อานาปานสติ คืออะไร ทำอย่างไร ได้ประโยชน์อย่างไร

 
นันทภพ
วันที่  24 ธ.ค. 2554
หมายเลข  20218
อ่าน  237,613

อานาปานสติ เป็นเรื่องสำคัญมากที่สุด ขอให้ท่านแสดงความคิดเห็น สั้นๆ พอดี ครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 24 ธ.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

อานาปานสติคืออะไร อานาปานสติ คือสติที่ระลึกรู้เป็นไปในลมหายใจ ซึ่งก็ต้องเป็นผู้ละเอียดว่าไม่ใช่มีแต่สติเท่านั้นแต่ต้องมีปัญญาด้วย ซึ่งอานาปานสติมีทั้งที่เป็นในสมถภาวนาและวิปัสสนาภาวนา

อานาปานสติ มีประโยชน์อย่างไร ถ้าอบรมถูก ด้วยความเข้าใจถูก หากอบรมโดยนัยสมถภาวนาก็ถึงฌานขั้นสูงสุด แต่ไม่สามารถดับกิเลสได้ แต่ถ้าอบรมโดยนัยวิปัสสนา ย่อมถึงการดับกิเลสเป็นพระอรหันต์ได้ครับ

ทำอย่างไร ก็ต้องเข้าใจเบื้องต้น ว่าใครทำ เราหรือธรรม หากไม่มีความเข้าใจเบื้องต้น แม้แต่คำว่า ธรรมคืออะไร ให้ถูกต้อง ไม่ต้องกล่าวถึงอานาปานสติ แม้แต่การเจริญสติปัฏฐานที่เป็นปกติในชีวิตประจำวันก็ไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลย ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องที่จะทำ แต่เป็นเรื่องที่จะค่อยๆ เข้าใจ ซึ่งในพระไตรปิฎกแสดงถึงเรื่องอานาปานสติ ว่าเป็นอารมณ์ของมหาบุรุษ คือผู้ที่ปัญญามาก สะสมบารมีมามาก จึงจะอบรมอานาปานสติได้ เพราะอานาปานสติเป็นอารมณ์ที่ละเอียดลึกซึ้งอย่างยิ่ง หากอยากจะทำ ก็ไม่มีทางถึง เพราะด้วยความต้องการ ไม่ใช่ด้วยความเข้าใจครับ

ขณะนี้ กำลังหายใจ แต่ไม่รู้เลยว่ากำลังหายใจอยู่ และหากบอกว่ารู้ไหมที่กำลังหายใจขณะนี้ ก็ตอบได้ว่ากำลังหายใจ แต่การรู้ว่ากำลังหายใจอยู่ ไม่ใช่เป็นการเจริญวิปัสสนาที่เป็นอานาปานสติเลยครับ ซึ่งการเจริญวิปัสสนาต้องมีสภาพธรรมที่มีจริงเป็นอารมณ์ให้สติและปัญญารู้ นั่นคือ ขณะที่หายใจ มีอะไรปรากฏที่กำลังหายใจ ขณะที่มีลมกระทบ ก็มี เย็น-ร้อน เป็นต้น สภาพธรรมเหล่านี้มีจริง ก็รู้ความเป็นธรรม ไม่ใช่เรา ขณะที่หายใจ เช่น เย็นก็เป็นธรรมไม่ใช่เราขณะที่สติและปัญญาเกิดในขณะนั้นครับ ทีละขณะ แต่ละสภาพธรรมครับ

