ธรรม คือ อะไร
กราบอาจารย์ที่เคารพอย่างสูง
พระธรรม คือ คำสอนที่พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงตรัสสอนสภาพธรรม คือ สภาพที่เกิดขึ้นจริง ทางทวาร ๕ หรือ ๖ ตามนัย รบกวนเรียนถาม
ธรรม คือ อะไร (ที่ถามอย่างนี้เพราะว่าบางคนบอกว่า ธรรม คือ ธรรมชาติ หรือไม่ก็ ธรรมเป็นอย่างนั้นของเค้าเอง ประมาณนี้ครับ)
กราบขอบพระคุณอาจารย์อย่างสูงครับ
ขออาจารย์มีความสุขมากๆ นะครับ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
พระธรรมของพระพุทธเจ้าที่ทรงแสดง ละเอียด ลึกซึ้งครับ แม้แต่คำว่าธรรม คำว่า ธรรมชาติ พระธรรมที่พระองคทรงแสดง ไม่ได้มีกล่าวไว้ว่า ธรรม คือ ธรรมชาติ พระองค์แสดง คำว่า ธรรม คือ สภาพธรรมที่มีจริงทั้งหมด และ คำว่าธรรมยังมีความหมายกว้าง แม้สิ่งที่ไม่มีจริง ที่เป็นบัญญัติ เช่น ต้นไม้ ภูเขา ก็เป็นธรรมที่เป็นบัญญัติธรรม
ดังนั้น คำว่า ธรรม จึงมีหลายความหมาย และกว้าง รวมที่สภาพธรรมที่มีจริง ที่เป็น จิต เจตสิก รูปและสิ่งที่ไม่มีจริงด้วยครับ แต่โดยความมุ่งหมาย เมื่อเรากล่าวถึงคำว่า ธรรม ตามที่พระองค์ทรงแสดง ก็มุ่งหมายถึงสิ่งที่มีจริงนั่นเองครับ ส่วนคำว่า ธรรมชาติ ตามที่ชาวโลกเข้าใจกัน ก็คือ ต้นไม้ ภูเขา ทุกๆ สิ่งๆ แต่ชาวโลกไม่ได้รู้สัจจะความจริงว่า มีสิ่งที่มีจริงที่เป็น นามธรรมและรูปธรรมด้วย จึงสำคัญว่าทุกสิ่งเป็นธรรมชาติก็คือบัญญัติต่างๆ ที่เป็นเรื่องราว เช่น บ้าน คน สัตว์ ต้นไม้ ภูเขา ดังนั้น เมื่อได้ยินใครกล่าวว่า ธรรม คือ ธรรมชาติ นั่นก็ไม่ตรง ไม่ถูกต้อง เพราะ ธรรมหมายถึงสิ่งที่มีจริงที่เป็นนามธรรมและรูปธรรม ที่เป็น จิต เจตสิก รูปและนิพพานด้วย ไม่ใช่ ธรรมคือธรรมชาติที่เป็น ต้นไม้ ภูเขา สัตว์ สิ่งของที่เป็นบัญญัติเท่านั้นครับ
ดังนั้น การศึกษาธรรมจะต้องเป็นผู้ละเอียด เพราะไม่ใช่ ธรรมคิดเอง แต่พระพุทธองค์ทรงประจักษ์ความจริงที่ของสภาพธรรมที่มีจริง จึงเข้าใจ คำว่า ธรรมได้ละเอียด กว้างขวางกว่าครับ
ปุถุชนผู้ไม่ได้รู้ความจริงเพราะปุถุชน ย่อมสำคัญ เข้าใจว่า ธรรม ก็คือ ธรรมชาติ อันเป็นสิ่งที่เห็น ที่ปรากฏในโลกนี้ เป็นเพียงสิ่งที่เห็น แล้วคิดนึก ได้ยินแล้วคิด จึงปรากฏเป็นรูปร่างสัณฐาน เป็นสิ่งต่างๆ จึงสำคัญผิดว่าสิ่งเหล่านี้แหละที่รู้ได้ทาง ตา หลังจากคิดนึกแล้ว เป็นสิ่งที่มีจริง เป็นธรรม เป็นธรรมชาติ เช่น ต้นไม้ น้ำตก คน สัตว์ นั่นก็เท่ากับว่า เข้าใจผิด คิดว่าสิ่งที่ไม่มีจริง ไม่มีลักษณะเป็นสิ่งที่มีจริง เป็นธรรมนั่นเอง เพราะฉะนั้น ธรรมชาติไม่ใช่ธรรมทั้งหมด เพราะ ธรรม ครอบคลุมสภาพธรรมทุกอย่างทั้งที่มีจริงและไม่มีจริงด้วยครับ ดังนั้น คำว่า ธรรมและธรรมชาติ จะต้องเข้าใจให้ตรงกัน และให้เข้าใจให้ถูกต้อง ให้ตรงกัน แม้แต่คำว่า ธรรมและธรรมชาติ ครับ เพราะถ้าเข้าใจผิด ก็ผิดทั้งคู่ ในการใช้ทั้ง 2 คำ แต่ถ้าเข้าใจถูกก็สามารถอธิบายคำทั้งสองคำและอธิบายได้ถูกต้องครับ
เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงตลอด ๔๕ พรรษานั้น แสดงถึงความเป็นจริงของสภาพธรรมที่ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่เรา โดยพระองค์ทรงใช้พยัญชนะที่หลากหลายมากมายในการแสดงพระธรรมเทศนา เพื่อให้ผู้ฟังได้เข้าใจถึงลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง สำหรับธรรมซึ่งเป็นสิ่งที่มีจริงนั้น ไม่พ้นไปจากสิ่งที่มีจริงในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะได้เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัส คิดนึก จิตเป็นกุศล เป็นอกุศล เป็นวิบาก เป็นกิริยา โดยประมวลแล้ว เป็นจิต เจตสิก รูป หรือ เป็นนามธรรม กับ รูปธรรม เมื่อประมวลให้ย่อที่สุดแล้วคือ เป็นธรรม หรือ เป็นธาตุ เมื่อเป็นธรรม เป็นธาตุแต่ละอย่างๆ จึงหาความเป็นสัตว์ เป็นบุคคลไม่ได้เลย
การศึกษาธรรม เป็นเรื่องที่ละเอียด จุดประสงค์ก็เพื่อเข้าใจสภาพธรรมที่ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ตามความเป็นจริง ถ้าไม่อาศัยการฟัง ไม่อาศัยการศึกษาอย่างต่อเนื่องด้วยความละเอียดรอบคอบแล้ว ย่อมไม่สามารถเข้าใจตามความเป็นจริงได้ ดังนั้น จึงต้องฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมบ่อยๆ เนืองๆ เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องยิ่งขึ้นไปตามลำดับ ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ.....
กราบขอบพระคุณอย่างสูงครับ
และ
อนุโมทนากับกุศลจิตครับ