อะไรคืออารมณ์ของภวังคจิต
เท่าที่ศึกษามา จิตต้องมีอารมณ์ที่จะรู้ แต่ภวังคจิตจะไม่รู้อารมณ์ทางตา หูู จมูก ลิ้น กาย ใจ อยากเรียนถามอาจารย์ว่า ขึ้นชื่อว่าจิต ต้องมีอารมณ์ที่จิตจะไปรู้เสมอ จิตจึงจะเกิด แล้วภวังคจิตจะมีทางที่จิตเกิดทางใดครับ แล้วอะไรเป็นอารมณ์ของภวังคจิต ครับ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
จิต เป็นสภาพธรรมที่มีจริง เป็นนามธรรม เป็นใหญ่ เป็นประธานในการรู้ ดังนั้น จิต จึงเป็นสภาพรู้ เมื่อจิตเกิดขึ้นก็ต้องมีสิ่งที่ถูกรู้ เรียกว่า อารมณ์ ดังนั้นเมื่อจิตเกิดขึ้น จะปราศจากอารมณ์ หรือ สิ่งที่ถูกรู้ไม่ได้เลยครับ ซึ่งภวังคจิตเมื่อเกิดขึ้น เมื่อเป็นจิตแล้ว ก็ต้องมีสิ่งที่ถูกจิตรู้ครับ
ภวังคจิต คือ วิบากจิต ที่ดำรงภพชาติความเป็นบุคคลนี้ ซึ่งเป็นผลของกรรมที่นำปฏิสนธิแล้ว กรรมนั้นยังให้ผลตามอุปถัมภ์ให้ดำรงความเป็นบุคคลนั้น จนกว่าจะหมดสิ้นกรรม ภวังคจิต เป็นองค์ของภพคือความเป็นอยู่ เพราะถ้าภวังคจิตไม่เกิดและไม่มีวิถีจิตเกิด จะทำให้สิ้นภพคือความเป็นอยู่ของบุคคลนั้น หมายถึงจุติจิตจะต้องเกิด จึงเรียกว่าเป็นความตาย ภวังคจิตเป็นวิถีมุตตจิต ไม่ใช่วิถีจิต เป็นจิตที่รู้อารมณ์ที่ไม่ได้ปรากฏทางทวารทั้ง ๖ เป็นจิตประเภทเดียวกันและรู้อารมณ์เดียวกันกับปฏิสนธิจิตและจุติจิตในชาติเดียวกัน
ภวังคจิตที่เกิดขึ้น เกิดที่หทยรูป ภวังจิตเมื่อเกิดขึ้น เมื่อเป็นจิตแล้ว ก็ต้องมีอารมณ์ หรือ สิ่งที่ถูกรู้ ซึ่งอารมณ์ของภวังคจิตในชาติปัจจุบัน จะมีอารมณ์เหมือนอารมณ์ของวิถีจิตสุดท้ายก่อนจุติจิตในชาติก่อน (มรณาสันนวิถี) เช่นก่อนที่จะตายในชาติก่อน จะต้องมีวิถีจิต ๕ ขณะสุดท้าย เรียกว่า มรณาสันนวิถี เกิดขึ้น ซึ่งชวนจิต ๕ ขณะนี้ ก็ต้องมีอารมณ์ ซึ่งมีอารมณ์ คือ กรรมอารมณ์ ๑ กรรมนิมิตอารมณ์ ๑ คตินิมิตอารมณ์ ๑
