เทวดาสำเร็จอรหันต์ จะเข้านิพพานทันทีไหม
แบบว่าเทวดาสำเร็จโสดาบันแต่ไม่ได้ฌาน ก็จะไปเกิดบนพรหมโลกไม่ได้ใช่ไหมครับ
แล้วทีนี้ ถ้าสำเร็จอรหันต์แล้ว จะอยู่บนสวรรค์ต่อไปจนหมดอายุ หรือหายไปเลย เข้านิพพานทันที
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย เทวดา 6 ชั้น สามารถสำเร็จเป็นพระอริยบุคคลได้ทุกขั้น ตั้งแต่พระโสดาบัน พระ
สกทาคามี พระอนาคามีและพระอรหันต์ครับ สำหรับผู้ที่จะได้ไปพรหมโลกนั้น จะ
ต้องอบรมเจริญสมถภาวนา และได้ฌาน ฌานนั้นไม่เสื่อม ก่อนจุติ เมื่อจุติแล้ว จึง
ปฏิสนธิเป็นพรหมบุคคลนั่นเองครับ สำหรับการสำเร็จเป็นพระอริยบุคคล มีทั้งที่ได้ฌาน และไม่ประกอบด้วยฌานด้วย
ซึ่งเทวดาที่สำเร็จเป็นพระโสดาบัน แต่ไมได้ฌาน เมื่อท่านจุติก็ไม่สามารถไปเกิดบน
พรหมโลกได้ แต่แม้ท่านไมได้ฌานท่านก็สามารถอบรมปัญญาต่อไป เมื่อจุติเกิดเป็น
เทวดาอีก เป็นพระสกทาคามี พระอนาคามีและพระอรหันต์ไม่นาน คือโดยรวดเร็ว เมื่อ
ท่านเป็นพระอรหันต์แล้วในภพภูมิเทวดา ถ้าไม่ใช่เทวดาภาคพื้น ที่เป็นภุมมเทวดา
ที่มีที่หลีกแร้น เช่น ต้นไม้ ก็ต้องปรินิพพานในเทวโลกทันทีครับ แต่ถ้าเป็นภุมมเทวดา
และบรรลุเป็นพระอรหันต์ ท่านก็ดำรงอยู่ได้จนกว่าจะสิ้นอายุ ไม่ปรินิพพานทันที เพราะ
เป็นสถานที่ที่หลีกเร้นได้ เพราะไม่มากไปด้วยกามคุณ และความรื่นเริงเหมือนเทวดา
ชั้นอื่นๆ ครับ
เพราะฉะนั้นหากเป็นเทวดาที่เป็นพระโสดาบัน ไม่ได้ฌาน ท่านอบรมปัญญาจน
บรรลุเป็นพระอรหันต์ก็ปรินิพพานที่สวรรค์นั้นทันที หากไม่ใช่ภุมมเทวดาครับ แต่หาก
ท่านอบรมปัญญาจากความเป็นพระโสดาบัน จนถึงพระอนาคามี และไม่ได้บรรลุต่อเป็น
พระอรหันต์ ท่านก็จุติเกิดอีกเช่นกัน เพราะพระอนาคามีและพระอรหันต์ ไม่สามารถดำรง
อยู่ในเทวโลก 6 ชั้นได้ เว้นไว้แต่ภุมมเทวดาครับ เมื่อท่านบรรลุเป็นพระอนาคามี คือ
อบรมจากความเป็นพระโสดาบัน ท่านก็จะจุติจากสวรรค์นั้นไปเกิดที่พรหมโลกทันที
ครับ เพราะการได้เป็นพระอนาคามีนั้น ดับความพอใจในรูป เสียง กลิ่น รส สิ่งที่กระทบ
สัมผัสหมดแล้ว จึงไม่ควรอยู่ในเทวโลกที่เต็มไปด้วยความรื่นเริงนั่นเอง ท่านจึงจุติจาก
ความเป็นเทวดาทันทีไปเกิดในพรหมโลกชั้นใด ชั้นหนึ่ง ซึ่งกำลังของความเป็นพระ
อนาคามี ก็เหมือนได้ฌานนั่นเองครับ เพราะดับความพอใจในรูป เสียง..สิ่งที่กระทบ
สัมผัส จิตจึงสงบระดับฌาน เมื่อจุติจึงไปเกิดในพรหมโลกได้ครับ และท่านก็อบรม
ปัญญาต่อไปในพรหมโลกและสามารถบรรลุเป็นพระอรหันต์ได้ในพรหมโลกนั่นเองและ
ปรินิพพานในภพนั้นครับ
