ความต่างของปัญญาขั้นฟัง และปัญญาที่เข้าใจว่าธรรมคือธรรม[สัมพหุลภิกขุสูตร]

 
wittawat
วันที่  19 ธ.ค. 2554
หมายเลข  20194
อ่าน  1,189

ความต่างของปัญญาขั้นฟัง และปัญญาที่เข้าใจว่าธรรมคือธรรม

ขณะที่ฟังก็เข้าใจเรื่องราวของธรรมชัดเจนอยู่แล้วว่า ไม่ใช่ขณะที่เข้าใจว่า ธรรมคือธรรม แต่ขณะที่รู้ถึงเฉพาะซึ่งลักษณะที่เป็นธรรม จึงเป็นปัญญาที่เข้าใจว่าเป็นธรรมซึ่งต้องสะสม ความเข้าใจที่จะละความต้องการ เป็นผู้ที่ละเอียด แม้อยากให้กุศลเกิดรู้ความจริง ก็เป็นความอยาก ไม่ใช่ปัญญา

อ่านข้อความเตือนสติ ทั้งหมดจากสัมพหุลภิกขุ สูตร..ข้อความเตือนสติเรื่องสัมพหุลภิกขุสูตร


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 19 ธ.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ปัญญามีหลายระดับ ปัญญาขั้นการฟัง ก็เป็นเพียง ความเข้าใจเบื้องต้น ที่เป็นธรรม

ไม่ใชเราแต่ขณะที่เข้าใจขั้นการฟัง ไม่ได้รู้ตรงลักษณะของสภาพธรรม และแม้ปัญญา

ขั้นคิดนึก ก็เป็นปัญญา ที่ไม่ได้รู้ตรงลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังเกิดขึ้น แต่ นึกคิด

ถึงสภาพธรรมที่ดับไปแล้ว จึงต้องเป็นผู้ตรง ไม่หลงเข้าใจผิดว่าปัญญาขั้นการฟัง หรือ

ปัญญาที่นึกคิดถึงสภาพธรรมที่ดับไปแล้ว เช่น เมื่อโกรธเกิดขึ้้น ก็นึกว่า นี่กำลังโกรธ

อย่างนี้ ไม่ใช่ สติที่ระลึกตรงลักษณะของสภาพธรรม เพราะนึกคิดถึงสภาพธรรมที่ดับ

ไปแล้วครับ ดังนั้นเข้าใจถูกว่า ปัญญาขั้นการฟังและนึกคิด ไม่ใช่ปัญญาที่รู้ว่าเป็น

ธรรม ไม่ใช่เรา ที่เป็นสติปัฏฐานครับ

เมื่อเข้าใจถูกตรงนี้ หน้าที่คือ ไม่ใช่อยากให้สติเกิด หรือจะทำยังไงให้สติเกิด

เพราะทุกอย่างเป็นหน้าที่ของธรรม ไม่ใช่เราที่จะทำ บังคับัญชาได้ แต่ที่สำคัญ คือ

อบรมเหตุ คือ การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมให้ถูกต้อง ก็จะเป็นเหตุให้สติเกิดเอง

เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น เมื่อไหร่ละความอยากที่จะทำ อยากให้สติเกิด และอบรมเหตุ คือ

การฟังพระธรรม นั่น คือ หนทางการอบรมปัญญาที่ถูกต้อง และหากเป็นผู้มีปัญญา

มั่นคง แม้ความอยากและอกุศลธรรมประการต่างๆ ที่เกิดขึ้น ก็เป็นแต่เพียงธรรมไม่ใช่

เรา เข้าใจจนรู้ทั่วจริงๆ ครับ ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
jaturong
วันที่ 19 ธ.ค. 2554

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 19 ธ.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ธรรม เป็นเรื่องที่ละเอียด ลึกซึ้ง ยาก แต่ไม่เหลือวิสัยสำหรับผู้ที่มีความตั้งใจ มีความจริงใจ มีความเพียร มีความอดทนที่จะฟัง ที่จะศึกษาเพื่อความเข้าใจจริงๆ ซึ่งก็จะต้องเป็นผู้เห็นประโยชน์ของพระธรรม เท่านั้น ที่จะได้สาระจากพระธรรม เหตุที่จะให้ปัญญาเจริญขึ้น ต้องอาศัยการคบกัลยาณมิตรผู้มีปัญญา พร้อมทั้งได้ฟังธรรม ศึกษาพระธรรม พิจารณาไตร่ตรองในเหตุในผลของพระธรรม เมื่อไม่ขาดการฟังพระธรรม ให้เวลากับพระธรรม ปัญญาย่อมเจริญขึ้นอย่างแน่นอน การที่จะมีปัญญาในขั้นของการระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่มีจริงว่าเป็นธรรมไม่ใช่เราได้นั้น ก็ต้องได้เคยสะสมการฟัง เคยสะสมปัญญาในขั้นของการฟัง เพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกมาแล้ว มิฉะนั้น ก็จะไม่มีเหตุปัจจัยให้สติและปัญญาเกิดขึ้น ระลึกรู้ตรงลักษณะของสภาพธรรมได้เลย ดังนั้น ปัญญาจะเจริญขึ้นไปตามลำดับได้นั้น สิ่งสำคัญ คือ ต้องเป็นผู้มีปกติสะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปตามลำดับ จากการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมอบรมเจริญปัญญาเป็นปกติในชีวิตประจำวัน ไม่ใช่ใจร้อนอยากให้กุศลเกิด อยากให้สติปัฏฐานเกิด เพราะในขณะที่อยากเป็นอกุศล เป็นเครื่องกั้นแล้วในขณะนั้น ครับ

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณwittawatและทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
Sam
วันที่ 19 ธ.ค. 2554

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
เซจาน้อย
วันที่ 19 ธ.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
ธนฤทธิ์
วันที่ 20 ธ.ค. 2554
ขอขอบคุณและขออนุโมทนาครับ
 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