การทำนายดวง
คนสมัยนี้นิยมดูดวงทางอินเทอร์เน็ต พอดูไปแล้วก็ทักว่า ดวงความรักของคุณกับคู่รักคุณไม่สมพงศ์กัน ทั้งๆ ที่คุณและคู่รักของคุณก็สามารถไปกันได้ด้วยดี บางคู่ถึงกับต้องเลิกกันไปเลยเพราะไปเชื่อคำทำนาย หรือไม่ก็ทักว่าดวงของเราไม่ดี มันก็ทำให้เราวิตกจริต แต่ในความคิดของเรา เราคิดว่าอย่าไปดูมันเลย ขอให้ทำตัวของเราให้ดี ทำแต่สิ่งดีๆ สร้างบุญ สร้างกุศลดีกว่า เราก็จะพบแต่ความสบายใจ และคู่รักที่รักกันก็ขอให้ทำสิ่งที่ดีๆ ต่อกันและปรับตัวเข้าหากัน และยอมรับสิ่งที่ไม่ดีของกันและกันให้ได้ แต่เราก็อดสงสัยไม่ได้ว่าดวงชะตาตามวันเดือนปีเกิดมีผลกับกรรมลิขิตแต่ละคนด้วยหรือ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ตามความเป็นจริง ชีวิตของคนเรา มีอยู่ ๒ ส่วนใหญ่ๆ คือ ส่วนที่เป็นการได้รับผลของกรรม เช่น ขณะที่ได้เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัสทางกาย รวมไปถึงขณะที่หลับสนิทด้วย ถ้าไม่มีกรรมที่ได้กระทำแล้วในอดีตเป็นปัจจัย วิบากจิตซึ่งเป็นการได้รับผลของกรรมก็เกิดขึ้นไม่ได้ และอีกส่วนหนึ่ง เป็นส่วนของการสะสมเหตุ คือเป็นกุศลกับเป็นอกุศล นี้ก็ขึ้นอยู่กับการสะสมมาของแต่ละบุคคล ไม่มีใครกำหนด ไม่มีใครบังคับ แต่เป็นไปตามเหตุตามปัจจัย ถ้าสะสมอกุศลมามากก็เป็นเครื่องปรุงแต่งให้จิตเกิดขึ้นเป็นไปในทางที่เป็นอกุศลมาก ถ้าได้สะสมกุศลธรรมมามากก็เป็นเหตุให้จิตน้อมไปในทางที่เป็นกุศลได้มาก ซึ่งก็พอจะสังเกตเห็นได้ในชีวิตประจำวัน ว่าแต่ละคน เป็นแต่ละหนึ่ง ไม่เหมือนกันเลย ทั้งการกระทำและคำพูด รวมถึงความคิด เป็นไปตามการสะสมของแต่ละบุคคลจริงๆ ซึ่งทั้งหมดนั้น ก็คือ ความเกิดขึ้นเป็นไปของสภาพธรรมนั่นเอง แต่ละคนก็เคยเกิดมาแล้วนับชาติไม่ถ้วน เป็นมาแล้วทุกอย่าง และในชาตินี้ก็เป็นอีกชาติหนึ่งในสังสารวัฏฏ์ ที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ซึ่งเป็นผลของกุศลกรรม วัน เดือน ปีเกิด ของแต่ละบุคคล ไม่มีส่วนทำให้บุคคลนั้นเป็นคนดี เป็นคนไม่ดี หรือได้รับสิ่งที่ดีและไม่ดี ได้ เพราะการที่จะเป็นคนดีหรือไม่ดี อยู่ที่การกระทำ อยู่ที่สภาพจิต เป็นสำคัญ ว่าสะสมอะไรมาบ้าง ถ้ากระทำในสิ่งที่ไม่ดี ประพฤติทุจริตประการต่างๆ ก็เป็นคนไม่ดีด้วยอกุศลธรรม เป็นเรื่องของการสะสมของผู้นั้น ไม่เกี่ยวกับวัน เดือน ปีเกิด เลย
ในทางตรงกันข้าม ถ้าน้อมประพฤติในสิ่งที่ดีงาม คิดดี พูดดีและกระทำสิ่งที่ดีๆ ก็เป็นคนดีด้วยกุศลธรรม โดยที่ไม่เกี่ยวกับวัน เดือน ปีเกิด อีกเหมือนกัน ส่วนการจะได้รับสิ่งที่ดี น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ นั้น เป็นผลของกุศลกรรมที่ได้กระทำแล้วในอดีต และถ้าหากได้รับสิ่งที่ไม่ดี ไม่น่าปรารถนา ไม่น่าใคร่ ไม่น่าพอใจ นั่นก็เป็นผลของอกุศลกรรมที่ได้กระทำแล้วในอดีต ซึ่งไม่เกี่ยวกับ วัน เดือน ปีเกิด เลย