ซึ่งตัวอย่างของผู้ที่อบรมเจริญปัญญา เมื่อเป็นพระโสดาบันในเทวโลกแล้ว คือ ท้าว
สักกะ หรือ พระอินทร์ครับ ท่านเป็นพระโสดาบันในเทวโลกเมื่อพระพุทธเจ้าทรงแสดง
สักกปัญหสูตร และข้อความในพระไตรปิฎกก็แสดงต่อไปว่า พระอินทร์ก็เสวยสมบัติ
และอบรมปัญญาในเทวโลก จนถึงความเป็นพระอนาคามี ท่านก็จุติไปเกิดบนพรหมโลก
ทันทีครับ อกนิฏภพ และปรินิพพานที่ภพนั้น คือ เป็นพรอรหันต์และปรินิพพานครับ
พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้าที่ 445
ผู้ตั้งอยู่ในเพศคฤหัสถ์นั้นบรรลุพระอรหัตแล้วย่อมบวช หรือปรินิพพานในวันนั้นเอง
แต่ภุมมเทวดายังดำรงอยู่ได้. เพราะเหตุไร. เพราะมีโอกาสที่จะแฝงตัวอยู่ได้.ในกามภพที่เหลือ พระอริยบุคคล ๓ จำพวกมีพระโสดาบันเป็นต้น ยังดำรงอยู่ได้ใน
มนุษยโลก. ในกามาวจรเทวโลก พระโสดาบันและพระสกทาคามียังดำรงอยู่ได้. แต่
พระอนาคามีและพระ ขีณาสพจะดำรงอยู่ในกามาวจรเทวโลกนี้ไม่ได้. เพราะเหตุไร.
เพราะที่นั้นมิใช่ เป็นที่อยู่ของชนผู้ละอายแล้ว. และที่นั้นมิใช่เป็นที่ปกปิดที่สมควรแก่
วิเวกของพระขีณาสพ เหล่านั้น.
อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น พระโสดาบัน หมายถึง ผู้ที่ถึงพระนิพพาน เป็นครั้งแรก ซึ่งก็คือ เป็นพระอริยบุคคลขั้นที่ ๑ ที่ได้ประจักษ์แจ้งพระนิพพานดับกิเลสได้ในระดับหนึ่่ง ดับกิเลสได้เพียงบางส่วน ตามสมควรควรแก่มรรคที่ท่านได้ยังไม่สามารถได้ทั้งหมด พระโสดาบันดับความเห็นผิดทุกประการ ดับความลังเลสงสัยในสภาพธรรม ดับความตระหนี ดับความริษยา ดับกิเลสอย่างหยาบที่จะเป็นเหตุให้ไปเกิดในอบายภูมิ เพราะพระโสดาบันเป็นผู้ไม่ต้องไปเกิดในอบายภูมิอีกต่อไป ท่านเกิดอีกอย่างมาก ไม่เกิน ๗ ชาติ เป็นผู้แน่นอนที่จะได้ตรัสรู้เป็นพระอริยบุคคลขั้นสูงๆ ขึ้นไป จนกระทั่งถึงความเป็นพระอรหันต์ พระโสดาบัน ยังไม่ใช่พระอรหันต์ เมื่อสิ้นสุดจากความเป็นบุคคลนั้นชาตินั้น คือ จุติจิต เกิดขึ้นแล้ว ดับไป ปฏิสนธิจิต เกิดสืบต่อทันที โดยไม่มีระหว่างคั่น เป็นบุคคลใหม่ในภพใหม่ ขึ้นอยู่กับว่าจะผลของกรรมใด ถ้าเป็นผลของมหากุศล ก็ทำให้เกิดในสุคติภูมิ [พระโสดาบันจะไม่ไปเกิดในอบายภูมิอย่างเด็ดขาด เพราะดับกิเลสอย่างหยาบที่จะเป็นเหตุให้ไปเกิดในอบายภูมิได้หมดสิ้นแล้ว] ถ้าเป็นพระโสดาบันที่ได้รูปฌาน เมื่อรูปฌานไม่เสื่อมก่อนจุติ ก็เป็นเหตุให้ไปเกิดเป็นรูปพรหมบุคคลตามระดับขั้นของฌานที่ท่านได้ และถ้าเป็นพระโสดาบันที่ได้อรูปฌาน เมื่ออรูปฌานไม่เสื่อมก่อนจุติ ก็เป็นเหตุให้ไปเกิดเป็นอรูปพรหมบุคคล