ปุตตบริจาค

 
SOAMUSA
วันที่  8 ก.ย. 2554
หมายเลข  19673
อ่าน  11,256

พระเสสันดร ทรงสร้างบารมี 30 ทัศ มีทานบารมี ทานอุปบารมี ทานปรมัตถบารมี เป็นต้น ทรงมหาบริจาค 5 ประการ คือ ธนบริจาร ปุตตบริจาค ภริยบริจาค อังคบริจาค ชีวิตบริจาค เพื่อให้ได้มาซึ่งจริยะ 3 คือ โลกัตถจริยะ ญาตัตถจริยะ และ พุทธัตถจริยะ

ที่กล่าวมานี้ ดิฉันขอเรียนถามเรื่อง ปุตตบริจาค และ ภริยบริจาค ปุตตบริจาคนั้น พระโอรสและพระธิดา เสียใจอย่างยิ่ง การบริจาค เช่นนี้ ดิฉันไม่เข้าใจค่ะ เพราะทำให้ลูกเสียใจแสนสาหัส ดิฉันเชื่อในการทำบารมีพระพุทธเจ้าทุกชาตินะค่ะ แต่ดิฉันไม่เข้าใจการบริจาคเช่นนี้ มีความหมายเช่นไร เพราะว่ามีทุกข์ของ บุตรธิดา อยู่ด้วยค่ะ ถึงแม้ว่าภายหลังจะยินยอมทำตามพระเวสสันดรบริจาคค่ะ ขอความกรุณาให้เข้าใจด้วยค่ะ ถ้าเป็นคำถามที่ไม่สมควร ตักเตือนดิฉันได้ค่ะ ยินดีน้อมรับคำเตือนเสมอค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 8 ก.ย. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

พระโพธิสัตว์ทั้งหลายย่อมบำเพ็ญบารมี สละทุกสิ่งทุกอย่าง อันน้อมไปพื่อโพธิญาณ ถึงการตรัสรู้ด้วยพระองค์เองและยังัตว์ทั้งหลายให้ตรัสรู้ตามด้วย ดังนั้นพระองค์บำเพ็ญ บารมี 30 ทัศ และต้องบำเพ็ญ มหาบริจาค 5 ประการอันประกอบด้วย

ธนบริจาค คือ การสละทรัพย์สิน ภายนอกทั้งหมด มี พระราชสมบัติ เป็นต้น อันน้อมไปเพื่อโพธิญาณ

อังคบริจาค การสละอวัยวะน้อยใหญ่ของท่าน เช่ย สละดวงตา แขน ขา เพื่อเป็นไปใน พระโพธิญาณ เพื่อช่วยสรรพสัตว์

ชีวิตบริจาค สละชีวิต เพื่อพระโพธิญาณ

ปุตตบริจาค การสละ บริจาค ให้บุตรอันเป็นที่รักเพื่อพระโพธิญาณ

ภริยบริจาค การบริจาค สละ ให้ภริยาอันเป็นที่รัก เพื่อพระโพธิญาณ

สำหรับในประเด็นปัญหาที่ผู้ถาม ถามเรื่องพระเวสสันดร บริจาค บุตร คือ กัณหาและ ชาลี และทำให้ลูกทั้ง 2 เสียใจ การบริจาคโดยมีความทุกข์ของผู้อื่น เป็นการบริจาค อย่างไรในเมื่ออมีความทุกข์ของผู้อื่นเป็นที่ตั้ง

