ธรรมะไม่ใช่ของใครเลย
ขณะนี้มีเห็น มีได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส มีกระทบสัมผัสเย็นหรือร้อน อ่อนหรือแข็ง ตึงหรือไหวและคิด ธรรมะเหล่านี้ไม่ใช่ของใครเลย เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ไม่มี ใครทำเห็นได้ มีบ้านใหญ่โต มีรถสวยหรู มีทรัพย์สมบัติเงินทองมากมาย ในความ เป็นจริงสิ่งเหล่านี้มีเมื่อคิด
คิดเป็นธรรมะที่มีจริง แต่เรื่องที่คิดไม่มี ขณะนี้เห็นมีจริง
เห็นเฉพาะสิ่งที่ปรากฏให้เห็นได้เท่านั้น บ้านไม่มี เงินไม่มี ขณะหลับไม่มีอะไรเลย.. งูเห็นเงิน งูรู้ไหมว่าเป็นเงิน ที่แท้งูเห็นเพียงสิ่งที่ปรากฏให้เห็นได้ งูไม่รู้ว่าเป็นเงิน เหมือนเราที่คิดว่ามีบ้าน มีรถ มีเงิน มีสิ่งต่างๆ มากมาย แท้จริงมีแต่เพียงธรรมะที่เกิด ขึ้นเห็น สิ่งที่ปรากฏให้เห็น ได้ยิน เสียง ... และคิดที่เกิดขึ้นแล้วดับไปไม่กลับมาอีก เลย
เมื่อไหร่ที่ เข้าใจธรรมะว่าเป็นแต่เพียงธรรมะแต่ละอย่าง เห็น ได้ยิน ... เข้า ใจลักษณะของสภาพธรรมที่ปรากฏ ก็จะคลายความติดข้อง และขณะใดที่อกุศลจิตเกิดเพราะเห็นเงิน เห็นบ้าน แล้วก็ติดข้อง ก็เห็นโทษของอกุศลว่าเป็นเพียงธรรม ที่เกิดเพราะมีเหตุปัจจัยให้เกิด ธรรมะไม่ใช่ของใครเลย ทุกๆ ขณะเกิดเพราะมีเหตุ ปัจจัยให้เกิดทั้งสิ้น
ทุกอย่างเป็นไปตามกรรม จะมีเงินมากหรือน้อย จะมีบ้านใหญ่โตหรือบ้านเล็กก็ไม่ พ้นไปจาก เห็น ได้ยิน ... และคิด แล้วก็อยู่ในโลกของความติดข้องตลอดเ วลา นอก จากความเข้าใจเท่านั้น เมื่อความเข้าใจธรรมค่อยๆ เพิ่มขึ้น กุศลต่างๆ ก็จะมีเพิ่มขึ้น แทนอกุศล
ขออนุโมทนาค่ะ ...