สัมโพธสูตรที่ ๒ - อะไรเป็นที่พึ่งที่แท้จริง

 
เมตตา
วันที่  11 ก.ย. 2554
หมายเลข  19699
อ่าน  2,284

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เล่ม ๔ ภาค ๑ - หน้าที่ 15

สัมโพธสูตรที่ ๒

ภิกษุทั้งหลาย เรายังไม่รู้ตามความเป็นจริง ซึ่งคุณแห่งอายตนะภายนอก ๖ เหล่านี้ โดยเป็นคุณ ซึ่งโทษโดยความเป็นโทษ และซึ่งความสลัดออก โดยเป็นความสลัดออก อย่างนี้ เพียงใด เราก็ยังไม่ปฏิญาณว่า ได้ตรัสรู้ ซึ่งอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณในโลก พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ในหมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดาและมนุษย์เพียงนั้น.

เมื่อใด เราได้รู้ตามความเป็นจริง ซึ่งคุณแห่งอายตนะภายนอก ๖ เหล่านี้ โดยเป็นคุณ ซึ่งโทษโดยความเป็นโทษ และซึ่งความสลัดออกโดยเป็นความ สลัดออกอย่างนี้ เมื่อนั้น เราจึงปฏิญาณว่า ได้ตรัสรู้ซึ่งอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณในโลก พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ในหมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดาและมนุษย์ ก็ญาณทัสสนะเกิดขึ้นแล้ว แก่เราว่า ความหลุดพ้นของเราไม่กำเริบ ชาตินี้เป็นที่สุด บัดนี้ภพใหม่ไม่มี

จบ สัมโพธสูตรที่ ๒

การมีรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง คือ พึ่งพระปัญญาตรัสรู้ของ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ทรงตรัสรู้อะไร ทรงตรัสรู้อริยสัจจธรรม ทรงรู้แจ้งแทงตลอดซึ่งสิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏ สภาพธรรมเหล่านี้เกิดดับอยู่ตลอดเวลา ถ้าไม่มีการตรัสรู้ของพระองค์ สิ่งเหล่านี้ก็มีจริงปรากฏการเกิดขึ้นและดับไปอยู่ตลอดเวลา และด้วยความไม่รู้ สัตว์โลกจึงยึดถือสิ่งต่างๆ เหล่านี้ว่าเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เที่ยง เป็นสัตว์ เป็นบุคคล เป็นตัวตน ซึ่งเป็นต้นเหตุแห่งทุกข์ทั้งปวง เพราะฉะนั้นการที่จะมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง จะพึ่งได้จริงๆ ก็คือ ปัญญา ความเข้าใจถูกเห็นถูก ในสิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏว่าเป็นเพียงสภาพธรรมแต่ละอย่างที่เกิดขึ้นและดับไปอยู่ตลอดเวลา ไม่พ้นจากขณะนี้มีเห็น มีได้ยิน และคิดนึก เป็นสิ่งเดียวที่พุทธบริษัทจะพึ่งได้จริงๆ จึงควรที่จะตั้งใจฟังพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง สิ่งอื่นเป็นที่พึ่งไม่ได้ ทรัพย์สินเงินทอง พ่อ แม่ ญาติสนิทมิตรสหาย ไม่สามารถติดตามไปในภพหน้าได้เลย เมื่อละจากโลกนี้ไปแล้ว ไม่มีใครที่จะนำเอาทรัพย์สมบัติติดตามไปได้ จะเห็นได้จากบรรพบุรุษของตัวเราเองก็ได้ ว่าเป็นจริงอย่างนั้นหรือไม่

แต่สิ่งที่จะสะสมติดตาม เป็นที่พึ่งที่แท้จริงในภพข้างหน้าได้ ก็คือ กุศลธรรมที่ประกอบด้วยปัญญา ซึ่งจะต้องค่อยๆ สะสมอบรมความเข้าใจถูกเห็นถูกในสภาพธรรมที่มีจริงที่กำลังปรากฏ จนกว่าจะสมบูรณ์เมื่อมัคคจิต ผลจิต เกิดขึ้น ประจักษ์แจ้งพระนิพพาน ดับกิเลสได้ตามลำดับขั้น กิเลสที่ดับแล้วจะไม่เกิดอีกเลย แล้วอะไรดับกิเลสได้ ถ้าไม่ใช่ปัญญา ซึ่งเป็นที่พึ่งได้อย่างแท้จริง

ขออนุโมทนาค่ะ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
Noparat
วันที่ 11 ก.ย. 2554

เมื่อพิจารณาดูแล้วก็ไม่มีอะไรในโลกที่จะตั้งมั่นดำรงคงที่ไม่แปรปรวนและให้ความสุขได้ตลอดกาลเลยสักอย่างเดียว แต่ความประพฤติปฏิบัติในทางที่ถูกต้องตามพระธรรมคำสอนเท่านั้นที่เป็นสาระ เพราะย่อมจะประคับประคองและอุปการะให้ดำเนินชีวิตในทางที่ดีงาม และเป็นบุญกุศลยิ่งๆ ขึ้น เรื่อยๆ ไป

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาพี่เมตตาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
kinder
วันที่ 11 ก.ย. 2554
ขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
nong
วันที่ 11 ก.ย. 2554

ที่พึ่งที่แท้จริง ก็คือ กุศลธรรมที่ประกอบด้วยปัญญา

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
pat_jesty
วันที่ 11 ก.ย. 2554
ขอบคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
ใหญ่ราชบุรี
วันที่ 21 ธ.ค. 2556

สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
orawan.c
วันที่ 28 ธ.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
chatchai.k
วันที่ 4 ต.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
ประสาน
วันที่ 1 ม.ค. 2564

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