ไม่ถือมั่น ยึดมั่น อุปาทานขันธ์ ๕ เพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อสุข..

 
pirmsombat
วันที่  4 ธ.ค. 2554
หมายเลข  20104
อ่าน  1,781

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

[เล่มที่ 27] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เล่ม ๓- หน้าที่ 261

เชิญคลิกอ่านที่นี่

ไม่ถือมั่น ยึดมั่น อุปาทานขันธ์ ๕ [ขันธวารวรรค]


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 5 ธ.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สำหรับพระสูตรนี้ มาจาก ยมกสูตร ซึ่งจะขอเล่าเรื่องราวพอสังเขปดังนี้ครับ

ท่านพระยมกะ ในตอนแรก ท่านมีความเห็นผิด เห็นผิดว่า พระอรหันต์ตายแล้วไม่เกิด อีก ถ้าพิจารณาแบบเผินๆ ดูก็ไม่เห็นผิดอะไรเพราะน่าจะเป็นตามนั้นคือ พระอรหันต์ตาย แล้วไม่เกิดอีก แต่ในความเป็นจริง ในความละเอียด แม้การกล่าวถ้อยคำเดียวกัน ก็เป็น ความเห็นผิดก็มี ไม่เป็นความเห็นผิดก็มีครับ แต่ท่านพระยมกะ มีความเห็นผิด ที่สำคัญ ว่า พระอรหันต์ตายแล้วไม่เกิดอีก เพราะท่านพระยมกะ สำคัญว่า มีสัตว์บุคคลที่ไม่เกิดคือ มีความเห็นผิดว่ามีสัตว์ บุคคล มีพระอรหันต์ที่ไม่เกิดอีกนั่นเองครับ คือ ยังสำคัญว่ามี สัตว์ บุคคลอยู่ ซึ่งเป็นความเห็นผิด ไม่ถูกต้อง (ความเห็นถูกจริงๆ คือ มีแต่สภาพธรรม เกิดขึ้นและดับไป เมื่อไม่มีเหตุปัจจัยให้เกิด ก็ไม่มีการเกิดขึ้นของสภาพธรรมอีกแต่ไม่ใช่ มีสัตว์ บุคคลไม่เกิดอีก) พระภิกษุทั้งหลายก็พยายามอธิบายให้ท่านพระยมกะฟัง ท่านก็ ไม่เชื่อ จนท่านพระสารีบุตร ได้แสดงธรรมกับท่านพระยมกะฟัง โดยเป็นการสนทนาสอบ ถาม ท่านพระสารีบุตร ถามว่าท่านสำคัญว่ารูปเป็นสัตว์ บุคคลหรือเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เป็นสัตว์ บุคคลหรือ ท่านพระยมกะ เมื่อพิจารณาด้วยปัญญา ก็เข้าใจถูก และ กล่าวตอบพระสารีบุตรว่า ไม่เป็นอย่างนั้น คือ รูป เวทนา สัญญา สังขารและวิญญาณ ไม่ใช่สัตว์ บุคคล แต่เป็นธรรม เมื่อท่านสนทนาไปบางส่วน ก็ได้บรรลุเป็นพระโสดาบัน ท่านพระสารีบุตร ยังแสดงธรรมต่อไปอีกครับว่า ปุถุชนผู้ไม่สดับฟังธรรม และยังไม่มี ปัญญา ย่อมยึดถือรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ว่าเป็นเรา เป็นสัตว์ บุคคล ไม่รู้ว่า เป็นแต่เพียงสภาพธรรมและก็มาถึงส่วนที่คุณหมอ ยกมานั้นก็ต่อจากตรงนี้ คือ อริยสาวก ผู้ที่เข้าใจธรรมถูกต้อง คือ มีปัญญาแล้ว ก็ย่อมเห็นตามความเป็นจริงในสภาพธรรม ว่า ไม่ใช่สัตว์ บุคคล เป็นแต่เพียง สภาพธรรมที่เป็น รูป เวทนา สัญญา สังขารและวิญญาณ เมื่อท่านพระสารีบุตร แสดงธรรมจบ ท่านพระยมกะ ก็ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ครับ

ซึ่งการจะเห็นตามความเป็นจริงว่า ขันธ์ 5 คือ รูป เวทนา สัญญา สังขารและวิญญาณ เป็นแต่เพียงสภาพธรรม ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตนและไม่ยึดมั่นในขันธ์ 5 ว่าเป็นเรา เป็น สัตว์ บุคคลนั้น ก็ด้วยการอบรมเจริญสติปัฏฐาน ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่มีจริงใน ขณะนี้ที่กำลังปรากฎ ซึ่งก็จะต้องเริ่มจากการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ค่อยๆ เข้าใจ ในเรื่องของสภาพธรรมแต่ละอย่าง ก็จะทำให้ถึงความไม่ยึดถือว่ามีสัตว์ บุคคล ตัวตน ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
ชื่นบุตร
วันที่ 5 ธ.ค. 2554