อานาปานสติ เป็นอารมณ์ที่ละเอียด แต่ก็ต้องไม่ลืมคำนี้เสมอ คำว่า "อนัตตา" บังคับบัญชาไม่ได้ การอบรมโดยนัยสมถและวิปัสสนา ไม่มีตัวตนที่จะเลือกอารมณ์ เช่น จะเลือกเป็นไปในอานาปานสติ เป็นต้น แล้วแต่สติและปํญญาว่าจะเกิดระลึกรู้สภาพธัมมะอะไร ซึ่งอาจรู้สภาพธัมมะที่มีจริงในขณะนี้ เช่น เห็น ได้ยิน เสียง เป็นต้น ก็ได้ครับ ขอให้เข้าใจความจริงก่อนนะครับ ว่า การศึกษาพระไตรปิฎกไม่ว่าในส่วนใดหรืออภิธรรมก็เพื่อเข้าใจความจริงของสภาพธัมมะที่มีในขณะนี้ว่าไม่ใช่เรา เป็นแต่เพียงธรรม และอภิธรรมก็มีอยู่ในขณะนี้เองครับ เพียงแต่ว่าเราจะรู้ชื่อหรือจะเข้าใจความจริงของอภิธรรมที่มีอยู่ในขณะนี้ รู้ว่าเป็นธรรม ไม่ใช่เรา นี่คือจุดประสงค์ของการอบรมปัญญาดับกิเลสครับ แม้ขณะที่หายใจก็มีสภาพธัมมะที่มีจริง คือ เย็น-ร้อน ที่อาศัยเนื่องอยู่กับลมหายใจ แต่ก็แล้วแต่สติว่าจะเกิดระลึกสภาพธัมมะอะไรครับ แต่เบื้องต้นในการอบรมปัญญาและการศึกษาธัมมะที่ถูก คือเพื่อเข้าใจความจริงของสภาพธัมมะที่มีในขณะนี้ว่าเป็นธรรม เพราะอภิธรรมอยู่ในชีวิตประจำวัน

เรื่องที่สำคัญที่สุด คือ ความเข้าใจถูก นั่นคือปัญญา ซึ่งปัญญาจะเจริญได้ก็ต้องเริ่มจากปัญญาขั้นการฟัง ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจเป็นเบื้องต้น เพราะเมื่อมีความเข้าใจเบื้องต้น ก็สามารถทำให้เข้าใจในคำแต่ละคำและหนทางปฏิบัติที่ถูกต้อง แม้แต่เรื่องของอานาปานสติ ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
dets25226
วันที่ 24 ธ.ค. 2554

อนุโมทนาคำตอบของอาจารย์ยิ่งครับ

หมายเหตุ.- การปฏิบัติ เพื่อรู้ธรรมนั้น เราจะขาดความเข้าใจถูกหรือปัญญาไม่ได้เลยครับ และก็คำว่า "ปัญญา" เป็นของสั่งสมเพราะละเอียดยิ่งเกินกว่าที่เราคิดนักฯ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
เซจาน้อย
วันที่ 24 ธ.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
khampan.a
วันที่ 24 ธ.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

อานาปานสติ เป็นสติที่มีลมหายใจเป็นอารมณ์ เป็นได้ทั้งสมถภาวนาและวิปัสสนาภาวนา ซึ่งจะขาดปัญญาไม่ได้เลยทั้งสมถภาวนาและวิปัสสนา แต่ผลต่างกัน เพราะสมถภาวนาเพียงระงับกิเลสด้วยการข่มไว้เท่านั้น ไม่สามารถดับกิเลสใดๆ ได้เลย แต่ถ้าเป็นวิปัสสนาหรือสติปัฏฐานแล้ว สามารถทำให้รู้แจ้งสภาพธรรมตามความเป็นจริง ดับกิเลสได้ตามลำดับขั้น สูงสุดคือถึงความเป็นพระอรหันต์ดับกิเลสทั้งปวงได้อย่างหมดสิ้น

เรื่องเจริญสติปัฏฐาน เป็นเรื่องของปัญญาที่เข้าใจสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง สติเกิดขึ้นระลึกและปัญญารู้ตรงลักษณะของสภาพธรรมในขณะนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงสติปัฏฐานไว้ ๔ ประการ ไม่ใช่เพียงประการเดียวเท่านั้น การเจริญสติปัฏฐานไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่ว่าเป็นเรื่องที่จะต้องอาศัยการฟังในสิ่งที่มีจริงเนืองๆ บ่อยๆ พิจารณาเหตุผลแล้วก็เจริญเหตุให้สมควรแก่ผลด้วย

