล เช่น ได้ฟังสิ่งที่ชอบ ก็เกิดความสบายใจ
เป็นต้น ส่วน ความสบายใจ ที่เป็นความเบา ควรแก่การงานของจิต อันเป็นเจตสิกที่เกิด
ดับจิตที่ดี ที่เป็นกุศลจิต ก็ทำให้มีความอิ่มเอิบใจได้ ในขณะนั้นที่กุศลจิตเกิดได้ครับ
ดังนั้นในความเป็นจริง จิตเกิดดับรวดเร็ว แม้ขณะที่ฟังธรรม ก็สามารถมีอกุศลแทรกขั้น
ได้เสมอในขณะที่ฟังธรรม เพราะฉะนั้น ความสบายใจเป็นกุศลจิตก็ได้ อกุศลจิตก็ได้
แม้ขณะฟังธรรม ขณะที่เข้าใจ เกิดปิติในสิ่งทีเข้าใจในขณะนั้น ขณะนั้นเป็นจิตที่เป็น
กุศล ปิติ ปราโมทย์ด้วยกุศลจิต แต่บางขณะ แม้ฟังธรรมอยู่ ก็เกิดความสบายใจ ผ่อน
คลาย เพราะได้ฟังสิ่งที่ชอบ รู้สึกสบายใจ ขณะนั้นเป็นโลภะทีเกิดขึ้นก็ได้ที่ยินดี พอใจ
ในสิ่งนั้น เพราะโลภะเกิดขึ้นและติดข้องในสภาพธรรมได้ทุกอย่างครับ
ส่วนขณะที่ไม่ได้ฟังธรรมและผู้ถามก็กล่าวว่า เวลาพบเห็นสิ่งต่างๆ แล้วเกิดความ
วุ่นวาย ไม่สบายใจ ไม่เหมือนกับการฟังพระธรรม ในความเป็นจริง ความไม่สบายใจ
นั้นคือโทสะ เพราะได้เห็น อารมณ์ที่ไม่ดี เห็นสิ่งที่ไม่ดี ได้ยินสิ่งที่ไม่ดี ได้กลิ่นสิ่งที่ไม่ดี
ลิ้มรสไม่ดี กระทบสัมผัสสิ่งที่ไม่ดี ก็เป็นปัจจัยให้เกิดอกุศล คือ โทสะความไม่พอใจได้
เป็นธรรมดาครับ นี่คือ เป็นปกติในชีวิตประจำวันเพราะกระทบกับอารมณ์ที่ไม่ดี ไม่พอใจ
ต่างจากการฟังพระธรรม ซึ่งเป็นกุศลวิบาก เป็นอารมณ์ที่ดี ก็ย่อมเป็นปัจจัยให้เกิดกุศล
จิต ที่เป็นความเบาของจิต ความอิ่มเอิบของจิต และบางครั้งก็เกิดความสบายใจที่เป็น
อกุศลจิต ทีเป็นโลภะได้ครับ แต่ในชีวิตประจำวัน ที่ไม่ได้ฟังพระธรรม ได้พบสิ่งที่ไม่ดี
ก็ทำให้เกิดโทสะหรือความไม่สบายใจได้ง่ายกว่าการฟังพระธรรมนั่นเองครับ แต่ธรรม
เป็นเรื่องละเอียดนะครับ ความไม่สบายใจที่เป็นโทสะ มีหลายระดับ แม้เพียงเล็กน้อย
และมีกำลังปรากฎชัด จากผู้ถามที่กล่าวว่พบเห็นแล้ววุ่นวาย ไม่สบายใจ นั่นแสดงถึง
โทสะที่มีกำลัง จนปรากฎให้รู้ว่ามีโทสะแล้ว ไม่สบายใจแล้วครับ แต่ในความเป็นจริง
โทสะ ความไม่สบายใจ แม้เพียงเล็กน้อยก็เกิดได้โดยไม่รู้ตัวเลยครับ เพราะเล็กน้อย
มาก แม้เพียงความขุ่นใจ ไม่สบายใจเล็กน้อย เพียงเห็นบางสิ่งที่ที่ไม่ดีก็ขุ่นใจ ไม่สบาย
ใจแล้ว แม้ได้ยินธรรม ฟังธรรม เมื่อผู้ถาม ถามคำถามที่เราไม่ชอบ ก็เกิดโทสะ ไม่สบาย
ใจแล้ว เล็กน้อยไม่รู้ตัวเลย และเกิดความไมสบายใจ ขุ่นใจ ที่เป็นโทสะได้ แม้ขณะที่
ฟังธรรมเข้าใจ เพราะอยากจะเข้าใจแต่ไม่เข้าใจก็ขุ่นใจแล้ว แม้เพียงเล้กน้อยครับ
ดังนั้นอกุศลทุกๆ ประเภท สามารถเกิดได้แม้ฟังธรรมอยู่ และแม้เห็น ได้ยินชีวิตประจำ
วัน เพียงแต่ว่าการได้ฟังพระธรรม นั้นเป็นปัจจัยให้กุศลธรรมและปัญญา รวมทั้งกุศล ที่
ทำให้เกิดปิติ ปราโมทย์ ซึ่งเกิดได้มากกว่า การเห็น ได้ยินทั่วไปในชีวิตประจำวันครับ
ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนาครับ
อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ตราบใดที่ยังไม่ได้รู้แจ้งอริยสัจธรรม ถึงความเป็นพระอนาคามีบุคคล ยังเป็นผู้ไม่พ้นจากความวุ่นวายใจ เพราะขณะที่วุ่นวายใจ ไม่สบายใจ นั้น เป็นอกุศลจิต ประเภทที่มีโทสะ เป็นมูล มีความรู้สึกที่เป็นโทมนัสเวทนาเกิดร่วมด้วย ย่อมเกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นในระัดับใด ก็ไม่พ้นจากอกุศล ไม่พ้นจากกิเลสที่เกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ เพราะยังมีกิเลสนี้เองจึงฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง เพื่อเข้าใจธรรมตามความเป็นจริง แม้แต่ความไม่สบายใจ ก็เป็นธรรม ไม่ใช่เรา พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงตลอด ๔๕ พรรษานั้น เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ได้ฟัง ได้ศึกษาอย่างแท้จริง เพราะสามารถนำออกไปจากทุกข์ทั้งปวงได้จริง นำมาซึ่งประโยชน์ในโลกนี้ ประโยชน์ในโลกหน้า และประโยชน์อย่างยิ่ง คือ การรู้แจ้งอริยสัจจธรรม ประจักษ์แจ้งพระนิพพานถึงความเป็นพระอริยบุคคลขั้นต่างๆ จริงอยู่ ในขณะที่ฟังพระธรรม ก็ย่อมจะเกื้อกูลให้กุศลจิต เกิดขึ้นมาก แต่ก็ไม่เสมอไป แม้ในขณะที่ฟังอยู่ ก็อาจจะมีอกุศลเกิดแทรกสลับ ไม่ได้เป็นกุศลอยู่ตลอด นี่จึงแสดงให้เห็นเลยว่า อกุศล มากมายแค่ไหน แม้แต่ในขณะที่ฟังพระธรรม แท้ๆ อกุศล ยังเกิดขึ้นได้ แล้วถ้าไม่ได้ฟังพระธรรม จะเป็นอย่างไร อกุศลย่อมจะเกิดขึ้นมากมายทีเดียว
ในชีวิตประจำวัน สิ่งที่เป็นสาระที่สำคัญที่สุดในชีวิต คือ ความเข้าใจพระธรรม ผู้ที่ได้สะสมเหตุที่ดีมาแล้ว เห็นประโยชน์ของความเข้าใจพระธรรม จึงฟังพระธรรมด้วยความตั้งใจเพื่อความเข้าใจอย่างถูกต้องตรงตามพระธรรม บุคคลผู้ที่ได้ศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรมเป็นปกติบ่อยๆ เนืองๆ ไม่ขาดการฟัง ย่อมเป็นเหตุให้ความเข้าใจเจริญขึ้น ขณะที่เกิดความเข้าใจ ขณะนั้น เป็นกุศล ไม่วุ่นวายใจ เพราะในขณะนั้นจิตเป็นกุศลประกอบด้วยปัญญา อกุศลเกิดไม่ได้ ความวุ่นวายใจเกิดไม่ได้ เพราะกุศลกับอกุศล จะเกิดร่วมกันไม่ได้เลย เมื่อมีความเข้าใจเจริญขึ้นไปตามลำดับ ย่อมจะทำให้รู้จักตัวเองตามความเป็นจริงมากขึ้น แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ก็ยังไม่พ้นจากทุกข์ เพราะยังไม่ได้ดับกิเลสอะไรๆ เลย อกุศลยังเกิดขึ้นได้ตามเหตุตามปัจจัย ไม่ใช่เฉพาะโทสะเท่านั้น ยังมีอกุศลประการอื่นๆ อีกมากมายที่เกิดขึนในชีวิตประจำวัน จนกว่าจะมีปัญญาเจริญจนถึงขั้นที่สามารถดับกิเลสทั้งหลายทั้งปวงได้อย่างเด็ดขาด เมื่อนั้นจึงจะพ้นจากทุกข์ได้ ทั้งหมดทั้งปวงนี้ จะมีขึ้นได้ เป็นไปได้ ก็เพราะได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง ครับ ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...