การจะมีอารมณ์อย่างใด ย่อมเป็นไปด้วยกำลังแห่งกรรม คือ ด้วยอานุภาพแห่งกุศลกรรม หรือ อกุศลกรรม อันให้เกิดปฏิสนธิในภพใหม่ที่ตนเคยกระทำไว้นั่นเองครับ ซึ่งในอารมณ์ ๓ ประเภทที่กล่าวมานั้น ก็มีทั้งที่เป็นรูปธรรม ที่ รูป เสียง กลิ่น รส สิ่งที่กระทบสัมผัสด้วย รวมทั้ง บัญญัติ หรือ นามธรรมก็ได้ครับ ดังนั้น อารมณ์สุดท้ายของชาติก่อน ที่เป็นชวนจิตสุดท้าย จึงเป็นได้ทั้ง รูป นามและบัญญัติ เรื่องราว และเมื่อจุติจิตเกิด ปฏิสนธิจิตชาตินี้เกิดขึ้น ก็มีอารมณ์ในชาติก่อน คือ ชวนจิตสุดท้ายที่อาจจะเป็น รูป หรือ นาม หรือ บัญญัติ ของชาติก่อนเป็นอารมณ์ครับ และเมื่อภวังคจิตเกิดขึ้นต่อจากปฏิสนธิจิต ภวังคจิตนั้นก็มีอารมณ์เดียวกับชวนจิตสุดท้าย ๕ ขณะ ซึ่งอาจเป็นรูป นาม และบัญญัติก็ได้ อันเป็นอารมณ์เดียวกับชวนจิตสุดท้ายของชาติก่อน และเป็นอารมณ์เดียวกับปฏิสนธิจิตในชาตินี้และจุติในชาตินี้ครับ
สรุป คือ ภวังคจิตในชาตินี้ มีอารมณ์เป็นรูป เสียง กลิ่น รส สิ่งที่กระทบสัมผัสได้ แต่เป็นอารมณ์ของชาติก่อน คือ ชวนจิตสุดท้ายของชาติก่อน หรือ มีนาม หรือ บัญญัติก็ได้ของชาติก่อน แต่ไม่มีการรู้อารมณ์ในโลกนี้ที่เป็น รูป เสียง ... นามและบัญญัติในปัจจุบันนี้ครับ
ขออนุโมทนา
อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ภวังคจิต คือ จิตที่เกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ดำรงภพชาติความเป็นบุคคลนี้ไว้ จนกว่าจะจุติ ในชีวิตประจำวัน มีจิตที่เกิดขึ้นรู้อารมณ์ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย และ ทางใจ สลับกับภวังคจิต
ขึ้นชื่อว่าจิตแล้ว ไม่ว่าจะเป็นจิตประเภทใด ย่อมรู้อารมณ์ทั้งนั้น ตามสมควรแก่จิตประเภทนั้นๆ เพราะจิตเป็นสภาพธรรมที่รู้แจ้งซึ่งอารมณ์ เช่น จิตเห็น ก็รู้สี จะไปรู้เสียง ก็ไม่ได้ จิตได้ยิน ก็รู้เสียง เป็นต้น แต่ถ้าเป็นภวังคจิตแล้ว ขณะนั้นโลกนี้ไม่ปรากฏ ไม่รู้ว่ามีทรัพย์สมบัติ ญาติพี่น้อง เป็นต้น ไม่เป็นกุศล ไม่เป็นอกุศล ในขณะที่ภวังคจิตเกิดขึ้น ซึ่งอารมณ์ของภวังคจิต คือ อารมณ์เดียวกันกับชวนจิตก่อนจะจุติของชาติที่แล้ว ชวนจิต ก่อนตายของชาติที่แล้วรู้อารมณ์อะไร อารมณ์นั้นแหละที่เป็นอารมณ์ของภวังคจิตในชาตินี้ เมื่อกล่าวโดยสรุปแล้ว อารมณ์ของภวังคจิต ก็คือ สี เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และ ธัมมารมณ์ อย่างใดอย่างหนึ่งในขณะที่ชวนจิตก่อนจุติของชาติที่แล้ว รู้ นั่นเอง ครับ.