ขอเรียนถามอาจารย์ครับ คำว่า "ได้รับคำแนะนำ" ในประโยคข้างล่างนี้แปลจากบาลี คำว่าอะไร และแปลว่าอย่างอื่นได้อีกหรือเปล่า

[๒๐๗] ดูก่อนท่านยมกะ ส่วนพระอริยสาวกผู้สดับแล้ว ได้เห็นพระอริยะทั้งหลาย ฉลาดใน อริยธรรม ได้รับแนะนำใน อริยธรรม ดีแล้ว ได้เห็นสัตบุรุษทั้งหลาย ฉลาดใน สัปปุริสธรรม ได้รับแนะนำในสัปปุริสธรรม ดีแล้ว

ขอบคุณครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
nong
วันที่ 5 ธ.ค. 2554

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
khampan.a
วันที่ 5 ธ.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเ้จ้าพระองค์นั้น

เรียน ความคิดเห็นที่ 2 ครับ

ประโยชน์ของการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ก็เพื่อเข้าใจธรรม คือ เข้าใจสิ่งที่มีจริงในขณะนี้ตามความเป็นจริง เพราะสะสมความไม่รู้ และกิเลสประการต่างๆ มาอย่างมากมาย จึงต้องอาศัยการฟัง การศึกษาพระธรรมด้วยความละเอียดรอบคอบ ด้วยความเป็นผู้ตั้งจิตไว้ชอบ คือ ฟังเพื่อความเข้าใจจริงๆ เพื่อละคลายความไม่รู้ ละคลายความเห็นผิดที่ยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นตัวตน เป็นสัตว์เป็นบุคคล ซึ่งเมื่อสะสมความเข้าใจถูกไปตามลำดับ ก็จะเข้าใจว่า สิ่งที่มีจริงในขณะนี้ เป็นธรรมแต่ละอย่างๆ ที่ไม่ปะปนกัน เช่น เห็น เป็นธรรม ไม่ใช่ได้ยิน ไม่ใช่เราที่เห็นด้วย ได้ยิน เป็นธรรม ไม่ใช่เห็น และไม่ใช่เราที่ได้ยิน ด้วย ล้วนเป็นแต่เพียงธรรมที่เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัยแล้วก็ดับไปเท่านั้นจริงๆ หาความเป็นสัตว์ เป็นบุคคลไม่ได้เลย เพราะมีแต่ธรรมที่เกิดขึ้นเป็นไปเท่านั้น สำหรับคำถามนั้น คำว่า ได้รับคำแนะนำในอริยธรรมดีแล้ว นั้น แปลมาจากคำบาลี ว่า อริยธมฺเม สุวินีโต ซึ่งแปลตรงที่สุดแล้ว หรือจะแปลอย่างอื่นที่ใกล้เคียงกัน ก็คือ ได้รับการฝึกฝนด้วยดีแล้วในอริยธรรม, ได้รับการแนะำนำเป็นอย่างดีแล้วในอริยธรรม ซึ่งอรรถก็เหมือนกัน คือ ได้ฟังพระธรรม อันเป็นคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เกิดความเข้าใจอย่างถูกต้อง มีปัญญาเข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริง นั่นเอง เพราะผู้ที่จะเป็นผู้ได้รับคำแนะนำในอริยธรรมดีแล้ว นั้น คือ ผู้ที่มีปัญญา ในขณะนี้ทุกคนเกิดเป็นคนไทย สื่อสารกันด้วยภาษาไทย ซึ่งก็สามารถเข้าใจธรรมด้วยภาษาของคนไทย คือ ภาษาไทย ถ้าเป็นคนในแคว้นมคธ ก็พูดภาษามคธ หรือ ภาษาบาลี คนเหล่านั้นก็เข้าใจด้วยภาษาของตนๆ แต่เมื่อแปลเป็นไทยแล้วก็ตรงกัน แตกต่างกันที่ภาษาเท่านั้นเอง ดังนั้น คนไทย ก็สามารถเข้าใจธรรมได้ ด้วยภาษาไทย สำคัญอยู่ที่ความเข้าใจถูกเห็นถูกจริงๆ ครับ.

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
เซจาน้อย
วันที่ 5 ธ.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเ้จ้าพระองค์นั้น

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
pat_jesty
วันที่ 5 ธ.ค. 2554

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
ชื่นบุตร
วันที่ 5 ธ.ค. 2554

ขอบคุณครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
jaturong
วันที่ 6 ธ.ค. 2554

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
chatchai.k
วันที่ 6 เม.ย. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