ชาวพุทธ เชื่อในคำสอน แต่มีข้อปฏิบัติที่ต่างกัน
ศาสนาคือคำสอน ในโลกนี้มีหลายศาสนา ทุกศาสนาสอนให้คนเป็นคนดี ในศาสนาพุทธ ทุกแห่งที่นับถือคำสอนของพระพุทธเจ้า ต่างก็สอนให้ทุกคนเป็นคนดี
ไม่มีที่ไหนสอนให้คนเป็นคนชั่ว เพียงแต่วิธีที่จะให้เป็นคนดี และละคลายกิเลสได้นั้น
มีการสอนที่ตรงและไม่ตรงตามพระธรรมวินัย คนที่เป็นนักปฏิบัติ ที่เชื่อตามครูบา
อาจารย์นั้น เขาก็เป็นคนดี มีความตั้งใจที่จะขัดเกลากิเลสเหมือนหลายท่านที่มีความ
เห็นถูกตรงตามหลักธรรม แต่ข้อปฏิบัติที่ไม่ละเอียด ไม่มีลักษณะของสภาพธรรมใน
ขณะที่สติเกิดให้ศึกษาให้พิจารณา ทั้งที่อ้างว่า มีสติไปในสติปัฏฐาน 4 คือ กาย
เวทนา จิต และธรรม แต่ขณะที่สติเกิดไม่ได้คิดอะไร ว่าง ไม่มีอะไรเลย เหลือแต่
สภาพรู้คือจิต จึงทำให้เข้าใจว่าไม่มีอะไรเลย ไม่มีตัวเรา เหลือแต่จิตซึ่งเป็นธรรมชาติ
คือตัวรู้ ผู้รู้ บางท่านอ้างว่าได้ฌานขั้นต่างๆ บางท่านไปไกลมาก ถึงความเป็นพระ
โสดาบัน และบางท่านอ้างคุณวิเศษไม่มีกิเลสแล้ว จะทำอย่างไรให้บุคคลเหล่านี้ได้
หยุดคิดพิจารณา ได้ฟังความคิดเห็นของท่านอื่น ที่มิใช่ครูบาอาจารย์ของตัวเอง ได้
พิจารณาเทียบเคียงกับความเห็นของผู้อื่นที่เป็นชาวพุทธเหมือนกัน เป็นคนดี เชื่อคำ
ตรัสรู้ของพระศาสดา มีความตั้งใจขัดเกลากิเลสเช่นกัน
ผู้ทีมีปัญญาเป็นผู้ตรงต่อตัวเองตรงต่อความจริงย่อมรับฟังความคิดเห็นจากผู้อื่นเสมอ
ถ้าตนเองไม่ยึดติดกับครูอาจารย์และไม่ถือมั่น ไม่ถือรั้น เป็นผู้ว่าง่าย ย่อมมีความเจริญ
ในพระธรรมวินัยนี้ได้ แต่ถ้าเป็นคนสะสมมาที่จะเป็นผู้ว่ายาก ถือมั่น ถือรั้นในความเห็น
ของตน ไม่ตรงต่อความจริงมีความหลอกลวงอยู่ภายใน ยากที่จะเจริญในพระธรรมวินัย
นี้ได้
การพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงบุคคลอื่นให้คิดเหมือนเราก็คงเป็นไปได้ยาก เพราะมี
การสะสมต่างกัน และการสะสมนี้สำคัญมาก หากไม่มีบุญเก่าแต่ชาติปางก่อน ก็คงจะ
ฟังธรรมแนวนี้ไม่
รู้เรื่องอย่างแน่นอน หรือฟังๆ ไปความคิดเห็นก็อาจจะเปลี่ยนไปอีกตามการสะสม ดิฉันเคยเห็นมาหลายต่อหลายคนแล้ว ทั้งชาวต่างชาติและชาวไทย