ก่อนอื่นต้องเข้าใจคำว่าปุถุชนและผู้ที่ยังเป็นเด็กนะครับ ผู้ที่เป็นปุถุชนอยู่ ยังมีกิเลส เต็ม และเมื่อเป็นเด็กก็ยังไม่รู้เรื่องราวเท่าผู้ใหญ่ ดังนั้น ในข้อความพระไตรปิฎกได้ แสดงไว้ครับว่า เมื่อพระเวสสันดรบริจาคบุตรให้กับชูชกแล้ว เพราะชูชกน่ากลัว และพูด ด้วยวาจาไม่ดี เด็กๆ ทั้งสองฟังอยู่ ก็ตกใจ รีบหนีไปที่ป่าและแอบอยู่ในสระน้ำ เพราะเหตุ กลัวภัย เพราะผู้ที่มีภัยมาถึงตัว ก็กลัวเป็นธรรมดา เพราะยังเป็นผู้ที่หนาด้วยกิเลส มี กิเลสมาก จึงเป็นธรรมดาที่จะต้องกลัวชูกชก ครับ และเมื่อยังเป็นเด็กก็เป็นธรรมดาที่ เกิดความกลัวได้ ดังที่ ชาลีได้กล่าวกับพระเวสสันดร ตอนที่พระเวสสันดร เสด็จไปตาม บุตรทั้งสองให้ขึ้นมาจากน้ำ ซึ่งพระเวสสันดร ก็ได้อธิบายเหตุผลให้ลูกฟังว่า ขอให้เจ้า ทำตามเพื่อประโยชน์ช่วยสัตว์โลก และก็ช่วยตัวลูกของท่านด้วยครับ ให้พ้นจากกิเลส สังสารวัฏฏ์ด้วยการบริจาคทานนี้ครับ ซึ่ง ชาลีผู้เป็นบุตรก็ได้พูดกับพระเวสสันดรว่า

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 8 ก.ย. 2554

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๔ ภาค ๓- หน้าที่ 720

พระชาลีราชกุมารได้ทรงสดับพระดำรัสของพระราชบิดา จึงทรงคิดว่าตาพราหมณ์จง ทำเราตามใจชอบเถิด เราจักไม่กล่าวคำสองกับพระราชบิดาจึงโผล่พระเศียรแหวก ใบบัวออกเสด็จขึ้นจากน้ำ หมอบแทบพระบาทเบื้องขวา แห่งพระมหาสัตว์ กอดข้อ พระบาทไว้มั่นทรงกันแสง ลำดับนั้น พระมหาสัตว์จึงตรัสถามพระชาลีว่า แน่ะพ่อ น้องหญิงของพ่อไปไหน พระชาลีทูลสนองว่าข้าแต่พระราชบิดา ธรรมดาว่าสัตว์ทั้ง หลาย เมื่อ ภัยเกิดขึ้น ก็ย่อมรักษาตัวทีเดียว ลำดับนั้น พระมหาสัตว์ก็ทรงทราบ ว่า ลูกทั้งสองของเราจักนัดหมายกัน....


นี่แสดงให้เห็นว่า เมื่อมีภัย ก็ต้องมีกิเลสเกิดขึ้นเป็นธรรมที่จะต้องทุกข์ใจ แต่เมื่อพระเวสสันดรอธิบาย ลูกทั้งสองก็เข้าใจครับ ดังนั้นไม่ใช่ว่าจะไม่ให้ทุกข์เลย ตราบใดที่ยังมีกิเลส เมื่อมีภัยทุกคนก็ต้องกลัวเป็นธรรมดา ต่อเมื่อได้ฟัง ได้เข้าใจเหตุผลก็เต็มใจครับ ดังนั้นเราจะเอาเพียงความทุกข์ใจ เพียงแค่นั้น ตัดสินทานบารมีของพระโพธิสัตว์ไม่ได้ ครับ ซึ่งในข้อความพระไตรปิฎก ก็อธิบายเพิ่มเติมว่า เปรียบเหมือน ผู้ต้องหาต้องโทษ คดีทั้งหมดอยู่ในคุก (เหล่าสัตว์และบุตร รวมทั้งพระโพธิสัตว์) จึงให้ บุตร ภรรยา เป็น ตัวประกัน ตัวเองออกมาทำคุณประโยชน์ มีการใช้หนี้เป็นต้นได้ หาทรัพย์มาใช้หนี้ก็ สามารถช่วย บุตร ภรรยาในคุกที่ติดหนี้และสรรพสัตว์ทั้งหลายได้ด้วยครับ บุตร ภรรยาของพระเวสสันดร ก็บำเพ็ญบารมีร่วมกันมาเพื่อที่จะช่วยให้พระองค์ได้ ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าครับ ดังนั้นทุกข์ย่อมเกิดขึ้นได้เมื่อคราวมีภัย แต่ท่านเหล่านั้นก็ เต็มใจเพราะเมื่อเข้าใจและบำเพ็ญบารมีร่วมกันมาก็เข้าใจเหตุผล และรู้ว่า หากได้เป็น ส่วนหนึ่งของการได้บำเพ็ญบารมีก็จะช่วยเหล่าสัตว์ทั้งหลาย และตัวท่านเองที่ยอมสละ ให้พระโพธิสัตว์บริจาคครับ ก็ทำให้เหล่าสัตว์ได้หลุดพ้นจากกิเลสและสังสารวัฏฏ์ด้วย

