ท่านสมาชิกมีความคิดเห็นอย่างไรคะ ในเรื่องดังต่อไปนี้คะ

 
fam
วันที่  4 ต.ค. 2554
หมายเลข  19848
อ่าน  1,247

ท่านสมาชิกมีความคิดเห็นอย่างไรคะ ในเรื่องดังต่อไปนี้คะ 1.ในกรณีที่ชาวต่างชาตินิยมนำพระพุทธรูปไปเป็นเครื่องประดับในบ้าน 2.กรณีที่สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทยหลายแห่งมักจะขายของที่ระลึก (ทั้งแบบแบกะดินและเป็นร้านค้า) เช่น พระพุทธรูป เศียรพระแกะสลัก เสื้อสกรีนลายพระพุทธรูป เป็นต้น พอเห็นทีไรรู้สึกสะเทือนใจทุกครั้งว่า สิ่งที่เรานับถือสูงสุดกำลังถูกย่ำยี แต่เราไม่สามารถทำอะไรได้เลยค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 4 ต.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา และเป็นไปตามเหตุปัจจัย สัตว์โลก คือ จิต เจตสิกสะสมมา

อย่างไรก็เป็นไปอย่างนั้น ตามการสะสมของจิตแต่ละคนที่สะสมมาไม่เหมือนกันครับ

ผู้ที่สะสมอวิชชา ความไม่รู้ จะทำให้เป็นผู้รู้ ทำในสิ่งที่ควร ที่ถูกต้องไม่ได้เลย เพราะ

สภาพจิตที่สะสมความไม่รู้มามาก การกระทำทางกายและวาจาก็ต้องเป็นไปตาม อวิชชา

ความไม่รู้นั่นเองครับ ดังนั้นเมื่อเราเข้าใจถูกว่า การกระทำทางกาย วาจาย่อมไหลไปตาม

สภาพจิตและการสะสมมาของจิต ก็จะเข้าใจในเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน

และแม้แต่จิตของตนเองที่เป็นไปตามการสะสมมาที่แตกต่างกันไป ผู้ที่เห็นผิด ผู้ที่ไม่รู้

กาย วาจาย่อมน้อมไปที่ผิดทาง

แม้ในกรณี ชาวต่างชาตินำพระพุทธรูปไปเป็นเครื่องประดับ แม้ชาวต่างชาติก็เป็นเพียง

สมมติ แต่ในความเป็นจริงก็คือ จิต เจตสิกที่เกิดขึ้น อันสะสมความไม่รู้ ความเห็นผิดมา

เมื่อยังไม่เข้าใจถูก ก็ย่อมไม่มีศรัทธา ไม่มีปัญญา ไม่เห็นค่าในสิ่งที่ควรเคารพบูชา เป็น

ธรรมดาจริงๆ ครับ ที่กาย วาจาย่อมน้อมไปในความไม่รู้ตามที่กล่าวมา และแม้แต่กรณีของ

คนไทย ขายของที่ระลึกที่เป็นพระพุทธรูปต่างๆ ไม่ว่าเสื้อ หรือ พระเศียร ตามที่กล่าวแล้ว

คนไทยไม่มี เป็นแต่เพียงจิตที่เกิดขึ้นและสะสมมาต่างกัน เพราะความไม่รู้อีกเช่นกัน ที่เป็น

อวิชชา ทำให้การกระทำทางกายและวาจาก็น้อมไปในทางที่ผิดอีกเช่นกัน จึงควรเข้าใจ

ครับว่าเป็นธรรมดา ธรรมดาตามเหตุปัจจัยที่จะต้องเป็นไปตามการสะสมมาของจิตอย่างนั้น

หากผู้ที่มีความเห็นถูก มีความรู้ มีปัญญา มีศรัทธา การกระทำทางกาย วาจาก็เป็นไปใน

ทางที่ถูก เห็นถูก และเคารพ ศรัทธา ไม่มีใครบังคับให้เป็นไปอย่างนั้นครับ แต่เป็นไป

แล้วตามการสะสมความเห็นถูกมา ดังนั้น เมื่อเราเข้าใจความจริงว่ามีแต่ธรรมที่เกิดขึ้นและ

ดับไป ไม่มีใคร ไม่มีชาวต่างชาติ คนไทย ก็จะเข้าใจและไม่เป็นอกุศลด้วยความยึดถือว่ามี

เรา มีเขา เพราะเป็นเพียง อกุศลจิตที่เกิดขึ้นเท่านั้ น และมีการการกระทำทางกาย วาจา

ตามอกุศลจิตที่เกิดขึ้น เข้าใจถึงความเป็นอนัตตา และบังคับบัญชาไมได้ เป็นไปตามเหตุ

ปัจจัย ก็จะเบาด้วยความเข้าใจ ด้วยความเห็ถูกของเราเองครับ

พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ว่า เธอไม่ควรยินดีและยินร้ายเลย ในเมื่อผู้อื่นว่าเรา นี่แสดงให้

