เหตุผล

 
lovedhamma
วันที่  2 ก.ย. 2554
หมายเลข  19638
อ่าน  1,575

พระพุทธศาสนา...เป็นเรื่องที่ต้องมีเหตุผลใช่มั้ยครับ


  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 2 ก.ย. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า พระพุทธศาสนา คือ อะไร? พระพุทธศาสนา เป็นคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งเป็นบุคคลผู้เลิศที่สุด ประเสริฐที่สุดในโลก พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงมีพระมหากรุณาต่อสัตว์โลกทั้งปวง เมื่อพระองค์ทรงตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ทรงแสดงพระธรรมที่พระองค์ทรงตรัสรู้โปรดเวไนยสัตว์ ตลอดระยะเวลา ๔๕ พรรษา ทรงแสดงสัจจธรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่มีจริง บ่อยๆ เนืองๆ ก็เพื่อให้ผู้ฟังมีความเข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริง พร้อมทั้งน้อมประพฤติปฏิบัติตาม จนกระทั่งถึงความเป็นผู้หมดจดจากกิเลสได้ในที่สุด จึงเห็นได้ว่า สิ่งที่เป็นที่พึ่งที่แท้จริงในชีวิตคือความเข้าใจพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง ซึ่งจะทำให้ผู้ที่ได้ฟังได้ศึกษา มีความเข้าใจตามความเป็นจริง เป็นไปเพื่อการเจริญขึ้นของปัญญา เพื่อขัดเกลากิเลสจนหมดสิ้น ถ้าไม่ได้อาศัยพระธรรม ไม่มีการอบรมเจริญปัญญาแล้ว สังสารวัฏฏ์ก็จะดำเนินไปอย่างไม่มีวันจบสิ้น นี่ก็เป็นเหตุเป็นผล อยู่แล้ว ไม่ว่าพระองค์จะทรงแสดงธรรมโดยนัยใด ทั้งพระสูตร พระวินัย และ พระอภิธรรม ก็ไม่พ้นไปจากให้พุทธบริษัทได้เข้าใจธรรมตามความเป็นจริง เป็นปัญญาของตนเอง คำว่า เหตุผล ในพระพุทธศาสนา ควรที่จะได้พิจารณา ว่า ไม่พ้นไปจากความเป็นจริงของสภาพธรรม ซึ่งเป็นกิจหน้าที่ของปัญญาเท่านั้นที่จะเห็นตามความเป็นจริงว่า สิ่งนี้ เป็นเหตุ สิ่งนี้ เป็นผล ยกตัวอย่าง อริยสัจจ์ ทั้ง ๔ ประการ ซึ่งแสดงถึงความจริงอันทำให้บุคคลผู้รู้แจ้ง ถึงความเป็นพระอริยบุคคล ดับกิเลสได้ตามลำดับ นั้น พระองค์ทรงแสดงว่า ทุกข์ (สภาพธรรมที่เกิดขึ้นแล้วดับไป เป็นไปในฝักฝ่ายของสังสารวัฏฏ์) เป็นผลมาจากเหตุ คือ สมุทัย สมุทัย ได้แก่ ตัณหา เป็นเหตุแห่งทุกข์ทั้งปวง การรู้แจ้งอริยสัจจธรรมประจักษ์แจ้งพระนิพพาน (นิโรธสัจจ์) ย่อมเป็นผลมาจากเหตุ คือ การอบรมเจริญอริยมรรคมีองค์ ๘ มีสัมมาทิฏฐิ เป็นต้น หรือแม้แต่ในชีวิตประจำวัน ขณะที่ได้เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ได้ลิ้มรส ได้รู้สิ่งที่กระทบสัมผัสกาย ล้วนเป็นผลมาจากเหตุ คือ กรรม ที่ได้กระทำแล้ว ทั้งนั้น สังสารวัฏฏ์ ซึ่งไม่พ้นไปจากสภาพธรรมที่เกิดขึ้นในขณะนี้ เป็นผลมาจากเหตุหลักอันเป็นต้นตอของสังสารวัฏฏ์ คือ อวิชชา ทั้งหมดทั้งปวงนั้น ต้องอาศัยการอบรมเจริญปัญญา สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปตามลำดับจริงๆ จึงจะทำให้มีความมั่นคงในเหตุในผลในความเป็นจริงของสภาพธรรม ได้ ครับ. ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
paderm
วันที่ 2 ก.ย. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย พระพุทธศาสนาเป็นเรื่องของเหตุผล คือ พระพุทธเจ้าทรงแสดง ธรรม ว่าทุกอย่าง

เกิดขึ้น (ผล) เพราะอาศัยเหตุ จึงเกิดขึ้น ดังนั้นสภาพธรรมที่มีจริงขณะนี้เป็นเรื่องของ

