รูปใกล้ พิจารณาได้ง่าย รูปไกล คือพิจารณาหรือเห็นได้ยากอย่างไร
จากนิยามรูปใกล้ รูปไกล พอเข้าใจ ว่ารูปไกลยากต่อการพิจารณา
รูปใกล้ ได้แก่ ปสาทรูป ๕ คือจักขุปสาทรูป โสตปสาทรูป ฆานปสาทรูป ชิวหาปสาทรูป
กายปสาทรูป และวิสยรูป ๗ คือ สี เสียง กลิ่น รส เย็นหรือร้อน อ่อนหรือแข็ง ตึงหรือ
ไหว รูปที่เหลือรู้ได้ยากนั้น เลยอยากทราบว่า รูปอื่น เช่น ภาวะรูป เราดูคนก็รู้ว่าเป็น
หญิงเป็นชาย อันนี้รู้เพราะจำเอาใช่ไหมครับ หรือวจีวิญัติรูป ถ้าศึกษาก็เข้าใจว่า คำพูด
หรือเสียงที่ดังขึ้นมาเพราะมีจิตเป็นสมุทฐาน อันนี้เรารู้ว่าเป็นรูปชนิดหนึ่ง เพราะจำใช่
ไหมครับ
แล้วความเข้าใจที่เรียกว่าประจักแจ้งในรูปไกล ต้องระดับพระอรหันเท่านั้นหรือพระ
อริยบุคคลขั้นไหนครับ
อนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย รูปเป็นสภาพธรรมที่มีจริง เป็นสภาพธรรมที่ไม่รู้อารมณื การเจริญสติปัฏฐาน อบรมปัญญา ต้องมีปรมัตถธรรมหรือ สภาพธรรมที่มีจริงเป็นอารมณ์ คือ เป็นสิ่งที่สติและปัญญารู้นั่นเองครับ รูปเป็นสภาพธรรมที่มีจริง เป็นสิ่งที่สติปัฏฐาน สติและปัญญาสามารถรู้ได้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา แต่รูปก็มีมากมาย แบ่งเป็นรูป 28 ซึ่งก็มีรูปที่หยาบละเอียด เลว ประณีต ไกล ใกล้ ซึ่งในความเป็นจริง ในขณะนี้ในชีวิตประจำวันขณะนี้
กำลังมีรูปที่ปรากฎที่เป็นรูปหยาบรูปที่ใกล้ ก็คือ สี เสียง กลิ่น รส สิ่งที่กระทบสัมผัส
ที่เป็น เย็น ร้อน ตึง ไหวที่เรียกว่า วิสยรูป ๗ หรือ โคจรรูป รูปที่ท่องเที่ยวไปในชีวิต
ประจำวัน ซึ่งสามารถปรากฎให้รู้ได้ ดังนั้น ผู้ที่เริ่มอบรมปัญญาที่เป็นการเจริญสติ
ปัฏฐาน ก็สามารถรู้รูปที่อยู่ใกล้ในขณะนี้ คือ กำลังปรากฎให้รู้ จึงอยู่ใกล้นั่นเอง ขณะนี้เห็น มีสิ่งที่ถูกเห็น คือ สี สีเป็นรูปที่อยู่ใกล้เพราะปรากฎให้รู้ได้นั่นเองโดยนัยเดียวกัน เสียง กลิ่น รส เย็น ร้อน ตึง ไหวก็ปรากฎให้รู้ได้ เป็นรูปที่หยาบและอยู่ใกล้ครับ แต่รูปมีมากกว่านั้นมี 28 รูป จึงมีรูปที่ละเอียดและอยู่ไกล นั่นคือ รูปที่ไม่สามารถปรากฎได้ในชีวิตประจำวัน จะปรากฎกับผู้มีปัญญา สะสมปัญญามามากครับ ดังนั้น รูปที่ไกล ที่เป็นรูปละเอียด เช่น วจีวิญญัติรูป สามารถรู้ได้กับผู้มีปัญญา สะสมการเจริญสติ
ปัฏฐานมามาก ดังนั้น แต่ละคนก็สะสมปัญญาความะเอียดของปัญยาต่างๆ กัน บางคน
ก็รู้เพียงรูปใกล้ แต่ก็บรรลุได้ แต่ไม่รู้รูปไกล แต่บางคนก็สะสมปัญญามามาก สามารถรู้
ความละเอียดของสภาพธรรมที่เป็นรูปไกล รูปที่ละเอียดได้ครับ ดังเช่น พระอริยสาวก
ผู้เลิศทั้งหลาย มีพระสารีบุตร เป็นต้นครับ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องที่จะไปรู้รูปละเอียด รู
