ทำใดๆก็ไร้ค่าถ้าไม่ใช่ธรรม
ทำใดๆ ก็ไร้ค่าถ้าไม่ใช่ธรรม เป็นความเห็นหรือเปล่าครับ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัยทำใดๆ ก็ไร้ค่าถ้าไม่ใช่ธรรม ก็เป็นความเห็นหนึ่ง ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าจะเข้าใจว่าอย่างไรใน
คำนี้ครับ ก่อนอื่นขออธิบาย สนทนาในคำนี้ก่อนครับว่า
ธรรมใดๆ ก็ไร้ค่า ถ้าไม่ทำ
พระธรรมเป็นเรื่องละเอียดลึกซึ้ง โดยทั่วไป ภาษาไทยนำภาษาบาลีมาใช้ เช่น คำว่า
ปฏิบัติ ก็หมายถึงว่าจะต้องมีรูปแบบการกระทำอะไรซักอย่างจึงเป็นการปฏิบัติ เช่น การ
นั่งสมาธิ หรือ เดินจงกรม นี่คือ การปฏิบัติ เพราะเข้าใจการปฏิบัติว่าจะต้องเป็นการทำ
ถ้าไม่มีการทำ ไม่ใช่การปฏิบัติ เมื่อไม่ทำก็ไร้ค่า ในสิ่งที่ศึกษามาเพราะไม่ได้ทำ ไม่ได้
ลงมือปฏิบัติ นี่คือ ความเข้าใจเผินของการศึกษาพระธรรม แต่ในความเป็นจริงแล้ว คำ
ว่า ปฏิบัติในภาษบาลี หมายถึง การถึงเฉพาะ ซึ่งต้องมีสิ่งที่ถึงเฉพาะ คือ ปัญญาและ
สติ ส่วนสิ่งที่ถูกถึงเฉพาะ คือ สภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ เพราะฉะนั้น ขณะที่ปฏิบัติ
(ขณะที่ทำ) คือ ขณะที่สติและปัญญาเกิดระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่มีจริงในขณะ
นี้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา นี่คือ การปฏิบัติ หากปัญญาไม่รู้ความจริงที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ไป
ทำอะไรก็ตาม นั่นก็ไม่ใช่การปฏิบัติเพราะไม่รู้ความจริง ได้แต่ความนิ่งแต่ปัญญาไม่ได้รู้
อะไร ดังนั้น ธรรมจึงไร้ค่า สำหรับผู้ที่ไม่เข้าใจ ไมได้เริ่มจากความเห็นถูกคือการฟังพระ
ธรรมให้เข้าใจก่อนครับ
ขณะนี้มีธรรมอยู่แล้วในชีวิตประจำวัน ขาดแต่เพียงสติและปัญญาที่จะรู้ (ปฏิบัติ)
ดังนั้นเหตุให้เกิดการปฏิบัติ หรือ สติและปัญญาเกิดรู้ความจริงของสภาพธรรม คือ การ
ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมในเรื่องของสภาพธรรม เมื่อปัญญาเจริญขึ้นทีละน้อย ขณะ
นั้นเริ่มอบรมแล้ว จนเหตุปัจจัยพร้อม สะสมมามากแล้ว สติและปัญญาก็รู้ความจริงใน
ขณะนี้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา ปฏิบัติแล้วในชีวิตประจำวัน ใครปฏิบัติ เรา หรือ ธรรม ต้อง
เป็นธรรม คือ สติและปัญญา ปฏิบัตินั่นเอง ทำกิจหน้าที่ เพราะมีแต่ธรรมไม่ใช่เรา ตาม
ความเป็นจริงครับ ธรรมจึงมีค่า สำหรับผู้ที่เข้าใจ และธรรมที่เป็นอสัทธรรมคือธรรมไม่
ถูกต้อง ไม่มีค่า และมีโทษสำหรับผู้ไม่เข้าใจและทำในสิ่งนั้นครับ
ทำใดๆ ก็ไร้ค่าถ้าไม่ใช่ธรรม
การกระทำใดๆ ย่อมไร้ค่า ถ้าไม่ใช่ธรรม คือ ไม่ใช่ธรรมที่ถูกต้องทีเป็นความเห็นถูกอัน
เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า การกระทำนั้นที่เกิดจากความเข้าใจผิด คิดว่าการปฏิบัติ
คือ การทำรูปแบบใด รูปแบบหนึ่ง มีการนั่งสมาธิและจงกรม เป็นต้น การกระทำย่อมไร้
ค่า คือ ไม่ทำให้ปัญญาเจริญ เพราะปัญญาคือการรู้ความจริงในขณะนี้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่
เรา และที่สำคัญการกระทำใดๆ ที่เกิดจาความเห็นผิด ไม่ใช่เพียงไร้ค่าเพราะไม่เป็นเหตุ
ให้เกิดปัญญาแล้ว ย่อมนำมาซึ่งโทษกับผู้ปฏิบัติตามด้วย จึงไร้ค่าเพราะเป็นอกุศล แต่
นำมาซึ่งโทษคือความเห็นผิดและความไม่รู้ ไม่สามารถพ้นไปจากสังสาวัฏฏ์ได้ครับ
ส่วนการกระทำใดทีเกิดจากความเห็นถูก โดยเข้าใจว่า การทำคือ การทำหน้าที่ของ