ในอรูปพรหมภูมิ ตามระดับขั้นของอรูปฌานที่ท่านได้ ส่วนประเด็นคำถามที่ว่า "ถ้าสำเร็จอรหันต์แล้ว จะอยู่บนสวรรค์ต่อไปจนหมดอายุ หรือหายไปเลย เข้านิพพานทันที" ต้องเข้าใจตั้งแต่คำแรก คือ คำว่า พระอรหันต์, พระอรหันต์ คือ ผู้ที่ดับกิเลสทั้งปวงได้อย่างหมดสิ้น ไม่มีกิเลสใดๆ เกิดขึ้นอีกเลย ตามความเป็นจริงแล้ว ผู้ที่ได้
บรรลุเป็นพระอรหันต์ ถ้าเป็นคฤหัสถ์เมื่อไม่ได้บวช ก็จะปรินิพพานในวันนั้น เพราะเพศคฤหัสถ์ไม่สามารถรองรับคุณธรรมอันสูงสุดนี้ไว้ได้ แต่ถ้าได้บวชแล้ว ก็จะไม่ปริินิพพานในวันนั้น จะมีชีวิตที่ดำเินินไปตามปกติของผู้ที่ดับกิเลสหมดแล้ว จนกว่าจะถึงวันปรินิพพาน
ตามหลักฐานทางพระพุทธศาสนาแล้ว แสดงไว้ว่า พระอรหันต์สามารถอยู่ในสวรรค์ได้ แต่เป็นสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา เฉพาะที่เป็นภุมมเทวดา คือ เทวดาที่อยู่ภาคพื้นดิน เช่น เทวดาที่มีต้นไม้เป็นวิมาน ซึ่งมีพื้นที่สำหรับเป็นที่หลีกเร้นได้ และสามารถดำรงอยู่ได้ จนกว่าจะดับขันธปรินิพพาน ส่วนสวรรค์ชั้นอื่นๆ ไม่สมควรแก่พระอรหันต์ เพราะไม่มีที่เป็นที่หลีกเร้นเหมือนกับภุมมเทวดา และ ยังเต็มไปด้วยการละเล่นต่างๆ ซึ่งไม่สมควรแก่พระอรหันต์อย่ิางสิ้นเชิง กล่าวได้ว่าถ้าเป็นสวรรค์ชั้นที่สูงกว่าชั้นจาตุมมหาราชิกกา พระอรหนต์ไม่สามารถดำรงอยู่ได้ แต่ถ้าเป็นพระอริยบุคคลขั้นอื่นๆ คือ พระโสดาบัน และ พระสกทาคามี ก็สามารถดำรงอยู่ในสวรรค์ได้]
และถ้าจะพิจารณาให้ละเอียดยิ่งขึ้นไปอีก ถ้าเป็นในพรหมโลกชั้นต่างๆ ทั้งรูปพรหมภูมิ และอรูปพรหมภูมิ แล้ว ก็สามารถมีพระอรหันต์ได้ (ยกเว้น รูปพรหมภูมิ ชั้น อสัญญสัตตาพรหม ซึ่งมีแต่รูปธรรมไม่มีนามธรรม ไม่สามารถบรรลุธรรมอะไร ๆ ได้เลย) ครับ การบรรลุถึงความเป็นพระอริยบุคคลขั้นต่าง ๆ เริ่มตั้งแต่พระโสดาบันบุคคล ถึง ความเป็นพระอรหันต์นั้น ต้องเป็นผู้ที่สะสมอบรมเจริญปัญญา สะสมการสดับตรับฟังพระธรรมจากพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ มาเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน และต้องเป็นผู้ดำเนินตามทางที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงไว้ คือ การอบรมเจริญอริยมรรค ถ้าไม่มีปัญญาแล้วก็ไม่สามารถบรรลุถึงความเป็นพระอริยบุคคลได้เลย ครับ. ขอเชิญคลิกอ่านข้อความเพิ่มเติมได้ที่นี่ ครับ เทวดาบรรลุธรรมเป็นอรหันต์ได้หรือไม่
เทวดาธรรลุธรรม ...ขออนุโมทนาใุนกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...