รบกวนถามหน่อยครับ
ผมยังแปลกใจอยู่มากเลยนะครับว่า เว็บไซต์บ้านธัมมะ ของ อ.สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่มี อยู่ ณ ขณะนี้บนโลก Internet เนี่ยนะครับ ทำไมถึงไม่ค่อยได้ยินข่าวในการเผยแพร่สู่สังคม บ้างเลยล่ะครับ อย่างเช่น ในวงการบันเทิง หรือ ... ที่อื่นๆ ก็ได้น่ะครับ เพราะว่าที่สังเกตเห็น ในทุกวันนี้ "ธรรมะ" ในสายตาของคนที่เป็นต้นแบบทางสังคม ยังคงแตกต่างจากที่ได้รับฟังจาก บ้านธัมมะ อย่างมากเลยครับ ช่วยตอบหน่อยครับ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
พระธรรมของพระพุทธเจ้าไม่สาธารณะทั่วไปกับสัตว์โลก ผู้ที่สะสมความเห็นถูก สะสมศรัทธามาเท่านั้นที่จะเห็นประโยชน์และเผยแพร่ แนะนำในสิ่งที่ดี มีประโยชน์ครับ ดังนั้น ในสังคมปัจจุบันที่ผ่านเลยไป ๒๕๐๐ กว่าปี สัตว์มากไปด้วยกิเลส เมื่ออายุขัยต่ำกว่าร้อยปีตามที่พระพุทะเจ้าทรงแสดง ทำให้สัตว์โลกย่อมยินดีในสิ่งที่เป็นความเห็นผิด เผยแพร่ในสิ่งที่ผิดและย่อมนิยม ชมชอบรูป รส กลิ่น เสียง อันเอื้อต่อกิเลส เพราะโลภะ ย่อมไหลไปง่ายในที่ต่ำ ในที่ที่สัตว์มากไปด้วยกิเลสครับ จึงเป็นธรรมดาที่ความเห็นถูก จะเป็นที่นิยมชมชอบของกิเลสไม่ได้เลยครับ การเผยแพร่จึงเป็นไปได้น้อย เมื่อเทียบกับการเผยแพร่ในสิ่งที่ผิด หรือ สิ่งที่เอื้อต่อกิเลส และเมื่อไม่ได้ศึกษาพระธรรมโดยละเอียด และไม่ได้มีความเห็นถูกที่สะสมมา ก็จึงทำให้เข้าใจแม้แต่คำว่า ธรรม คำว่า ปฏิบัติผิดไปจากความเป็นจริง เพราะความไม่รู้และความเห็นผิดที่มากในปัจจุบันนั่นเอง ครับ เมื่อปัจจุบันมากไปด้วยความเห็นผิด สิ่งที่เผยแพร่นิยมก็ต้องเป็นไปตามกำลังของชนหมู่มากที่เข้าใจผิดอย่างนั้นครับ จึงไม่ต้องไปจัดการและทำอะไรทั้งสิ้นเพราะสภาพธรรมเป็นไปอย่างนั้น ตามยุคเสื่อมของคุณธรรมและความเห็นถูก เริ่มจากตัวเราเป็นสำคัญที่สุด คือ ความเห็นถูกของเราเองครับ
ปัจจุบันเว็บไซต์ของมูลนิธิฯ ก็ได้มีการเผยแพร่ไปทางอินเทอร์เน็ต กว้างขวางขึ้น เช่น facebook ที่นำลิงก์เว็บไซต์ไปลง หรือ ข้อสนทนาที่มีประโยชน์ที่ได้สนทนากันด้วย
เรียนเชิญสมาขิกทุกท่าน ร่วมแสดงความคิดเห็นในประเด็นนี้ครับ
อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ในพระไตรปิฎกก็มีแสดงไว้ ในอนาคตพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงไว้ จะค่อยๆ ลบเลือนหายไป คนจะไม่สนใจฟังคำสอนของพระพุทธเจ้า แต่จะไปสนใจฟัง คำกลอน พวกบทกวีคำสุภาษิตที่คนอื่นเขาแต่งไว้ ถ้าจะรักษาพระธรรมคำสอน ก็ให้เริ่มที่ตัวเองก่อน คือ ศึกษาธรรมแล้วน้อมประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมคำสอนด้วยค่ะ
