บุคคลผู้มีปัญญามาก เป็นไฉน ?

 
pirmsombat
วันที่  13 พ.ย. 2554
หมายเลข  20023
อ่าน  6,946

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระอภิธรรมปิฎก ธาตุกถา-บุคคลบัญญัติ เล่ม ๓ - หน้าที่ 298

………………….

. ปุถุปัญญบุคคล บุคคลผู้มีปัญญามาก เป็นไฉน?

บุคคลบางคนในโลกนี้ ไปสู่อารามเพื่อฟังธรรมในสำนักของภิกษุทั้ง

หลายเนืองๆ พวกภิกษุย่อมแสดงธรรมงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง

งามในที่สุด พร้อมทั้งอรรถ พร้อมทั้งพยัญชนะ แก่บุคคลนั้น ย่อมประกาศ

พรหมจรรย์บริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิง บุคคลนั้นนั่งแล้วที่อาสนะนั้น ย่อมใส่ใจ

ถึงเบื้องต้นบ้าง ย่อมใส่ใจถึงท่ามกลางบ้าง ย่อมใส่ใจถึงที่สุดบ้าง แม้ลุกออก

จากอาสนะนั้นแล้ว ก็ย่อมใส่ใจถึงเบื้องต้นบ้าง ย่อมใส่ใจถึงท่ามกลางบ้าง

ย่อมใส่ใจถึงที่สุดแห่งกถานั้น เหมือนน้ำที่เขาเทใส่หม้อที่หงายไว้ ย่อมขังอยู่

ย่อมไม่ไหลไป ชื่อแม้ฉันใด บุคคลบางคนในโลกนี้ ไปสู่อารามเพื่อฟังธรรม

ในสำนักของภิกษุทั้งหลายเนืองๆ พวกภิกษุย่อมแสดงธรรม งามในเบื้องต้น

งามในท่ามกลาง งามในที่สุด พร้อมทั้งอรรถ พร้อมทั้งพยัญชนะ แก่บุคคลนั้น

ย่อมประกาศพรหมจรรย์บริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิง เขานั่งที่อาสนะนั้นแล้ว ย่อม

ใส่ใจถึงเบื้องต้นบ้าง ย่อมใส่ใจถึงท่ามกลางบ้าง ย่อมใส่ใจถึงที่สุดแห่งกถานั้น

แม้ลุกออกจากอาสนะนั้นแล้ว ก็ย่อมใส่ใจถึงเบื้องต้นบ้าง ย่อมใส่ใจถึงท่าม

กลางบ้าง ย่อมใส่ใจถึงที่สุดบ้างแห่งกถานั้น บุคคลนี้เรียกว่า คนมีปัญญามาก.

อรรถกถา..........

บทว่า "อุกฺกุชฺโช" ได้แก่ หม้อที่เขาตั้งหงายปากขึ้นเบื้องบน.

บทว่า "สณฺฐาติ" ได้แก่ น้ำที่ขังอยู่. ในคำว่า "เอวเมว โข" นี้

บัณฑิตพึงเห็นบุคคลผู้มีปัญญามาก เหมือนหม้อที่เขาตั้งหงายปากขึ้นเบื้องบน

พึงทราบว่า เวลาที่เขาได้ฟังธรรมเทศนาแล้ว เหมือนเวลาที่เขารดน้ำ (เทน้ำ

ใส่หม้อ) . พึงทราบว่า เวลาที่เขานั่งเรียนพุทธพจน์ในที่นั้น เปรียบเหมือน

เวลาที่น้ำขังอยู่ พึงทราบว่า เวลาที่ลุกขึ้นจากอาสนะเดินไปยังสามารถกำหนด

พุทธพจน์ได้ เปรียบเหมือนเวลาที่น้ำไหลออกไป.

สองบทว่า "อยํ วุจฺจติ" ความว่า บุคคลนี้ คือ ผู้เห็นปานนี้เรียกว่า

ปุถุปญฺโญ แปลว่าผู้มีปัญญามาก. อธิบายว่า มีปัญญากว้างขวาง.


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 13 พ.ย. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

จากที่คุณหมอยกมานั้นแสดงถึงบุคคล 3 จำพวก คือ

1. บุคคลมีปัญญาดังหม้อคว่ำ

2.บุคคลผู้มีปัญญาดังหน้าตัก

3.บุคคลผู้มีปัญญามากเหมือนหม้อที่หงาย

บุคคลที่มีปัญญาดังหม้อคว่ำ คือ เมื่อไปฟังพระธรรม ขณะที่ฟังไม่ตั้งใจไม่ใส่ใจและฟัง

ไม่รู้เรื่องเลย และเมื่อฟังเสร็จแล้วก็ไม่สามารถระลึกได้ผู้นี้มีปัญญาดังหม้อคว่ำเพราะ