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย จิตเป็นสภาพธรรมที่มีจริง เป็นนามธรรม เป็นใหญ่ เป็นประธานในการรู้ ดังนั้นจิตจึง
เป็นสภาพรู้ เมื่อจิตเกิดขึ้นก็ต้องมีสิ่งที่ถูกรู้ เรียกว่า อารมณ์ ดังนั้นเมื่อจิตเกิดขึ้นจะ
ปราศจากอารมณ์ หรือ สิ่งที่ถูกรู้ไม่ได้เลยครับ ซึ่งภวังคจิตเมื่อเกิดขึ้น เมื่อเป็นจิตแล้ว
ก็ต้องมีสิ่งที่ถูกจิตรู้ครับ
ภวังคจิต คือ วิบากจิต ที่ดำรงภพชาติความเป็นบุคคลนี้ ซึ่งเป็นผลของกรรมที่นำ
ปฏิสนธิแล้ว กรรมนั้นยังให้ผลตามอุปถัมภ์ให้ดำรงความเป็นบุคคลนั้น จนกว่าจะหมดสิ้นกรรม ภวังคจิตเป็นองค์ของภพคือความเป็นอยู่ เพราะถ้าภวังคจิตไม่เกิดและไม่มีวิถีจิตเกิด จะทำให้สิ้นภพคือความเป็นอยู่ของบุคคลนั้น หมายถึงจุติจิตจะต้องเกิด จึงเรียกว่าเป็นความตาย ภวังคจิตเป็นวิถีมุตตจิต ไม่ใช่วิถีจิต เป็นจิตที่รู้อารมณ์ที่ไม่ได้ปรากฏทางทวารทั้ง ๖ เป็นจิตประเภทเดียวกันและรู้อารมณ์เดียวกันกับปฏิสนธิจิตและจุติจิตในชาติเดียวกัน
ภวังคจิตที่เกิดขึ้น เกิดที่หทยรูป ภวังจิตเมื่อเกิดขึ้น เมื่อเป็นจิตแล้ว ก็ต้องมีอารมณ์หรือ สิ่งที่ถูกรู้ ซึ่งอารมณ์ของภวังคจิตในชาติปัจจุบัน จะมีอารมณ์เหมือนอารมณ์ของวิถีจิตสุดท้ายก่อนจุติจิตในชาติก่อน (มรณาสันนวิถี) เช่นก่อนที่จะตายในชาติก่อนจะต้องมีวิถีจิต 5 ขณะสุดท้าย เรียกว่า มรณาสันนวิถี เกิดขึ้น ซึ่งชวนจิต 5 ขณะนี้ ก็ต้องมีอารมณ์ ซึ่งมีอารมณ์ คือ กรรมอารมณ์ ๑ กรรมนิมิตอารมณ์ ๑ คตินิมิตอารมณ์ ๑การจะมีอารมณ์อย่างใด ย่อมเป็นไปด้วยกำลังแห่งกรรม คือ ด้วยอานุภาพแห่งกุศลกรรมหรืออกุศลกรรมอันให้เกิดปฏิสนธิในภพใหม่ที่ตนเคยกระทำไว้นั่นเองครับ ซึ่งในอารมณ์ 3 ประเภทที่กล่าวมานั้น ก็มีทั้งที่เป็นรูปธรรม ที่ รูป เสียง กลิ่น รส สิ่งที่กระทบสัมผัสด้วย รวมทั้ง บัญญัติ หรือ นามธรรมก็ได้ครับ ดังนั้น อารมณ์สุดท้ายของชาติก่อนที่เป็นชวนจิตสุดท้าย จึงเป็นได้ทั้ง รูป นามและบัญญัติ เรื่องราว และเมื่อจุติจิตเกิดปฏิสนธิจิตชาตินี้เกิดขึ้น ก็มีอารมณ์ในชาติก่อน คือ ชวนจิตสุดท้ายที่อาจจะเป็นรูปหรือ นาม หรือ บัญญัติของชาติก่อนเป็นอารมณืครับ และเมื่อภวังคจิตเกิดขึ้นต่อจาก ปฏิสนธิจิต ภวังคจิตนั้นก็มีอารมณ์เดียวกับชวนจิตสุดท้าย 5 ขณะ ซึ่งอาจเป็นรูป นาม และบัญญัติก็ได้ อันเป็นอารมณ์เดียวกับชวนจิตสุดท้ายของชาติก่อน และป็นอารมณ์เดียวกับปฏิสนธิจิตในชาตินี้และจุติในชาตินี้ครับ
สรุปคือ ภวังคจิตในชาตินี้ มีอารมณ์เป็นรูป เสียง กลิ่น รส สิ่งที่กระทบสัมผัสได้ แต่เป็นอารมณ์ของชาติก่อน คือ ชวนจิตสุดท้ายของชาติก่อน หรือ มีนาม หรือ บัญญัติก็ได้ของชาติก่อน แต่ไม่มีการรู้อารมณ์ในโลกนี้ที่เป็น รูป เสียง.......นามและบัญญัติในปัจจุบันนี้ครับ
ขออนุโมทนา
อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
แล้วในปัจจุบัน ก็ไม่สามารถรู้ได้ใช่ไหมครับว่าอารมณ์ของภวังค์คืออะไรในชาติที่แล้ว
กราบอนุโมทนาครับ