ทำบุญด้วยการโอนเงิน ได้บุญเท่าไปทำเองไหม

 
รากหญ้า
วันที่  5 พ.ย. 2554
หมายเลข  19970
อ่าน  8,979

สมมติ ฟังรายการ อ.สุจินต์ แล้วมีการจะทำบุญ แล้วโอนไปให้ อาจารย์ ทาง atm เป็นต้น

กับไปทำบุญ ไปกับอาจารย์เลย ระหว่างโอนเงิน กับไปทำบุญด้วยตัวเอง กับอาจารย์

จะได้บุญเท่ากันไหม ขอบคุณครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 5 พ.ย. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย บุญ คือ สภาพธรรมที่ดี ปราศจากกิเลส และเป็นสภาพธรรมที่ชำระล้างสันดาน จาก

อกุศล บุญ หรือ กุศลเป็นสภาพธรรมที่มีจริง ที่เป็นสภาพธรรมที่เป็นจิต เจตสิกทีเกิด

ขึ้น ดังนั้นบุญ จึงเกิดที่จิต ซึ่ง บุญ หรือ กุศล ก็มีหลายระดับ มีความประณีตของกุศล

แตกต่างกันไปตามระดับของกุศลแต่ละขั้น กุศลที่ประณีตมาก ก็มีอานิสงส์ผลของ

บุญมาก ก็เพราะจิตประณีต และประกอบด้วยปัญญาและโสมนัสในบุญนั้น กุศลที่กำลัง

น้อยกว่า ก็มีอานิสงส์น้อยกว่าเพราะเป็นกุศลที่ไม่ประกอบด้วยปัญญา เป็นต้น ดังนั้น

บุญ หรือ กุศลจะมีอานิสงส์ผลของบุญมากนั้น สำคัญที่สภาพจิตของบุคคลนั้นเป็น

สำคัญด้วยครับ คือ ถ้าประกอบด้วยปัญญาและโสมนัสก็มีผลมากนั่นเอง และผลของ

บุญจะมีมาก ในเรื่องการให้ อีกประการหนึ่งคือ ผู้รับมีคุณธรรมมาก หรือ น้อย ครับ ถ้าผู้

รับมีคุณธรรมากเป็นเนื้อนาบุญที่ดี ผลของบุญและอานิสงส์ก็มาก มากกว่าผู้ที่มี

คุณธรรมน้อยครับ ดังนั้นอาศัยเหตุปัจจัยหลายประการจึงทำให้ผลของบุญแตกต่างกัน

ไปครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 5 พ.ย. 2554

ซึ่งประเด็นที่ถาม ก็ขึ้นอยู่กับสภาพจิตของบุคคลผู้ที่ทำบุญเป็นสำคัญครับ ถ้า สภาพจิต

ในขณะที่ทำบุญ แม้ว่าจะโอน แต่ประกอบด้วยปัญญา และเกิดปิติโสมนัส ก็มีผลมาก

มากกว่า แม้ให้ด้วยตนเอง แต่ไม่ได้ประกอบด้วยปัญญา และไม่เกิดปิติ โสมนัสครับ ดังนั้น

สำคัญที่สภาพจิตของผู้ให้เป็นสำคัญในขณะนั้นครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
paderm
วันที่ 5 พ.ย. 2554

ที่สำคัญ การกระทำบุญ เป็นไปเพื่อบูชาคุณของผู้ที่เราให้ประการหนึ่งและการอนุเคราะห์

ประการหนึ่ง เช่น โอนเงิน หรือ ให้เงินเพื่อบำรุงค่าสถานีวิทยุ เพื่อประโยชน์อนุเคราะห์ให้

รายการธรรมได้เผยแพร่ไป กับบุคคลทั้งหลาย ก็เป็นการทำบุญด้วยการอนุเคราะห์ผู้อื่น

และอาจทำบุญเพื่อบูชาคุณของพระธรรมก็ได้ครับ ดังนั้น จุดประสงค์ของการทำบุญจึงไม่

ได้อยู่ที่ว่าวิธีไหนจะได้อานิสงส์มาก หรือ ไม่มาก เพราะการทำบุญเป็นเรื่องของการ ละ

สละ ขัดเกลากิเลส ไม่ติดข้องในผลของอานิสงส์ ดังนั้น สะดวกวิธีใด ขณะไหน เวลาใด

ก็ทำกุศลในเวลานั้น โดยไม่ต้องคอย ไม่ต้องเลือกวิธีครับ กุศลเกิดขึ้นได้ ถ้ามีควาเข้าใจ

พระธรรมเป็นสำคัญครับ อานิสงส์มาก ไม่มาก สำคัญที่สภาพจิตของผู้ให้ในขณะนั้นครับ

ตามที่กล่าวมา ขออนุโมทนาในกุศลเจตนาในการทำกุศลของผู้ถาม มา ณ ที่นี้ครับ

อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
เซจาน้อย
วันที่ 5 พ.ย. 2554