น้ำเมื่อราดรดหม้อที่คว่ำย่อมไหลไปไม่เก็บกักน้ำไว้ครับ ไม่สามารถเก็บกักความเข้าใจ

พระธรรมได้เลยแม้ฟังพระธรรมอยู่ครับ

บุคคลผู้มีปัญญาดังหน้าตัก คือ บุคคลบางคนฟังพระธรรมอยู่ย่อมใส่ใจในสิ่งที่ได้ฟังบ้างและรู้เรื่องบ้างแต่เมื่อลุกไป คือ ไม่ได้ฟังแล้วก็ลืม ไม่สามารถนึกได้ในสิ่งที่ได้ฟัง

เปรียบเหมือนคนที่เอาของวางที่หน้าตัก เช่น ขนม ถั่ว วางไว้ที่หน้าตัก แต่เมื่อลุกขึ้น ถั่ว หรือ สิ่งของที่วางไว้หน้าตักก็หล่นหมดครับ นี่คือ ผู้มีปัญญาดังหน้าตัก

บุคคลผู้มีปัญญามากเหมือนหม้อที่หงาย คือ บุคคลบางคนฟังธรรมก็สามารถเข้าใจ

และใส่ใจในสิ่งที่ได้ฟังได้เป็นอย่างดี และเมื่อเขาไปที่อื่นไม่ได้ฟังแล้วก็สามารถระลึกถึงธรรมนั้นได้และเข้าใจธรรมนั้นได้อย่างถูกต้อง บริบูรณ์ครับ เปรียบเหมือนหม้อที่

หงาย เมื่อเทน้ำลงไป ย่อมกักเก็บน้ำได้ครับ จึงเป็นผู้มีปัญญามากครับ

ขออนุโมทนาคุณหมอและทุกๆ ท่านครับ

อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 13 พ.ย. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง เป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูลสำหรับผู้ที่มีโอกาสได้ฟังได้ศึกษาและมีความเข้าใจอย่างถูกต้องตรงตามความเป็นจริงอย่างแท้จริง

เป็นเครื่องเตือนที่ดีเพื่อให้เป็นผู้ไม่ประมาทแม้ในการฟังพระธรรม เพราะพระธรรมเป็นเรื่องที่ละเอียดลึกซึ้งอย่างยิ่ง ต้องเป็นผู้ที่มีความอดทนมีความจริงใจ มีความตั้งใจที่จะฟังที่จะศึกษา และต้องอาศัยการสะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อย สิ่งสำคัญ คือ ไม่ขาดการฟัง ไม่ขาดการพิจารณาไตร่ตรองในเหตุในผลของพระธรรมเพราะปัญญาจะเจริญขึ้น มีมากขึ้น (เป็นบุคคลผู้ที่มีปัญญามาก) ได้นั้น ก็ต้องสะสมไปทีละเล็กทีละน้อย นั่นเอง ครับ ...ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณหมอ และทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
pirmsombat
วันที่ 13 พ.ย. 2554

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของ

คุณผเดิม คุณคำปั่น คุณผู้ร่วมเดินทาง คุณอรวรรณ คุณธุลีพุทธบาท

และ

ทุกท่านครับ..

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ธุลีพุทธบาท
วันที่ 14 พ.ย. 2554

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺสฺส ฯ (ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์นั้น)

----------

ขอกราบนมัสการอย่างสูงสุด แด่พุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ และสังฆรัตนะ

ขอกราบขอบพระคุณและอนุโมทนา

คุณหมอ pirmsombat อ.เผดิม และ อ.คำปั่นด้วยครับ

----------

.ขณะอย่าได้ล่วงเลยท่านทั้งหลายไปเสีย.

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
nong
วันที่ 14 พ.ย. 2554

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
เซจาน้อย
วันที่ 14 พ.ย. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
ผู้ร่วมเดินทาง
วันที่ 14 พ.ย. 2554
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาคุณหมอ อาจาย์ผเดิม อาจารย์คำปั่น และทุก่ท่านครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
orawan.c
วันที่ 14 พ.ย. 2554

...ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณหมอ และทุกๆ ท่านค่ะ...

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
jaturong
วันที่ 14 พ.ย. 2554

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
ผิน
วันที่ 14 พ.ย. 2554

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
pamali
วันที่ 15 พ.ย. 2554

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
aurasa
วันที่ 16 พ.ย. 2554

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
bsomsuda
วันที่ 16 พ.ย. 2554

"..ต้องเป็นผู้ที่มีความอดทน มีความจริงใจ มีความตั้งใจ ที่จะฟัง ที่จะศึกษา

และต้องอาศัยการสะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อย.."

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณหมอ คุณผเดิม อ.คำปั่น และทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
Graabphra
วันที่ 18 พ.ย. 2554
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาอาจาย์ผเดิม อาจารย์คำปั่น และทุกท่านครับ
 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