สติและปัญญาที่รู้ความจริงในขณะนี้ นั่นคือการทำ ปฏิบัติแล้ว การทำด้วยความเห็น
ถูกอย่างนี้ ย่อมมีค่า เพราะเป็นปัญญาและเป็นกุศล และมีค่า เพราะเป็นธรรม ธรรมอะไร
ธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้นั่นเองครับ จึงมีค่า และนำมาซึ่งความสุขสำหรับผู้
เข้าใจและปฏิบัติตาม อันมีความเห็นถูกเป็นพื้นฐาน ว่าการทำ หรือ การปฏิบัติธรรมที่ถูก
ต้องคืออย่างไรครับ
ทำใดๆ ก็ไร้ค่า ถ้าไม่ใช่ ธรรม ไม่ใช่ธรรมของพระพุทธเจ้าแสดงไว้และทำด้วยความเข้า
ใจผิด จึงไร้ค่าและนำมาซึ่งโทษครับ ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนาครับ
อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
กราบอนุโมทนาในธรรมทานค่ะอาจารย์ ได้ความเข้าใจถูกต้องยิ่งขึ้น
ขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ
นิสฺสตฺตนิชฺชีวสภาวา
ธรรมทั้งหลายที่ไม่ใช่สัตว์ไม่ใช่ชีวิต เป็นแต่สภาวะ
สาธุ สาธุ สาธุ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ไม่ว่าจะกล่าวด้วยถ้อยคำอะไร ควรอย่างที่จะมีพื้นฐานของความเข้าใจที่ถูกต้องเริ่มตั้งแต่คำว่า "ธรรม" ธรรม หมายถึงสิ่งที่มีจริงทุกอย่างทุกประการ ธรรม ไม่ได้หมายถึงเฉพาะกุศลธรรม เท่านั้น สิ่งที่ไม่ใช่กุศลธรรม เป็นอกุศลกรรม และ สภาพธรรมที่ไม่ใช่กุศล ไม่ใช่อกุศล ก็เป็นธรรม ด้วย เมื่อเป็นธรรม ก็ไม่ใช่เรา ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน เป็นแต่เพียงสภาพธรรมแต่ละอย่างที่เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป ไม่ยั่งยืน, ชีวิตประจำวันที่ดำเนินไป ดูเหมือนว่าเราจะเป็นผู้กระทำภารกิจการงานต่างๆ แต่แท้ที่จริงแล้ว เป็นแต่เพียงสภาพธรรมที่เกิดขึ้นเป็นไปเท่านั้น ไม่พ้นไปจากจิต เจตสิก และรูปเลย
จากประเด็นที่ว่า ทำใดๆ ก็ไร้ค่า ถ้าไม่ใช่ธรรม ขอแสดงความคิดเห็นในอีกมุมมองหนึ่ง ดังนี้ ธรรม พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงไว้โดยนัยทีหลากหลาย ทั้งหมดเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องตรงตามความเป็นจริง ในบางพระสูตรพระองค์จะทรงแสดงว่า ธรรม หมายถึง กุศลธรรม ตรงกันข้ามกับ อธรรม ซึ่งได้แก่ อกุศลธรรม ทั้งสองนี้ตรงกันข้ามกันอย่างสิ้นเชิง มีผลไม่เสมอกันด้วย เพราะกุศล ให้ผลเป็นสุข ส่วนอกุศล ให้ผลเป็นทุกข์ มีแต่จะให้เกิดในอบายภูมิเท่านั้น ดังนั้น การกระทำใดๆ ก็ตาม ถ้าเป็นการกระทำอกุศลประการต่างๆ ซึ่งก็คือ อกุศลธรรมเกิดขึ้นทำกิจหน้าที่แล้ว ไม่มีค่าเลย ไม่มีประโยชน์เลย เป็นโทษโดยส่วนเดียว แต่ถ้าเป็นการกระทำกุศลประการต่างๆ แล้ว มีค่า มีค่าไปตามลำดับ จนกระทั่งถึงกุศลขั้นสูงที่สุด คือโลกุตตรกุศล ดับกิเลสได้ตามสมควรแก่มรรค ทั้งหมดทั้งปวงนั้น ไม่มีตัวตนที่ไปทำ แต่เป็นกิจหน้าที่ของธรรม ธรรมเกิดขึ้นทำกิจหน้าที่เท่านั้น ซึ่งเมื่อกล่าวโดยโวหารแล้ว ก็กล่าวได้ว่า คนนั้นคนนี้ กระทำอกุศล คนนั้นคนนี้ กระทำกุศล เพราะแท้ที่จริงแล้ว มีแต่ธรรมเท่านั้นจริงๆ สัตว์ บุคคล ตัวตน ไม่มี ครับ ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ....
* * * ------------------------- * * *
กราบขอบพระคุณ
และ
อนุโมทนาการเอื้อเฟื้อความเข้าใจถูกครับ
* * * ----------------------------------- * * *
ถ้ายังไม่ได้ศึกษาธรรมะให้เข้าใจจริงๆ ก็ยังไม่ใช่มีพระธรรมเป็นที่พึ่ง และ ปัญญาก็
มีหลายระดับ ตั้งแต่เบื้องต้น คือ ขั้นฟัง ขั้นพิจารณา ขั้นเข้าใจ ฯลฯ ค่ะ