ผลกรรมของผู้สำคัญตนว่าเป็นผู้รู้ธรรม (แต่ไม่มีความรู้จริง)

 
SOAMUSA
วันที่  2 ธ.ค. 2554
หมายเลข  20092
อ่าน  1,924

ขอเรียนถามว่า คนที่นำพระธรรมมาคุยกันแบบเล่นๆ เสียดสีบ้าง และ มาหาข้อหักล้างกันสนุกแบบโต้วาทีบ้าง บางครั้งก็มีความรู้จริงบ้าง บางทีก็มั่ว บางคนก็สำคัญตนว่า เป็นผู้รู้ แนะนำผู้อื่นทั้งที่มีความรู้แบบไม่ละเอียดไม่ศึกษา ให้ลึกซึ้งมากพอ แต่ตั้งตนเป็นผู้รู้ตอบมั่วๆ พูดธรรมะมั่วๆ กำกวมให้เข้าใจยาก ทำให้ตนเองดูเป็นผู้ทรงภูมิความรู้ ให้คนอื่นนับถือ

คนเหล่านี้เป็น ผู้ทำบาปจะได้รับผลของกรรมอย่างไรคะ เดี๋ยวนี้มีคนประเภทนี้มากมายในเวปต่างๆ ผู้เริ่มศึกษาจะแยกแยะคน ประเภทนี้ไม่ได้ จะเห็นว่าเป็น ผู้รู้ และเข้าใจตามที่ผู้รู้แบบนี้ แนะนำอย่างผิดๆ ดิฉันห่วงพระพุทธศาสนาจะเสื่อมเร็วเพราะคนพวกนี้

กราบขอบพระคุณค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 2 ธ.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระธรรมของพระพุทธเจ้า เป็นพระปัญญาคุณที่ตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง อันเป็นสิ่งที่ ละเอียด ลึกซึ้ง ดังนั้นการศึกษาพระธรรมจึงไม่เป็นผู้เผิน คือ ไม่ละเอียด แต่ต้องศึกษา ด้วยความเคารพ อันมีจุดประสงค์ที่ถูกต้องก่อน คือ ไม่ใช่เพื่อความรู้มาก ไม่ใช่เพื่อตน เอง ไม่ใช่เพื่อลาภ สักการะ สรรเสริญ หากเริ่มด้วยจุดประสงค์ผิดเป็นผู้ไม่เคารพธรรม ก็จะไม่ได้สาระจากพระธรรมของพระพุทธเจ้าคือ ปัญญา ความเห็นถูกและการละกิเลส เลย เพราะพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงที่ถูกต้อง เป็นไปเพื่อการละ ไม่ใช่เพื่อได้ ไม่ใช่เพื่อให้ผู้อื่นยกย่อง ตามที่กล่าวมาในกระทู้ แต่เป็นไปเพื่อละสละกิเลสประการ ต่างๆ ในขณะที่ศึกษาด้วยความแยบคายและเมื่อได้เข้าใจพระธรรมครับ

ดังนั้น หากเริ่มจากการศึกษาที่ผิด เหมือนการจับงูพิษที่หาง ย่อมถูกงูกัด ได้รับพิษ ปางตาย ผู้ที่ไม่เข้าใจธรรมและแสดงธรรมที่ผิด พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ว่าเป็นผู้ทำ บาปเป็นอันมาก และย่อมทำให้พระศาสนาอันตรธานเร็วขึ้น และเขาผู้นั้นย่อมไม่ได้รับ ประโยชน์จากการศึกษาคือ ไม่ได้ปัญญา ไม่ได้กุศลธรรมจากการศึกษาพระธรรม แต่ กลับได้อกุศลธรรม และเมื่อเข้าใจผิด ก็ย่อมกล่าววาจาที่ผิด เป็นผู้เป็นมิจฉาทิฏฐิ พระพุทธเจ้าทรงแสดงว่า ผู้เป็นมิจฉาทิฏฐิ เมื่อตายไป ย่อมเข้าถึง คติ 2 อย่าง คือ นรกและกำเนิดสัตว์เดรัจฉานครับ นี่คือ ผลของกรรมของผู้ที่เข้าใจธรรมที่ผิด มีความ เห็นผิดและแสดงสิ่งที่ผิดครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 2 ธ.ค. 2554

[เล่มที่ 33] พระสุตตันตปิฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ 192

[๑๙๕] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ผู้ที่ชักชวนเข้าในธรรมวินัยที่กล่าวไว้ชั่ว ๑ ผู้ที่ถูก ชักชวนแล้วปฏิบัติเพื่อความเป็นอย่างนั้น ๑ คนทั้งหมดนั้น ย่อมประสบกรรมมิใช่บุญ เป็นอันมาก ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะธรรมท่านกล่าวไว้ชั่ว.


