ควรเข้าใจเช่นไรจึงจะถูกต้อง
เรียนถาม
ความเชื่อและความรู้สึกต่างๆ บางอย่างได้รับการปลูกฝัง หรือบอกกล่าวมา ซึ่งบางเรื่อง ก็ยังสลัดออกไม่ได้ อีกทั้งบางเรื่องก็ยังไม่แน่ใจว่า สมควรจะทำเช่นไร ยกตัวอย่างนะคะ ดิฉันไม่กล้าวางหนังสือธรรมในที่ต่ำ ถ้าวางบนเตียง ก็จะวางบนหมอนหนุนศีรษะ มีบาง ครั้งที่จำเป็นต้องนำหนังสือพระธรรมติดใส่กระเป๋าไปนอกบ้าน และถ้ามีความจำเป็น ต้องใช้ห้องสุขา ดิฉันก็ต้องนำกระเป๋าซึ่งมีหนังสือธรรมอยู่ในนั้น ติดตัวเข้าไปด้วย ทำ ให้รู้สึกตะขิดตะขวงและไม่สบายใจ ยังมีเรื่องอื่นๆ อีกนะคะเช่น ผู้ใหญ่บอกไม่ให้เดินใต้ ราวตากผ้าโดยเฉพาะที่มีเครื่องนุ่งห่มสตรีตากอยู่ ไม่ให้เหยียบธรณีประตู เป็นต้น อยากทราบว่า ผู้ที่ได้รับการสั่งสอนบอกกล่าวเช่นนี้ ควรวางใจไว้อย่างไร หรือควรจะ เข้าใจเช่นไร จึงจะถูกต้อง
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ความเชื่อ และคำสอนที่ถูกต้อง คือ เป็นไปในกุศลธรรม หากคำสอน ความเชื่อใด เป็นไปเพื่อความเคารพ เป็นเพื่อความเจริญของกุศลธรรมและเป็นไปเพื่อกุศลธรรมเกิด ขึ้น ความเชื่อหรือคำสอนนั้นเป็นสิ่งที่สมควร ดังนั้นในอดีต ปัจจุบันและอนาคตก็คงจะ ต้องมีตัวอย่างและความเชื่อมากมาย ตามที่ผู้ถามได้ยกมาในตัวอย่างต่างๆ ก็จะมีมาก มาย เราคงไม่สามารถตัดสินทีละข้อ ทีละอย่างได้ แต่เมื่อมองกลับมาที่ปรมัตถธรรม คือสภาพธรรมที่มีจริง ที่เป็นสัจจะ ไม่เปลี่ยนแปลงลักษณะ สิ่งที่ดีเป็นสัจจะ ความจริง ไม่เปลี่ยนไปตามยุคสมัยกาลเวลา สถานที่ นั่นคือ กุศลธรรมที่เป็นธรรมฝ่ายดี เมื่อเป็น กุศลเป็นสิ่งที่ดี คำสอน ความเชื่อนั้นถูกต้องครับ เมื่อจิตเป็นกุศลการกระทำนั้นก็สมควร และถูกต้องไปด้วย สำคัญที่เจตนาของผู้กระทำและเป็นกุศลหรือไม่ครับ แม้แต่การจะ นำหนังสือธรรมไปไว้ที่ใด เอาเข้าไปในที่ไหน ไม่ได้มีเจตนาไม่เคารพ แต่จำเป็นต้อง เอาเข้าไป ก็ไม่เป็นไร เพราะจิตไม่ได้มีเจตนาไม่ดีครับ เช่นเดียวกับ เรื่องการตากผ้า และอื่นๆ หากไม่ได้เป็นไปในการทำบาป ที่เป็นทุจริตกรรม หรือ มีเจตนาไม่ดี ลบหลู่ แต่เป็นกุศลธรรม การกระทำนั้น ชื่อว่าสมควรครับ
สรุป คือ ไม่ว่าเรื่องราว เหตุกาณ์ใดๆ ก็ตาม ให้กลับมาที่ตัวปรมัตถธรรม คือ จิต ของผู้นั้น ว่าเป็นกุศลจิต หรือ อกุศลจิต มีเจตนาดี หรือ ไม่ดีหรือไม่ ถ้าไม่ได้มีเจตนา ไม่ดี ไม่ได้มีเจตนาลบหลู่ มีหนังสือธรรม เป็นต้น ไม่เป็นไรครับ และหากเป็นเจตนาดี และเป็นกุศลจิตเมื่อใด การกระทำที่เป็นกุศลจิต ที่เกิดจากคำสอน ความเชื่อที่เป็นเหตุ เป็นผล คือ เป็นเหตุ เป็นผล ตามหลักกรรม ผลของกรรม ตามหลักพระพุทธศาสนา ที่เป็นสัจจะ นั่นเป็นสิ่งที่สมควร เป็นคำสอนที่ถูกต้องครับ กลับมาที่จิตของตนเองใน ขณะนั้น ว่าจิตเป็นอย่างไร และมีเจตนาร้าย หรือ ดี นั่นคือ การตัดสินการกระทำและคำ สอนตามที่ได้ฟังกันมาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงทั้งหมด เพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกไม่ใช่เพื่อความไม่รู้ ซึ่งถ้าได้ศึกษา ก็จะมีความเข้าใจถูกเห็นถูกไปตามลำดับ และประการที่สำคัญ ความดีทั้งหลายทั้งปวง ตั้งแต่ขั้นต้น จนกระทั่งสูงสุด คือ สามารถดับกิเลสได้ตามลำดับขั้นนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ทั้งหมด ซึ่งไม่พ้นไปจากุศล-จิต และ สภาพธรรมฝ่ายดี ที่เกิดร่วมด้วย มีศรัทธา หิริ โอตตัปปะ อโลภะ อโทสะ เป็นต้น ดังนั้น สิ่งที่ถูกต้อง สิ่งที่สมควร จะต้องเป็นกุศลธรรมเท่านั้น อกุศลธรรมจะถูกต้องไม่ได้ จึงขึ้นอยู่สภาพจิตในขณะนั้นจริงๆ ว่าเป็นกุศลหรือเป็นอกุศล
สำหรับผู้ที่ศึกษาพระธรรม และน้อมปฏิบัติตามพระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้นั้นย่อมมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งด้วยการศึกษาและปฏิบัติตาม เป็นผู้มั่นคงในเหตุผล เป็นผู้มั่นคงในความดี ไม่เชื่อผู้อื่นอย่างงมงายด้วยการขาดการพิจารณาไตร่ตรองในเหตุในผล ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะได้รับคำแนะนำอย่างถูกต้องด้วยพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง นั่นเอง ความประพฤติที่ดีงาม ทั้งทางกาย ทางวาจา และทางใจ ก็จะเจริญขึ้นคล้อยตามความเข้าใจพระธรรม ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเ้จ้าพระองค์นั้น
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