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
paderm
วันที่ 8 ก.ย. 2554

จึงเป็นเรื่องของปัญญาจริงๆ ครับ ถ้าเราเอาความคิดของตนเองมาตัดสิน ไปเปรียบ เทียบกับผู้มีปัญญาแล้ว ก็จะเข้าใจผิดได้ และไม่เข้าใจเหตุผลของบุคคลผู้ที่มีปัญญา ทำเลยเปรียบเหมือน คนตระหนี่ก็ไม่เข้าใจคนที่ชอบให้ทานและไม่เข้าใจเหตุผลว่าจะ ให้ไปทำไม เปรียบเหมือน คนโกรธ ก็ไม่เข้าใจว่าจะมีเมตตาไปทำไม โกรธซิดี คน อื่นจะได้กลัว เปรียบเหมือน คนที่ยังมีปัญญาน้อยยังติดข้องมากในครอบครัว หรือ กามคุณรูป เสียง.. ต่างก็ไม่เข้าใจว่าจะต้องบริจาคหรือสละสิ่งนี้ไปทำไม ได้ประโยชน์ อะไร ก็เพราะเราติดข้อง ปัญญาน้อย จึงไม่เข้าใจเหตุผลของผู้ที่มีปัญญา ที่อบรม มาเพื่อจะเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าครับ การบริจาคทาน เป็นบารมีหนึ่งและ การบำเพ็ญ มหาบริจาค 5 ที่จะทำให้ถึงความเป็นพระพุทธเจ้า เพื่อตัวเองหรือเปล่า หรือท่านทำเพื่อพวกเราครับ เพื่อช่วยเหลือสรรพสัตว์ ถ้าไม่บริจาคทุกอย่างแล้ว ก็ไม่ สามารถทำบารมีให้เต็มได้ และก็ไม่สามารถเป็นพระพุทธเจ้าได้ครับ ขออนุโมทนาที่ ร่วมสนทนา

อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
SOAMUSA
วันที่ 8 ก.ย. 2554

พระพุทธองค์ทรงทำเพื่อช่วยเหลือสรรพสัตว์ สาธุ สาธุ สาธุ

^_^ ปัญญาปุถุชน นึกเองไม่เข้าใจเลยค่ะ ตอนนี้เข้าใจแล้วค่ะ

กราบอนุโมทนาในกุศลจิตของอาจารย์ ขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ

ดิฉันสงสัยมานาน แต่ไม่ทราบว่าจะถามดีหรือไม่ วันนี้อยากเข้าใจจริงๆ จึงเรียนถามค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
khampan.a
วันที่ 8 ก.ย. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ผู้ที่บำเพ็ญบารมีเพื่อตรัสรู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เรียกว่า พระโพธิสัตว์ (สัมมาสัมพุทธโพธิสัตว์) พระโพธิสัตว์ต้องบำเพ็ญบารมีอย่างครบถ้วน บริจาคสิ่งใหญ่ๆ ๕ อย่าง เรียกว่าปัญจมหาบริจาค คือ บริจาคอวัยวะ บริจาคชีวิต บริจาคทรัพย์ บริจาคราชสมบัติ บริจาคบุตร และภรรยา ทั้งหมดเป็นของที่เป็นที่รักและสละได้โดยยากทั้งสิ้น ถึงแม้ว่าจะเป็นสิ่งที่รัก ก็ตาม และสิ่งที่มีค่าและเป็นที่รักยิ่งกว่านั้น คือ พระสัมมาสัมโพธิญาณ พระบารมีที่ทรงบำเพ็ญทั้งหมด ก็เพื่อสิ่งนี้ เพื่อจะช่วยสัตว์โลกให้พ้นจากกองทุกข์ทั้งปวง การบำเพ็ญบารมีของพระโพธิสัตว์ ในแต่ละชาติของพระองค์ เพื่อประจักษ์แจ้งพระสัมมาสัมโพธิญาณ ตรัสรู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า นั้น เป็นความละเอียดลึกซึ้ง ของพระมหากรุณาคุณ พระบริสุทธิคุณ และ พระปัญญาธิคุณของพระองค์ ซึ่งยากที่ปุถุชนทั่วๆ ไปผู้ไม่ได้สดับพระธรรม จะพิจารณาเข้าใจได้ แม้ผู้ที่ศึกษาพระธรรม มาบ้าง ก็ยังยากที่จะคิด พิจารณาให้เข้าใจถึงการกระทำทุกอย่างของพระโพธิสัตว์ในแต่ละชาติได้ โดยเฉพาะการบริจาคบุตรทั้งสอง คือ กัณหาและชาลี รวมถึงบริจาคภรรยา คือ พระนางมัทรี ในพระชาิติที่พระองค์ทรงเป็นพระเวสสันดร ซึ่งทั้งหมดนั้นจะต้องศึกษาพิจารณาอย่างละเอียดในเหตุในผลจริงๆ จะเห็นได้ว่าทั้งพระนางมัทรี กัณหาและชาลี ต่างก็มีความเข้าใจ ในเรื่องการบำเพ็ญพระบารมีเพื่อพระโพธิญาณของพระโพธิสัตว์ เป็นอย่างดี ซึ่งท่านเหล่านี้ล้วนเป็นผู้ที่สะสมบารมีมาเพื่อที่จะเป็นผู้รู้แจ้งอริยสัจจธรรมในอนาคตข้างหน้า ทั้งนั้น [พระนางมัทรี คือ พระนางยโสธรา พิมพา, กัณหา คือ พระอุบลวรรณาเถรี, ชาลีคือ พระราหุล เป็นพระอรหันต์ทั้งหมดในกาลสมัยของพระพุทธเ้จ้าทรงพระนามว่า โคดม] และ ก็พร้อมที่จะถูกบริจาค เพื่อการบำเพ็ญบารมีของพระโพธิสัตว์ให้ครบถ้วนสมบูรณ์ แต่ตราบใดที่ยังเป็นผู้มีกิเลส ยังมีความกลัว ยังมีความเสียใจ เป็นธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม แต่ในที่สุดก็พร้อมที่จะถูกบริจาคเพื่อส่งเสริมสนับสนุนให้พระบารมีของพระโพธิสัตว์เต็มเปี่ยม ทั้งหมดนี้ เป็นเรื่องของปัญญา เป็นเรื่องของความเข้าใจในพระธรรม ที่ได้สะสมอบรมมาทั้งนั้น ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
ผู้ร่วมเดินทาง
วันที่ 8 ก.ย. 2554

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาอาจารย์ผเดิมและอาจารย์คำปั่นครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
kinder
วันที่ 8 ก.ย. 2554
ขออนุโมทนา
 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
pat_jesty
วันที่ 8 ก.ย. 2554
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
Graabphra
วันที่ 8 ก.ย. 2554
ขอบพระคุณท่านอาจารย์เผดิมและอาจารย์คำปั่นมากครับ ขอให้มีสุขภาพร่างกาย แข็งแรง และขอน้อมอนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
SOAMUSA
วันที่ 9 ก.ย. 2554

ดิฉันจะยึคถือพระพุทธองค์เป็นแนวทาง ถึงแม้ว่าวันนี้ทำได้แค่ทานเล็กน้อยก็ตามค่ะ กราบอนุโมทนาอาจารย์ทั้งสองท่านและ ทุกๆ ท่าน ค่ะ ขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
เซจาน้อย
วันที่ 4 พ.ย. 2554

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
chatchai.k
วันที่ 19 มี.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
สิริพรรณ
วันที่ 19 มี.ค. 2564

กราบอนุโมทนาขอบพระคุณมากค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