ผู้ที่เป็นชาวพุทธที่แท้จริง ต้องมีความมั่นคงในพระธรรมคำสอนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง มั่นคงในความเป็นจริงของสภาพธรรม มั่นคงในเรื่องกรรมและผลของกรรม ควรอย่างยิ่งที่จะได้เห็นประโยชน์สูงสุดของการเกิดมาเป็นมนุษย์ คือการมีโอกาสได้ฟังพระธรรม สะสมความรู้ความเข้าใจสภาพธรรมที่กำลังมี กำลังปรากฏในขณะนี้ ซึ่งไม่เคยรู้มาก่อนว่าเป็นธรรม เมื่อมีความเข้าใจธรรมมากขึ้น กุศลธรรมก็จะค่อยๆ เจริญขึ้น คล้อยตามความเข้าใจที่มีมากขึ้น มีชีวิตอยู่ก็เพื่อสะสมความดีและอบรมเจริญปัญญาต่อไป ซึ่งจะเป็นฤกษ์ดี เวลาดี ยามดี สำหรับชีวิต เพราะเหตุว่า ฤกษ์ดี เวลาดี ยามดี นั้น ก็คือขณะที่จิตเป็นกุศล ครับ
ขอเชิญคลิกอ่านข้อความเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ
วัน เดือน ปีเกิด สามารถบอกชะตากรรมของคนได้หรือครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง ทรงแสดงเหตุและผล ตามความเป็นจริง ชีวิตก็คือ จิต เจตสิกที่เกิดขึ้นและดับไป การได้รับสิ่งที่ดีหรือไม่ดี ก็คือ การเกิดขึ้นของจิต เจตสิกนั่นเอง เช่น การเห็นที่ดี ก็คือ จิตเห็นนั่นเอง ซึ่งการเห็นจะเห็นสิ่งที่ดีหรือไม่ดี ได้รับสิ่งดีต่างๆ ทางทวารทั้ง ๕ คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ก็เพราะกรรมที่เคยได้กระทำไว้ในอดีต เมื่อทำกรรมดี ไม่ว่า วัน เดือน ปีเกิดอะไร สิ่งที่ดีก็ย่อมเกิดขึ้น และถ้าทำกรรมไม่ดี ไม่ว่า วัน เดือน ปีเกิดอะไร สิ่งที่ไม่ดีก็เกิดได้ ให้ผล
ซึ่งถ้าเรามาพิจารณาที่ความเป็นจริงของสภาพธรรมที่เป็นปรมัตถธรรมกับสมมติบัญญัติ จะเห็นถึงความเป็นจริงว่า ตัวจริง คือปรมัตถธรรมที่เป็น จิต เจตสิกและรูป ที่มีผลกับชีวิตได้จริงๆ เพราะ ชีวิตก็คือ ขณะจิตที่เกิดขึ้นและดับไป แต่ วัน เวลา วัน เดือน ปีเกิด สิ่งเหล่านี้ เป็นสิ่งสมมติ บัญญัติขึ้น บัญญัติที่เป็นเรื่องราว จึงไม่มีผลอะไรกับชีวิต เพราะบัญญัติ ไม่ใช่สภาพธรรมที่มีจริงครับ ดังนั้น วัน เดือน ปีเกิดที่สมมติขึ้น จึงมิได้ส่งผลต่อชีวิตที่เป็น จิต เจตสิกที่เกิดขึ้นและดับไปเลยครับ เป็นแต่เพียงความคิดนึกเอาเอง ว่ามีผล เพราะผลจริงๆ คือตัวปรมัตถธรรม เช่น กุศลกรรรม (กุศลจิต) ที่ป็นปัจจัยให้เกิดวิบากจิต คือผลของกรรมที่ทำให้เกิดสิ่งที่ดี และอกุศลกรรม (อกุศลจิต) ที่ทำให้เกิด วิบากจิต ได้รับผลที่ไม่ดีครับ
สรุป คือ วัน เดือน ปีเกิด เป็นสมมติบัญญัติ ไม่มีผลกับชีวิต เพราะชีวิต คือปรมัตถธรรม ที่เป็น จิต เจตสิกที่เกิดขึ้นและดับไปครับ
สัตว์ทั้งหลายเป็นไปตามกรรม ถ้าชาตินี้เราหมั่นทำความดี เราหมั่นศึกษาพระธรรม ชาตินี้ก็จะเป็นอดีตของชาติหน้า และเป็นปัจจัยให้ชาติต่อไปมีปัญญา มีความสุข ความเจริญในชีวิต นี้เรียกว่ากรรมลิขิต ไม่มีใครทำ นอกจากเราทำของเราเองค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