เหตุผล ดังที่ท่านพระอัสสชิ กล่าวไว้ว่า ธรรมเหล่าใดเกิดจากเหตุ ตถาคตแสงเหตุของ

ธรรมนั้นและความดับซึ่งธรรมนั้นด้วยครับ และพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงด้วย

ปัญญา ก็เป็นเรื่องของเหตุผลอีกเช่นกัน คือ ไม่แย้งกับความจริงแต่เป็นสิ่งที่จริง แท้

เป็นสัจจะ เมื่อเป็นความจริง จึงมีเหตุผล ไม่เป็นสิ่งที่ไม่มีเหตุผล เพราะสามารถกล่าวถึง

เหตุของธรรมเหล่านั้นได้ และสามารถอธิบายว่าเกิดจากอะไร และสิ่งที่เกิดจากธรรมที่

เป็นผลนั้นคืออะไรได้ครับ ขณะนี้สภาพธรรมที่เกิดขึ้น เป็นผล เช่น เห็นเกิดขึ้น เป็น

ผล แต่มีเหตุคือการทำกรรมในอดีตไว้ที่เป็นเหตุ จึงเป็นผลทำให้มีการเห็นครับ และการ

ทำกรรมในอดีต ก็เป็นผล ส่วนเหตุให้มีการทำกรรมในอดีต ก็เพราะมีความไม่รู้ มีกิเลส

จึงมีการทำกรรมในอดีต

จะเห็นว่าสภาพธรรมแต่ละอย่างเป็นเหตุและผลของกันและกัน ซึ่งไม่ว่าจะกล่าวธรรม

ในเรื่องใด ส่วนใดก็เป็นเหตุ เป็นผลซึ่งกันและกันทั้งสิ้นครับ ขณะที่อ่านแล้วรู้เรื่อง เป็น

เรื่องราวต่างๆ เพราะอาศัยเหตุ คือจักขุปสาท ตา ทำให้เกิดการเห็นที่เป็นผล และอาศัย

การเห็นที่เป็นเหตุทำให้เกิดจิตดวงต่อๆ ไปที่ทำให้คิดนึกเป็นเรื่องราวที่ได้อ่าน ก็เป็น

เหตุ เป็นผลซึ่งกันและกันอย่างนี้ครับ แต่สิ่งใดที่ไม่ใช่ความจริงที่พระพุทธเจ้าทรง

แสดง ไม่เป็นเหตุ ไม่เป็นผลครับ เช่น แสดงว่า ทำดี ไม่ได้ดี เหตุที่ดีทำแล้วย่อมไม่ได้

ดี อันนี้ไม่เป็นเหตุ เป็นผล เพราะกรรมดีจะต้องได้รับสิ่งที่ดีครับ ดังนั้นสิ่งที่กล่าวไม่ตรง

กล่าวเหตุไม่ตรงกับผลที่เกิดขึ้นนั่นเอง จึงไม่เป็นเหตุผลในสิ่งที่ไม่ใช่สัจจะครับ หรือ

แสดงว่า หนทางที่ผิดจะนำมาสู่การบรรลุ เช่น นั่งสมาธิ จะทำให้หลุดพ้น นี่แสดงสิ่งที่

เหตุไม่ตรงกับผล เพราะการปฏิบัติที่ผิดจะนำไปสู่การบรรลุไม่ได้ครับ ดังนั้นนี่ไม่ใช่คำ

สอนของพระพุทธเจ้า จึงไม่ใช่เหตุผลครับ เพราะเหตุไม่ตรงกับผลนั่นเองครับ สรุปคือ

สิ่งใดที่ไม่ตรงตามความเป็นจริง ตามที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง ไม่ใช่เหตุผล เพราะเหตุ

ไม่ตรงกับผล แต่สิ่งใดที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง เป็นเหตุผล เพราะเหตุที่แสดงตรงกับ

ผลที่เกิดขึ้นครับ

อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
pat_jesty
วันที่ 2 ก.ย. 2554
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
kinder
วันที่ 5 ก.ย. 2554
ขอบคุณและขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
wannee.s
วันที่ 7 ก.ย. 2554

พระพุทธศาสนาเน้นเรื่องของการเชื่อกรรมและผลของกรรม เน้นเรื่องของปัญญา

เน้นเรื่องธรรมทุกอย่างเกิดเพราะเหตุปัจจัย เช่น ท่านพระสารีบุตร ได้ฟังธรรม

จากท่านพระอัสสชิว่า ธรรมทั้งหลายเกิดแต่เหตุ พระตถาคตทรงแสดงเหตุของ

ธรรมเหล่านั้น และความดับแห่งธรรมเหล่านั้น ค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