อานิสงส์คาถาของพระพุทธเจ้า

 
samroang69
วันที่  16 ธ.ค. 2554
หมายเลข  20182
อ่าน  11,614

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้ห่างไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบได้ด้วยพระองค์เอง พระองค์นั้นด้วยเศียรเกล้า

มีคำถามจะขอถามสักเรื่องครับ คำแปล พระคาถา อุณหิสสะวิชะยะ เทวเต

ดูกรเทวดาทั้งหลาย พระธรรมนี้ชื่อว่าอุณหิสสวิชัย เป็นยอดแห่งพระธรรมทั้งหลายเป็นประโยชน์แก่สัตว์ทั้งมวล ท่านจงเอาพระธรรมนี้เป็นที่พึ่ง อุตสาห์สวดบ่นสาธยายทุกเช้าค่ำ ย่อมห้ามเสียซึ่งภัยทั้งปวง อันจะเกิดขึ้นจากผีปิศาจหมู่พยัคฆะงูใหญ่น้อย และพญาเสนาอำมาตย์ทั้งหลาย จะไม่ตาย ผู้ใดได้เขียนไว้ก็ดี ได้ฟังก็ดี ได้สวดมนต์ภาวนาอยู่ทุกวันก็ดี จะมีอายุยืน เทวเต ดูกรเทวดาทั้งหลาย ท่านจงมีความสุขเถิด

พระพุทธเจ้าทรงเมตตา ให้เทวดาองค์หนึ่งที่กำลังสิ้นอายุขัย ให้เจริญภาวนาคาถานี้ เพื่อให้มีอายุยืนยาว และชดใช้หนี้กรรมให้หมดไปโดยเร็ว ใครที่เจริญภาวนาคาถาบทนี้เป็นประจำ จะทำให้มีอายุยืนยาว ทั้งยังช่วยให้สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง ไม่มีโรคภัยเบียดเบียน ขออภัยที่ต้องรบกวนท่านผู้รู้สักนิดหนึ่งครับ ว่าข้อความที่ได้เอามาในเว็บไซต์ ต่างๆ มานี้ เป็นความจริงหรือเป็นความเข้าใจผิดจากพุทธประสงค์ครับ หรือเป็นเพียงพุทธานุสติที่ได้จากการสวดครับ

ขอรบกวนและอนุโมทนาที่กรุณาตอบครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 16 ธ.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สำหรับพระคาถา อุณหิสสะวิชะยะ ที่ทำให้อายุยืน ชดใช้กรรม ไม่มีแสดงไว้ในพระไตรปิฎกเลยครับ เป็นการแต่งขึ้น ซึ่งพระคาถานี้ กล่าวอ้างถึงเมื่อตอนที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมพระอภิธรรมที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ และมีเทวดาท่านหนึ่งประมาทมัวเมา กำลังจะสิ้นอายุอีก ๗ วัน เทวดาอีกท่านหนึ่งจึงไปเตือน เทวดาองค์นั้นจึงแสวงหาที่พึ่ง พระอินทร์จึงพาไปเข้าเฝ้าพระพุทธจ้า ซึ่งในคาถานี้ ก็กล่าวอ้างว่า พระพุทธเจ้าทรงแสดงพระคาถาบทนี้เพื่อให้เทวดานั้นอายุยืนและชดใช้กรรม ซึ่งจากประวัติตามที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ไม่มีแสดงไว้ในพระไตรปิฎกเลยครับ