จริงๆ แล้วการเผยแพร่ธรรมะของบ้านธัมมะก็พอมีอยู่หลายช่องทาง และมีให้ติดตามรับชม รับฟังอยู่อย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะเว็บไซต์ที่มีการสนทนาหัวข้อต่างๆ อัปเดต ทุกๆ วัน แต่เนื่องจากธรรม ไม่สาธารณะแก่ทุกคน คนที่สะสมมาเท่านั้นถึงฟังเข้าใจและเห็นประโยชน์ อีกทั้งพระธรรมละเอียดลึกซึ้งมาก ต้องสะสมการฟัง, การศึกษาหลายชาติกันเลยทีเดียว และต้องเป็นความรู้ความเข้าใจ (ปัญญา) ของผู้ฟังเอง ไม่มีสูตรสำเร็จ หรือทางลัดที่จะแนะนำให้ปฏิบัติแล้วเห็นผลได้ในเวลาอันสั้น ซึ่งแตกต่างจากสังคมสมัยนี้ที่ต้องการอะไรที่ง่าย สะดวก รวดเร็ว ผู้ที่จะฟังและศึกษาธรรมต่อไป จึงต้องเป็นผู้ที่มีศรัทธาจริงๆ ค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง เป็นวาจาสัจจะ ที่ทำให้ผู้มีโอกาสได้ฟัง ได้ศึกษา มีความเข้าใจอย่างถูกต้องตรงตามความเป็นจริง และที่สำคัญ ผู้ที่จะได้ฟัง ได้ศึกษานั้น ต้องเป็นผู้มีศรัทธา เห็นประโยชน์ของความเข้าใจพระธรรมเท่านั้น ไม่ใช่ว่าทุกคนจะได้ฟัง จะได้ศึกษา แม้แต่ในสมัยพุทธกาล เมื่อพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นในโลกทรงแสดงพระธรรม ก็มีสัตว์โลกเป็นจำนวนไม่น้อยเลย ที่ไม่ได้ฟัง ไม่ได้ศึกษา ไม่ได้รับประโยชน์จากพระธรรม ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ ยุคนี้สมัยนี้ ผู้ที่สนใจที่จะฟังที่จะศึกษาพระธรรมตรงตามที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง มีน้อย สิ่งที่ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นไปตามพระธรรม จึงมีมากเป็นธรรมดา,
สำหรับผู้ที่เห็นประโยชน์ของความเข้าใจพระธรรม เมื่อท่านได้เข้าใจแล้ว ย่อมไม่เข้าใจแต่เพียงผู้เดียว เป็นผู้มีจิตที่ประกอบด้วยเมตตาที่จะอนุเคราะห์ผู้อื่นได้เข้าใจอย่างที่ตนเองได้เข้าใจด้วย ตามกำลังความสามารถที่จะเป็นไปได้ เป็นการช่วยกันเผยแพร่พระธรรมในแนวทางที่ถูกต้องให้แพร่หลายออกไป โดยมีท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ เป็นแบบอย่างที่ดี ในการประกาศพระธรรมคำสอนที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง โดยไม่ต้องการสิ่งหนึ่งสิ่งใดเลย ทั้งหมดทั้งปวงนั้นเพื่อประโยชน์ของผู้มีโอกาสได้ฟัง ได้ศึกษาเป็นสำคัญ
"พระธรรม ยิ่งเปิดเผย ยิ่งรุ่งเรือง" ครับ.
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
เพราะธรรม จริงๆ ไม่ได้แสดงเพื่อความบันเทิง แม้พระพุทธเจ้าก็ยังไม่ทรงแสดงธรรมเพื่อให้ผู้อื่นตลก หรือ หัวเราะ
กราบอนุโมทนาท่านอาจารย์ทุกๆ ท่าน และกัลยาณมิตรทุกๆ ท่าน ค่ะ
ดิฉันนำธรรมะที่เว็บไซต์บ้านธัมมะ ไปเผยแผ่ที่เว็บไซต์อื่นตลอดค่ะ เพราะเห็นประโยชน์จริงๆ ธรรมะเป็นความเข้าใจเฉพาะผู้สนใจ ดิฉันยังด้อยปัญญา จึงขอตั้งใจศึกษา แต่คนรอบตัวดิฉัน ไม่มีใครเห็นประโยชน์กันเลยค่ะ
มีโอกาศที่จะอนุเคราะห์ให้คนที่รู้จัก เพื่อนๆ เข้ามาศึกษาพระธรรมที่ www. dhammahome.com อยู่ตลอด แต่ก๊มีธรรมในแต่ละบุคคล ไม่เอื้อให้เขาเหล่านั้นได้แวะเข้ามา มักจะมีคำปฏิเสธหรือเลี่ยงไป ส่วนใหญ่จะบอกว่า มีสิ่งใดที่ไม่พอใจก็จะใช้คำว่า คิดบวก (POSITIVE THINKING) อยู่แล้ว ขอให้ ช่วยแนะนำคำว่าคิดบวกในพระธรรมด้วยครับ ขอขอบคุณ
เรียนความเห็นที่ 8 ครับ