ไกล แต่ค่อยๆ ฟังพระธรรมต่อไป สติและปัญญาจะทำหน้าที่เองครับ และค่อยๆ รู้รูป
หยาบและสภาพธรรมที่เป็นนามธรรมอื่นๆ ในชีวิตปรระจำวันว่าเป็นธรรมไม่ใช่เราครับ หนทางคือฟังพระธรรมต่อไป ปัญญาทำหน้าที่เอง ขออนุโมทนาครับ อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ขอนอบน้อมแ่ด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ธรรม คือ สิ่งที่มีจริงทุกอย่างทุกประการ มีทั้งที่เป็นนามธรรม ซึ่งเป็นสภาพธรรมที่รู้อารมณ์ ได้แก่ จิต และ เจตสิก และมีทั้งสภาพธรรมที่เป็นรูปธรรม ด้วย กล่าวได้ว่ามีอยู่แล้วในขณะนี้ ในทุกๆ ของชีวิตจริงๆ สำหรับรูปธรรม ที่พอจะเข้าใจได้ คือ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ อันเป็นรูปใกล้ (ใกล้ต่อการพิจารณา) ซึ่งมีอยู่จริงปรากฏให้พอจะรู้ได้ แต่รูปธรรม อีก ๕ รูป คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ซึ่งเป็นรูปธรรมที่มีจริง เกิดขึ้นเป็นไปอยู่ตลอดเวลา และัยังเป็นรูปใกล้ ด้วย แม้จะมีจริง เกิดขึ้นเป็นไป แต่ไม่ปรากฏให้รู้ได้ เมื่อไม่ปรากฏ สติและปัญญาก็ไม่สามารถระลึกรู้ได้เลย แต่เมื่อมีปัญญามากขึ้นๆ ก็สามารถรู้รูปที่รู้ได้ยากในชีวิตประจำวัน ได้ด้วย ส่วนรูป ที่เรียกว่า รูปไกล นั้น ได้แก่ รูปที่ละเอียด ทั้งหมด ๑๖ รูป มีภาวรูป เป็นต้น เป็นรูปที่ไกลต่อการพิจารณา ยากที่จะรู้โดยความเป็นอารมณ์ของสติและปัญญาได้ แต่เมื่อสะสมปัญญามากขึ้นๆ ก็สามารถที่จะรู้ได้ทั้งนั้น รูปที่ละเอียด อันเป็นรูปไกล นั้น ย่อมเป็นที่ตั้งให้สติและปัญญาของผู้ที่มีปัญญาที่ได้อบรมแล้วเกิดขึ้นได้ โดยที่ไม่มีตัวตนที่จะไปบังคับให้รู้ ให้มีการพิจารณา เพราะเป็นไปไม่ได้เลย ปัญญา และ สภาพธรรมทั้งหลาย เป็นอนัตตาไม่สามารถบังคับบัญชาได้ เกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย เท่านั้น การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ต้องค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไปจริงๆ ซึ่งจะต้องเริ่มที่คำแรก คือ คำว่า ธรรม ว่า ธรรม คือ อะไร? ธรรม คือ สิ่งที่มีจริง ที่กำลังมีกำลังปรากฏในขณะนี้ ซึ่งไม่มีใครเป็นเจ้าของ เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ซึ่งไม่เหลือวิสัยสำหรับผู้ที่มีศรัทธา เห็นประโยชน์ของการเข้าใจพระธรรมอย่างแน่นอน แต่จะต้องอาศัยกาลเวลาที่ยาวนานในการฟัง ในการศึกษาสะสมความเข้าใจถูก เห็นถูก ต่อไป ครับ ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย และอนุโมทนาบุญในกุศลจิตของทุกท่านที่เมตตา
ให้ความรู้ความเข้าใจมากขึ้นครับ