ซึ่งเมื่อมองตามความเป็นจริง ขัดกับหลักของพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง เพราะว่า การจะสิ้นอายุ ก็เพราะกรรมนั้นให้ผล แต่ไม่ใช่เพราะมีบทคาถาที่จะทำให้อายุยืนยาวได้เลยครับ สัตว์ก็ต้องเป็นไปตามกรรมของแต่ละคน แม้แต่ในเรื่องของพระอินทร์ที่กำลังจะสิ้นอายุขัยก็เกิดเดือดร้อนใจ ก็ไปเฝ้าพระพุทธเจ้า พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรม คือสักกปัญหสูตร ให้พระอินทร์ได้เข้าใจธรรมเกิดปัญญาเป็นสำคัญ พระอินทร์ท่านก็ได้เป็นพระโสดาบัน แต่พระพุทธเจ้าไม่ได้แสดงธรรมให้สัตว์มีอายุยืน เพราะเมื่อแสดงธรรมจบ ท้าวสักกะก็จุติคือตาย และก็เกิดเป็นท้าวสักกะอีก นั่นแสดงว่า ไม่สามารถทำให้อายุยืนได้ เพราะก็ต้องตาย แต่ก็เกิดทันที เป็นท้าวสักกะตามเดิมครับ แต่สิ่งที่เป็นประโยชน์ที่พระอินทร์ได้ คือปัญญา ความเข้าใจธรรม ถึงความเป็นพระอริยบุคคล อันเป็นประโยชน์ที่แท้จริงที่พระองค์แสดงธรรมให้พุทธบริษัทเกิดกุศลธรรมและปัญญาครับ และก็ไม่มีการชดใช้ทำให้สิ้นกรรมได้ เพราะกรรมได้กระทำแล้วเมื่อมีเหตุปัจจัยพร้อม กรรมนั้นก็ย่อมให้ผลครับ

ดังนั้น พระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง ไม่ใช่เพื่อได้ เพื่อตอบสนองความต้องการ เพื่อเพิ่มโลภะ เช่น เพื่อความอายุยืน แต่พระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงด้วยพระปัญญาทุกบท ทุกคำ เป็นไปเพื่อความเจริญขึ้นของกุศลธรรมและละกิเลส ละอกุศลธรรมประการต่างๆ และเพื่อความเจริญขึ้นของปัญญาเป็นสำคัญครับ คาถานี้จึงไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้าครับ และไม่ตรงตามสัจจะความจริง ไม่ตรงตามพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 16 ธ.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ถ้าได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปตามลำดับ ก็จะเห็นความบริสุทธิ์ของพระธรรมที่เป็นไปเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูก เป็นไปเพื่อขัดเกลากิเลส เป็นไปเพื่อละ ตั้งแต่ต้นจนถึงที่สุด คือสามารถดับกิเลสทั้งหลายทั้งปวงได้อย่างหมดสิ้น ไม่มีพระธรรมบทไหนเลยที่เป็นไปเพื่อเพิ่มพูนกิเลส เพิ่มพูนความอยาก ความติดข้องต้องการ ถ้าหากมีการกล่าวอ้างอย่างนั้นอย่างนี้ ซึ่งไม่เป็นไปตามพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง นั่นเป็นการกล่าวตู่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยคำอันไม่จริง เป็นโทษแก่ตนเอง และถ้านำเอาความเห็นผิดที่ไม่ตรงตามพระธรรมไปบอกกล่าวแก่ผู้อื่น นั่นก็ยิ่งเป็นโทษในวงกว้างมากยิ่งขึ้น ไม่เป็นสิ่งที่ดีเลยแม้แต่น้อย

พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงตลอด ๔๕ พรรษา เป็นไปเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูก ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งถ้าพุทธศาสนิกชนจะได้ฟัง ได้ศึกษา สะสมเป็นความเข้าใจถูกเห็นถูกของตนเอง เมื่อมีความเข้าใจอย่างถูกต้องแล้ว ก็จะมีความมั่นคงในความเป็นจริงของธรรม ไม่คล้อยไปตามความเห็นที่ไม่ตรงที่เชื่อสืบๆ ต่อๆ กันมา ซึ่งไม่ตรงตามพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง แต่ละคนเกิดมาแล้ว ไม่ว่าจะเกิดในภพใดภูมิใด ในที่สุดแล้วก็จะต้องเคลื่อนจากความเป็นบุคคลนั้น ไม่วันใดก็วันหนึ่ง การที่จะมีอายุสั้นหรือยืนไม่ได้อยู่ที่การสวดคาถาหนึ่งคาถาใด ถ้ากรรมยังไม่ให้ผลทำให้เคลื่อนจากความเป็นบุคคลนี้ก็ยังตายไม่ได้ ชีวิตก็ยังต้องดำเนินต่อไป แต่ถ้าถึงคราวที่กรรมจะให้ผลทำให้เคลื่อนจากความเป็นบุคคลนี้แล้ว ใครๆ ก็ต้านทานไว้ไม่ได้ ในที่สุดแล้ว ทุกคนก็จะต้องตาย สิ่งที่จะเป็นที่พึ่งจริงๆ ไม่ใช่อย่างอื่น แต่เป็นกุศลธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือปัญญา ความเข้าใจถูกเห็นถูก จึงควรอย่างยิ่งที่จะเป็นผู้มีชีวิตเพื่อการสะสมความดีและอบรมเจริญปัญญาต่อไปครับ

... ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
เซจาน้อย
วันที่ 17 ธ.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
bou
วันที่ 17 ธ.ค. 2554

ขอบคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
pamali
วันที่ 18 ธ.ค. 2554

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
pat_jesty
วันที่ 18 ธ.ค. 2554

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
ธนฤทธิ์
วันที่ 18 ธ.ค. 2554
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
นาวาเอกทองย้อย
วันที่ 19 ธ.ค. 2554

ขอประทานโทษทุกท่านนะครับ

การนำข้อความใดๆ มาอ้าง ควรศึกษาให้รอบคอบ และตรวจดูให้ทั่วถึง ข้อความในคาถาอุณหิสวิชัย มีอยู่บางตอนที่น่าพิจารณา เช่น พยัคเฆ นาเค วิเส ภูเต อะกาละมะระเณนะ วา สัพพัสมา มะระณา มุตโต ฐะเปตวา กาละมาริตัง แปลว่า (เมื่อศึกษาปฏิบัติตามคาถานั้นแล้ว) ก็จะปลอดพ้นภัยจากเสือ งูพิษ ภูตผี หรือจากอกาลมรณะ (ความตายที่ยังไม่สมควรแก่เวลา) ยกเว้นกาลมรณะ (ความตายตามเวลาที่สมควร เช่น สิ้นอายุ หรือสิ้นบุญ) ไม่ได้สอนให้สวดเพื่อจะได้ไม่ตาย เพราะถ้าเป็นกาลมรณะ ท่านก็บอกไว้ด้วยว่าช่วยไม่ได้ ก็เป็นการพูดตามเหตุผล และอีกตอนหนึ่งว่า สุทธะสีลัง สะมาทายะ ธัมมัง สุจะริตัง จะเร ตัสเสวะ อานุภาเวนะ โหตุ เทโว สุขี สะทา แปลว่า ควรสมาทานศีลให้บริสุทธิ์ ประพฤติธรรมให้สุจริต ด้วยอานุภาพแห่งการประพฤติเช่นนั้น ขอให้มีความสุขทุกเมื่อ นี่ก็สอนให้ทำความดีก่อน จะมีความสุขได้ก็เพราะอานุภาพแห่งความดี ไม่ใช่ขอให้มีสุขขึ้นมาลอยๆ กระผมเห็นว่า ก่อนที่จะปัดทิ้งไปทั้งหมด น่าจะเลือกเอาส่วนที่มีสาระไว้ เปลือกทุเรียนกินไม่ได้ ก็ทิ้งไป แต่เนื้อทุเรียนพอเลือกกินได้นะครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
เฒ่ายิ้มแย้ม
วันที่ 19 ธ.ค. 2554

ขอขอบพระคุณ และอนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
paderm
วันที่ 20 ธ.ค. 2554

เรียน ความเห็นที่ 8 ครับ

พระธรรมเป็นเรื่องละเอียดลึกซึ้ง หากเอาสิ่งที่แต่งขึ้นเอง ผิดบ้าง ถูกบ้าง ก็เป็นสัทธรรมปฏิรูป ก็ทำให้ผู้อ่านเกิดความเข้าใจผิด ทำให้พระศาสนาหรือคำสอนที่แท้จริงเสื่อมไป ควรยึดหลักคำสอนที่ถูกต้องเป็นหลักสำคัญครับ เมื่อเป็นคำสอนที่ไม่ถูกต้อง ผิดบ้าง ถูกบ้าง ผู้ที่จะรับประทาน ย่อมสำคัญว่าเปลือกทุเรียน เป็นเนื้อทุเรียนได้ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
เฒ่ายิ้มแย้ม
วันที่ 25 ธ.ค. 2554

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
chatchai.k
วันที่ 21 ก.พ. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