พระพุทธเจ้าทรงแสดงว่า บุคคลที่มีความเห็นผิด คิดผิด...ตั้งมั่นผิด หลุดพ้นผิด และ ชักชวน แนะนำคนอื่นให้เข้าใจผิดตาม เป็นอสัตบุรุษที่ยิ่งกว่าอสับุรุษครับ พระพุทธเจ้าทรงแสดง ผล อานิสงส์ที่ถูกต้องในพระธรรมวินัยของพระองค์ครับว่า ในพระสุตรหนึ่ง นักบวชท่านหนึ่ง เห็นชนเป็นอันมาก ไปสถานที่ต่างๆ และก็ชนเหล่า นั้นกล่าวแสดงวาทะ โต้ตอบกัน อวดความรู้ และก็มีการทะเลาะเบาะแว้งกัน ในความ เห็นต่างๆ คือ มีการทะเลาะกัน เป็นผล เป็นอานิสงส์ นักบวชท่านนั้น จึงมากราบทูล ถามพระพุทธองค์ว่า พระธรรมของพระองค์มีอะไร เป็นอานิสงส์ เป็นผล พระองค์ทรง แสดงว่า พระธรรมของเราของผู้ศึกษาดีแล้ว ถูกต้อง ย่อมมีการสละกิเลส หลุดพ้นจาก กิเลส และปัญญาเป็นอานิสงส์ คือ เป็นผลครับ

ดังนั้นจะเห็นได้ว่า พระธรรมที่ศึกษาอย่างถูกต้องเป็นไปเพื่อการละคลาย ไม่ใช่เพื่อ ได้ และเพิ่มความเป็นเรา เป็นตัวตน ละกิเลสประการต่างๆ เพราะกุศลธรรมและปัญญา ที่เจริญขึ้นจากความเห็นถูกนั่นเองครับ แต่ถ้าศึกษาผิด เข้าใจผิด เห็นผิดและชักชวน ผู้อื่นให้เข้าใจผิด ย่อมได้รับโทษมาก มีการเกิดในอบายภูมิครับ

เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ...

ตถาคตมีวิชชาและวิมุตติเป็นผลานิสงส์ [กุณฑลิยสูตร]

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
ผู้ร่วมเดินทาง
วันที่ 2 ธ.ค. 2554

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
jaturong
วันที่ 2 ธ.ค. 2554

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
khampan.a
วันที่ 2 ธ.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เป็นเครื่องอุปการะเกื้อกูลแก่สัตว์โลกอย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สัตว์โลกผู้ยังเต็มไปด้วยกิเลสนานาประการ ไม่ว่าจะทรงธรรมหมวดใด ในส่วนใด ก็ล้วนเป็นไปเพื่อความเข้าใจถูก เห็นถูกทั้งนั้น สำคัญอยู่ที่ผู้ศึกษาจริงๆ ว่า ตั้งจิตไว้ผิดหรือตั้งจิตไว้ชอบในการศึกษา ถ้าตั้งจิตไว้ผิดแล้วทุกอย่างผิดหมด เพราะไม่ได้ศึกษาเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูก ไม่ได้ศึกษาเพื่อขัดเกลากิเลส แต่ศึกษาเพื่อลาภสักการะ สรรเสริญ อันจะเป็นอันตรายแก่ผู้ศึกษาเพียง อย่างเดียวเพราะเพิ่มพูนกิเลสอกุศลให้มีมากขึ้น ยิ่งถ้ามีความเห็นที่คลาดเคลื่อนจาก พระธรรมคำสอนแล้ว ยิ่งอันตรายมาก เป็นอันตรายทั้งแก่ตนและแก่คนอื่น เพราะเหตุ ว่า มีการเผยแพร่ในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เป็นเหตุให้ผู้อื่นหลงงมงายตามไปด้วย เปรียบ เหมือนกับการหว่านหนาม และการกระจายยาพิษ ซึ่งมีแต่โทษโดยส่วนเดียวเท่านั้น ในทางตรงกันข้าม ถ้าตั้งจิตไว้ชอบในการศึกษา ก็จะมีความจริงใจ ตั้งใจที่จะศึกษาเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกจริงๆ เพื่อขัดเกลากิเลสของตนเอง และเมื่อมีโอกาสที่จะเกื้อกูลผู้อื่นด้วยพระธรรม ก็จะมุ่งประโยชน์สำหรับผู้ฟังเป็นสำคัญ ด้วยการให้ความจริง ตรงตามพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง

ซึ่งจะเห็นได้ว่าถ้ามี ความเข้าใจพระธรรมวินัยอย่างถูกต้องแล้ว ก็จะมีความมั่นคงในพระธรรมเพิ่มมากยิ่ง ขึ้น มีความเคารพยำเกรงในพระรัตนตรัย และเป็นผู้น้อมประพฤติตามพระธรรมวินัย ด้วยความจริงใจ ความเข้าใจพระธรรมเท่านั้น ที่จะเป็นที่พึ่งที่แท้จริงสำหรับชีวิต ทำให้รู้ว่า อะไร คือสิ่งที่ถูกต้อง อะไรคือสิ่งที่ผิดไม่ตรงตามพระธรรมวินัย แล้วน้อมประพฤติในสิ่ง ที่ถูกต้อง พร้อมทั้งถอยห่างจากสิ่งที่ผิดโดยประการทั้งปวง ถ้ายังไม่มีความเข้าใจพระธรรมอย่างมั่นคง ละเลยโอกาสที่สำคัญในชีวิต คือ การได้ฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงแล้ว ย่อมจะทำให้เป็นผู้ไม่เห็นประโยชน์ของพระธรรมไม่ เห็นถึงพระมหากรุณาคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงบำเพ็ญพระบารมีมา เพื่อ อุปการะเกื้อกูลแก่สัตว์โลก ก็ยิ่งจะทำให้ผู้นั้นห่างเหินจากความเข้าใจพระธรรมออก ไปทุกทีๆ ไม่ได้รับประโยชน์จากพระธรรม ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
เซจาน้อย
วันที่ 2 ธ.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
SOAMUSA
วันที่ 2 ธ.ค. 2554

กราบอนุโมทนาค่ะ ขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ

ศึกษาด้วยความเคารพ แม้แต่การนั่งเรียนพระอภิธรรม ดิฉันเคยนั่งไขว้ห้าง คุณพี่ที่นั่งเรียนข้างๆ ตีขาดิฉันเพลี้ยเลย และสอนว่าการนั่งเรียนพระอภิธรรม เปรียบเสมือนได้เฝ้าต่อหน้าพระพุทธองค์ ต้องนั่งด้วยความสุภาพเคารพ อีกครั้งหนึ่ง พระอาจารย์ถามคำถามน้องผู้ชายในห้องเรียนพระอภิธรรม น้องเค้า นั่งกระดิกขา พระอาจารย์สั่งให้หยุดกระดิกขา แล้วค่อยตอบปัญหาพระอภิธรรม ต้องเคารพพระธรรม ทั้งกายวาจา และใจ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
intira2501
วันที่ 2 ธ.ค. 2554

ขอความมั่นคงในพระธรรมเพิ่มมากยิ่งขึ้นสำหรับตนเองก่อน ไม่ละเลยโอกาสที่สำคัญ ในชีวิตขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
วิริยะ
วันที่ 2 ธ.ค. 2554

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
pat_jesty
วันที่ 2 ธ.ค. 2554

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
นันทภพ
วันที่ 4 ธ.ค. 2554
อ้างอิงจาก : หัวข้อ 20092 ความคิดเห็นที่ 6 โดย khampan.a ขอ น้อมรับ คำชี้แนะ ด้วย สุจริตใจ ครับ ขอ อนุโมทนา ครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
pamali
วันที่ 4 ธ.ค. 2554

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
nong
วันที่ 5 ธ.ค. 2554

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
หลานตาจอน
วันที่ 5 ธ.ค. 2554

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
natre
วันที่ 7 ธ.ค. 2554

คิดว่าตนโชคดีที่เกิดมาในชาตินี้ได้ฟังธรรมที่ถูกและตรงจากท่านอาจารย์สุจินต์และคณะ ทำให้เป็นปัจจัยเกิดแก่ตนได้ในกรณีที่ฟังใครๆ พูดธรรมะถูกหรือผิด เหมือนกับมีลูกกุญแจดอกที่ใช้ไขกุญแจตัวแม่เพื่อเปิดประตูผ่านเข้าสู่ทางที่ใช่ (สัมมามรรค)

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
chatchai.k
วันที่ 6 เม.ย. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