ทั้งฟังและศึกษาธรรมกับท่านอาจารย์มานานแสนนาน แต่ในที่สุดก็เลิกราไปตามการ
สะสม เพราะฉะนั้น ในความคิดของดิฉันนะคะ อย่าไปสนใจคนอื่นเลยค่ะ ประโยชน์
สูงสุดคือการขัดเกลากิเลสของตัวเราเองจะดีที่สุด หมั่นฟัง หมั่นศึกษา หมั่นพิจารณา
ตามที่พระพุทธองค์ทรงแสดง แค่นี้ก็พอแล้วค่ะ อย่ามัวแต่ไปเสียเวลากับคนอื่นเลยค่ะ
ด้วยความปราถนาดีจากใจจริงค่ะ
ชาวพุทธ...ถ้ามีความเข้าใจพระธรรมวินัยได้อย่างถูกต้องแล้ว ข้อปฏิบัติต้องตรงกันค่ะ
เข้าใจคือเข้าใจ...ทำไมจะต้องมีการตีความกันอีกคะ? ถ้ายังต้องตีความ แสดงว่า
ไม่เข้าใจ
จะอย่างไรก็ตาม ขอรายงานตัวว่า ชอบที่จะฟังท่านอาจารย์ทางวิทยุ ทางเวปไซต์
ทางซีดีและ MP3 เพราะสะดวกและฟังได้ตลอดเวลา ทั้งที่บ้านขณะทำกิจการงาน ทั้ง
เวลาเดินทางไปรับส่งลูก โดยตกลงกับลูกๆ ว่าผลัดกันคนละวัน วันหนึ่งฟังเพลงวัยรุ่น
ของลูก อีกวันฟังท่านอาจารย์ ก็สมานฉันท์กันดียังไม่มีปัญหา ได้เข้ามากราบท่าน
อาจารย์แล้วเป็นครั้งแรก เมื่อวันอาทิตย์ก่อน สบตาท่านเพียงเล็กน้อยก่อนจะคิดในใจ
ว่า มากราบเท้าท่าน ด้วยสำนึกในพระคุณหาที่สุดมิได้ และสมัครที่จะฟังท่านเงียบๆ
ที่บ้าน เข้าใจว่าคงมีสมาชิกไม่น้อยเป็นเช่นเดียวกัน
รู้จัก คุณnamarupa คุณsawanee.n และสมาชิกอีกหลายท่านก็ในกระดานสนทนา
นี้ ความเห็นของท่านมีประโยชน์มาก ขออนุโมทนาครับ
ใน อังคุตตรนิกาย อัฏฐกนิบาต สังขิตสูตร........ ธรรมเหล่าใด เป็นไปเพื่อความกำหนัด ไม่เป็นไปเพื่อละคลาย ธรรมเหล่าใด เป็นไปเพื่อประกอบสัตว์ไว้ ไม่เป็นไปเพื่อพราก
ธรรมเหล่าใด เป็นไปเพื่อสั่งสมกิเลส ไม่เป็นไปเพื่อไม่สั่งสม ธรรมเหล่าใด เป็นไปเพื่อความมักมาก ไม่เป็นไปเพื่อความมักน้อย ธรรมเหล่าใด เป็นไปเพื่อความไม่สันโดษ ไม่เป็นไปเพื่อความสันโดษ ธรรมเหล่าใด เป็นไปเพื่อความคลุกคลี ไม่เป็นไปเพื่อความสงัด ธรรมเหล่าใด เป็นไปเพื่อความเกียจคร้าน ไม่เป็นไปเพื่อความเพียร ธรรมเหล่าใด เป็นไปเพื่อความเลี้ยงยาก ไม่เป็นไปเพื่อความเลี้ยงง่าย
ดูก่อน โคตมี ท่านพึงจำไว้ส่วนหนึ่งว่า นี้มิใช่ธรรม ไม่ใช่วินัย ไม่ใช่คำสอนของพระศาสดา..........