เห็นถึงพระพุทธองค์ไม่ทรงสนับสนุน สรรเสริญแม้อกุศลเพียงเล็กน้อยเลยครับ ดังนั้นไม่

ต้องจัดการทำอะไร สะสมความเข้าใจถูกก็จะเข้าใจเหตุการณ์ต่างๆ ที่สำคัญเข้าใจจิตของ

เราเองว่าเป็นอย่างไรครับ ขออนุโมทนา

อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 4 ต.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น สัตว์โลก มีจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน ผู้ที่ได้เกิดเป็นมนุษย์ ก็มีมากมาย ซึ่งไม่ใช่เฉพาะประเทศไทยเท่านั้น มีหลายๆ ประเทศ หลายๆ ทวีป ในบรรดามนุษย์ทั้งหลายเหล่านั้น ผู้ที่ได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม มีเป็นส่วนน้อยมาก ส่วนที่ไม่ได้

ฟัง นั้น มีมากอย่างเปรียบเทียบกันไม่ได้เลย ซึ่งเป็นอย่างนี้มาแล้วทุกยุคทุกสมัยแม้ในสมัยพุทธกาลเมื่อครั้งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่ พระองค์ทรงแสดงพระธรรมเกื้อกูลแก่สัตว์โลก ก็มีสัตว์โลกเป็นจำนวนมากทีเดียว ที่ไม่ได้สนใจ ไม่ได้ฟัง ซึ่งเป็นไปตามการสะสมมาของแต่ละบุคคลจริงๆ ไม่มีใครสามารถจะไปเปลี่ยนแปลงใครได้ ถ้าหากว่าไม่ได้ฟังพระธรรม ไม่ได้ศึกษาพระธรรม ไม่มีความเข้าใจธรรม ชีวิตก็ดำเินินไปด้วยความประมาทมัวเมา ไม่เห็นคุณค่าของการได้เกิดมาเป็นมนุษย์ที่จะต้องสะสมสิ่งซึ่งจะเป็นที่พึ่งสำหรับตนเองอย่างแท้จริง อันได้แก่ กุศลธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือ ปัญญา ความประพฤติเป็นไปในชีวิตประจำวันก็เป็นไปกับด้วยอำนาจของกิเลสประการต่างๆ มีการกระทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสมอย่างมากมาย ที่เป็นเช่นนี้ เพราะกิเลส สิ่งที่ไม่ดีทั้งหลาย ล้วนมาจากกิเลสทั้งนั้นซึ่งเมื่อโดยสภาพธรรมแล้ว ไม่พ้นไปจากความเป็นไปของอกุศลธรรม คือ อกุศลจิต และ อกุศลเจตสิกที่เกิดร่วมด้วย ซึ่งจะต้องอาศัยรูป เป็นที่เกิด ด้วย ไม่มีสัตว์ ไม่มี-บุคคล ไม่มีตัวตน ในทางตรงกันข้าม ถ้าเป็นผู้ได้เห็นประโยชน์ของความเข้าใจพระธรรม เป็นผู้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกอยู่เสมอ เมื่อปัญญา มากขึ้น ความประพฤติเป็นไปในชีวิตประจำวัน ก็ย่อมจะดีไปตามระดับขั้นของปัญญา ด้วย ซึ่งก็ไม่มีสัตว์ ไม่มีบุคคล ไม่มีตัวตนอีกเหมือนกัน มีแต่ความเป็นไปของสภาพธรรมฝ่าย ที่น้อมไปในทางที่เป็นกุศล มากยิ่งขึ้น แต่ละคน ก็เป็นแต่ละหนึ่งจริงๆ เรื่องของคนอื่น ก็เป็นเรื่องของคนอื่น เราควรที่จะทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด ด้วยความเป็นผู้ไม่ประมาทในชีวิต ไม่ประมาทในการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม สะสมปัญญา และกุศลประการต่างๆ ต่อไป ในเมื่อคนอื่นเขาเป็นคนไม่ดี กระทำในสิ่งที่ไม่เหมาะสม ก็ควรที่จะเห็นใจเขา มีเมตตาต่อเขา แทนที่จะโกรธ แทนที่จะไม่พอใจเขา เพราะอกุศล ไม่เคยนำประโยชน์มาให้ใครเลย แม้แต่น้อย และไม่มีในคำสอนทางพระพุทธศาสนาที่สอนให้โกรธคนอื่นไม่ว่าจะเป็นด้วยเรื่องใดๆ ก็ตาม แต่สอนให้มีเมตตา มีความเป็นมิตรมีความเป็นเพื่อนกับผู้อื่น ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
j.jim
วันที่ 4 ต.ค. 2554
ขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
jaturong
วันที่ 5 ต.ค. 2554
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
Graabphra
วันที่ 6 ต.ค. 2554
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
guy
วันที่ 7 ต.ค. 2554
ขออนุโมทนาครับ
 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