สำคัญที่สภาพจิตของผู้ให้เป็นสำคัญในขณะนั้นครับ

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
khampan.a
วันที่ 5 พ.ย. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตร่วมสนทนาด้วยครับ บุญ เป็นสภาพธรรมที่ดีงาม ที่ชำระิิจิตใจให้สะอาดจากอกุศล ในขณะใดที่กุศลจิต เกิดขึ้น พร้อมด้วยโสภณเจตสิกประการต่างๆ มีศรัทธา (ความผ่องใสแห่งจิต) สติ (ความระลึกได้เป็นไปในกุศล) หิริ (ความละอายต่ออกุศล) โอตตัปปะ (ความเกรงกลัวต่ออกุศล) อโลภะ (ความไม่โลภ) อโทสะ (ความไม่โกรธ) เป็นต้นที่เกิดร่วมด้วย ขณะนั้น เป็นบุญ และประการที่ำสำคัญ บุญ ไม่ได้มีเฉพาะทานเพียงอย่างเดียวเท่านั้น มีมากมายหลายประการ แม้ไม่ใช่ทาน ก็เป็นบุญ เช่นเดียวกัน เช่น การฟังธรรม ศึกษาพระธรรมเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกยิ่งขึ้น การรักษาศีล งดเว้นจากทุจริตกรรมประการต่างๆ การอ่อนน้อมถ่อมตน การขวนขวายกระทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์เกื้อกูล แก่ผู้อื่น เป็นต้น ก็เป็นบุญ ทั้งนั้น สำคัญอยู่ที่ว่าจะน้อมไปในทางที่เป็นที่ตั้งแ่ห่งการทำบุญเหล่านั้นมากน้อย แค่ไหน ก็เป็นไปตามการสะสมของแต่ละบุคคล บุญ,กุศล เป็นสภาพธรรมที่ตัดหรือทำลายบาปธรรม พร้อมทั้งเป็นสภาพ-ธรรมที่ไม่มีโทษ และ ให้ผลเป็นสุข เมื่อได้ฟังพระธรรมในรายการ "แนวทางเจริญวิปัสสนา" บรรยายโดยท่านอาจารย์สุิจินต์ บริหารวนเขตต์ ได้รับประโยชน์จากพระธรรมที่ท่านอาจารย์ได้บรรยายมีความซาบซึ้งในพระคุณของท่าน ที่มีเมตตาอนุเคราะห์เกื้อกูลให้ผู้อื่นได้เข้าใจธรรมตามความเป็นจริง ตั้งแต่เริ่มบรรยายธรรมจนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้ แล้วมีความประสงค์ที่จะสละทรัพย์ตามกำลังของตนเอง เพื่อสนับสนุนในการเผยแพร่พระธรรมทางสถานีวิทยุให้แพร่หลายไปสู่ผู้ที่สนใจในวงกว้างมากยิ่งขึ้น กล่าวได้ ว่า เป็นกุศลจิตตั้งแต่ก่อนให้แล้ว และในขณะที่ให้ จะด้วยการโอนทางเอทีเอ็ม หรือ แม้กระทั่งนำมาบริจาคมอบให้ท่านอาจารย์ด้วยตนเอง ก็ถึงมูลนิธิฯเหมือนกัน อันจะได้ใช้ประโยชน์ตามที่ประสงค์ ก็เป็นกุศลอีกในขณะนั้น ประโยชน์ก็เพื่อร่วมสนับสนุนในสิ่งที่เป็นประโยชน์ที่สุด นั่นก็คือ สนับสนุนในการเผยแพร่พระธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้แพร่หลายออกไป ไม่ใช่เพื่ออย่างอื่น ไม่ใช่เพื่อติดข้องต้องการ ไม่ใช่เพื่ออยากได้บุญเยอะๆ เพราะเหตุว่า กุศลทุกประการ ต้องเป็นไปเพื่อละ เป็นไปเพื่อขัดเกลากิเลสของตนเอง เ่ท่านั้น ครับ. ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
tanakase
วันที่ 5 พ.ย. 2554

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
ผู้ร่วมเดินทาง
วันที่ 5 พ.ย. 2554

ขออนุญาตร่วมสนทนาด้วยนะครับ ต้องขอขอบคุณในประโยชน์ของตู้ ATM เป็นอย่าง

ยิ่งเลยครับ ให้ความสะดวกสบายในการช่วยเหลือผู้อื่นได้อย่างรวดเร็วโดยเฉพาะเมื่อ

ยามจำเป็น หรือเป็นยามปกติทั่วไปก็สะดวกมากในการบริจาคหรือให้ทานทำประโยชน์

ต่างๆ จะทำมากทำน้อย บ่อยแค่ไหนเพียงใด สะดวกมาก เป็นเครื่องช่วยให้มีโอกาส

สะสมอุปนิสัยการให้ทาน ได้บ่อยๆ เนื่องๆ อย่างที่อาจารย์ผเดิมและอาจารย์คำปั่น

อธิบายนะครับ รูปแบบไม่มีความสำคัญ เท่ากับจิตใจที่เป็นกุศลเห็นประโยชน์ของทาน

เมื่อทราบว่า ที่บริจาคได้ใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ผู้อื่น เท่านี้ก็เพียงพอแล้วละครับ เพราะ

การที่จะต้องมีรูปแบบ พิธี รีตอง ต้องหยิบเงิน ยืนให้แก่มือ หรือต้องให้คนอื่นรับรู้

หากพิจารณาไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนแล้ว ต้องการอะไรหรือเปล่า? กลับกลายเป็นความเศร้า

หมองของจิตไปเสียเปล่าๆ ครับ

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาอาจารย์ผเดิม อาจารย์

คำปั่น และทุกๆ ท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
เมตตา
วันที่ 5 พ.ย. 2554

ขณะที่คิดจะให้ (ทำบุญ) ขณะให้ (โอนเงิน หรือให้กับท่านเอง) จิตขณะนั้นเป็น

กุศลเป็นบุญ แม้หลังจากให้แล้ว เมื่อระลึกถึงกุศลที่ได้กระทำแล้วจิตก็เป็นกุศล

เบิกบานผ่องใส...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่าน ด้วยค่ะ...

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
jamjaras
วันที่ 5 พ.ย. 2554

เป็นหัวข้อที่น่าสนใจมีประโยชน์มาก ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่าน ด้วยครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
orawan.c
วันที่ 7 พ.ย. 2554

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
peem
วันที่ 6 ธ.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