การคิดในแง่บวกด้วยความคิดของปุถุชน ไม่จำเป็นจะต้องตรงตามความเป็นจริง แต่ การคิดแง่บวกของปุถุชนนั้น มุ่งหมายเพื่อให้ได้ความสุขทางใจ ความสบายใจที่เป็นผล เป็นสำคัญ แต่ไม่ใช่การมองตามความเป็นจริงครับ ต่างกับพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง ไม่มีการมองในแง่ลบและแง่บวก แต่มองด้วยปัญญา เพราะฉะนั้น จึงเป็นการมอง ด้วยปัญญาที่เห็นตามความเป็นจริง ที่เป็นอย่างนั้น อกุศลก็ต้องเป็นอกุศล มีโทษ กุศล ก็ต้องเป็นกุศล มีประโยชน์ เป็นสภาพธรรมที่ดี จึงไม่มีการมองในแง่บวกและลบ แต่ มองตามความเป็นจริง แต่สำหรับปุถุชนที่มีการมองด้วยการมองในแง่บวกและลบ ก็เพราะอาศัยอคติเป็นที่ตั้งและอาศัยความรู้ที่ไม่ใช่ปัญญาในพระพุทธศาสนา จึงกล่าวว่า คิดในแง่บวกและลบครับ ดังนั้นหากได้ศึกษาธรรมแล้ว ย่อมมอง คิดตามความเป็นจริง ไม่มีบวกและลบครับ
ขออนุโมทนา
แม้แต่ญาติพี่น้องผมก็ยังยากที่จะศรัทธาฟังพระธรรม เข็นครกขึ้นเขายังง่ายกว่าอีก ฟังพระธรรมแล้วก็ต้องพิจารณาความถูกต้อง เลือกเฟ้นพระธรรมอีก เลือกผิด (ไม่เข้าใจ) ก็ปฏิบัติผิดอีก ไม่อดทนฟังก็เลิกฟังอีก หรือไปทำอะไรที่ผิดคำสอนไปอีก เพราะฉะนั้น ก็สุด (หรือไม่สุด) ความสามารถของเราโดยไม่เดือดร้อน และเจริญกุศลและฟังพระธรรมไปครับ
หากท่านมองเห็นเรือข้ามฝั่ง (ขึ้นเรือแล้วหรือยังไม่ขึ้น) แต่คนอื่นยังมองไม่เห็น ก็ไม่รู้อีกนานแค่ไหนเขาจะแค่เห็นเรือ จะชาตินี้หรือเปล่า ถ้าเขายังพอใจอยู่ที่ฝั่งนี้ ยังไม่รู้ว่าเป็นฝั่งแห่งทุกข์ ตั๋วเรือมีแค่อันเดียว ตั๋วคือตาปัญญาที่มองเห็นเรือ เงินมีเท่าไหร่ก็ซื้อให้เขาไม่ได้ (แต่ไม่รู้ว่าจะได้ขึ้นเรือเมื่อไร และข้ามไปถึงอีกฝั่งเมื่อไรนะ) ท่านอาจจะมีตั๋วในมือแล้ว คนอื่น สุดปัญญาแล้ว ก็แค่นั้นครับ
ขอบพระคุณมากๆ และขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ดิฉันเชื่อเรื่องการสะสมมาจริงแท้แน่นอนค่ะ เพราะไม่สามารถชักชวนผู้ไม่ได้สะสมมาให้มาฟังแม้จะได้ยินที่เราฟังอยู่ (ดิฉันหมายถึงคนใกล้ชิดมิตรสหาย) จนทุกวันนี้ดิฉันต้องฟังแบบใช้เครื่องหูฟังเพื่อไม่เป็นการรบกวนคนอื่นกลัวจะเป็นการเพิ่มบาปให้เพื่อน.แต่เราต้องฟังให้รู้ในสิ่งที่ยังไม่รู้เพราะเวลาของชีวิตเหลือน้อยนิด ... แล้วเท่าที่ฟังมาก็ยังไม่ประจักษ์สภาพธรรมตามความเป็นจริง พูดตามท่องบ่นตามก็แค่นั้น ... เพราะประเดี๋ยวก็คิดตามสิ่งที่เกิดขึ้นทางหู, ตา, กาย, ใจ (ประเดี๋ยวก็คิดๆ ๆ ๆ )
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระธรรมละเอียดลึกซึ้งมากจริงๆ แต่ถ้าหมั่นน้อมระลึกบ่อยๆ ก็จะละคลายสงสัยได้ เพราะทุกอย่างเราบังคับไม่ได้จริงๆ ฟังพระธรรมแล้วระลึกน้อมเข้ามาก็เริ่มจะเข้าใจขึ้นค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ชอบความเห็นที่ 9 ของคุณ paderm มากค่ะ อยากกด Like สัก 10 ที
ยินดีในกุศลกับทุกท่านที่สะสมมาจึงเห็นคุณค่าของการศึกษาพระธรรม และสนทนาเป็นประโยชน์เตือนใจผู้อ่านตามด้วยค่ะ
การได้ศึกษาพระธรรมจากมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา เป็นโอกาสได้สะสมความเข้าใจถูกต้องตามความเป็นจริงที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง มีคุณค่ามหาศาลจริงๆ
จึงกราบขอบพระคุณยิ่งค่ะ