ข้อสำคัญประการหนึ่ง ก็คือ จะต้องไม่เข้าใจผิดว่าเป็นสติปัฏฐานเฉพาะบางสิ่งบางประการ หรือเลือกเจาะจงเฉพาะบางนามธรรม บางรูปธรรม แต่ต้องเข้าใจให้ถูกต้องตามความเป็นจริงว่าทุกอย่างที่เป็นจริง ไม่ว่าจะเป็นทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ นั้น เป็นสติปัฏฐานทั้งสิ้น เพราะเป็นที่ตั้งให้สติสัมปชัญญะเกิดขึ้นระลึกรู้ตามความเป็นจริงได้ ลมหายใจก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย เพราะลมหายใจเป็นส่วนหนึ่งของกาย เป็นสภาพที่ปรุงแต่งกาย และเคยยึดถือว่าเป็นลมหายใจของเรา เป็นเราหายใจ แต่ขณะที่สติปัฏฐานเกิดขึ้น รู้ลักษณะของสิ่งที่กำลังปรากฏ คือธาตุดิน ธาตุไฟ หรือธาตุลม เริ่มที่จะเข้าใจว่าเป็นสภาพธรรมอย่างหนึ่งซึ่งมีลักษณะอย่างนั้นเอง คือเป็นธาตุที่ไม่รู้อารมณ์ (คือเป็นรูปธรรม) เป็นการถ่ายถอนความเข้าใจผิดที่เคยยึดถือว่าเป็นเราที่หายใจหรือเป็นลมหายใจของเรา ทั้งนี้ แล้วแต่ว่าสติจะระลึกรู้ลักษณะใด โดยไม่จำกัดและไม่เจาะจง เพราะเป็นอนัตตาไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น ครับ

... ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ ...

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
intra
วันที่ 25 ธ.ค. 2554

ขอบคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
wannee.s
วันที่ 25 ธ.ค. 2554

อานาปานสติ เป็นอารมณ์ของพระพุทธเจ้า และมหาสาวก

ปุถุชน เจริญอานาปานสติได้ยากมาก ถ้าเจริญอานาปานสติผิด สังสารวัฏฏ์ที่ยาวอยู่แล้ว ก็ยิ่งยาวออกไปอีกนับชาติไม่ได้ ควรเริ่มต้นที่ความเข้าใจถูกก่อน คือการศึกษาแนวทางเจริญสติปัฏฐานค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
วิริยะ
วันที่ 27 ธ.ค. 2554

ขอเรียนถามความเห็นที่ 7 ค่ะ ว่า ทำไมจึงกล่าวว่า ถ้าเจริญอานาปานสติผิด สังสารวัฏฏ์ที่ยาวอยู่แล้ว ก็ยิ่งยาวออกไปอีกนับชาติไม่ได้

ขอความกรุณาขยายความด้วยค่ะ ดิฉันไม่ให้ลูกไปนั่งสมาธิดูลมหายใจ ไม่ให้ไปเดินจงกรม และได้รับคำถามจากคนรอบข้างว่า ทำไม ดิฉันตอบได้เพียงว่า นี่ไม่ใช่หนทางที่ถูก คนรอบข้างบอกว่า เด็กยังไม่สามารถเข้าใจพระธรรมที่ดิฉันศึกษาได้หรอก ยังไงก็ให้เริ่มจากพื้นๆ เช่นนี้ไปก่อน ฟังแล้วกลุ้มใจจริงๆ ค่ะ กลุ้มเพราะว่า อธิบายให้คนเข้าใจไม่ได้ และตัวเองก็ไม่ได้เข้าใจในระดับแจ่มแจ้ง ทราบเพียงว่า ถ้ามีตัวตนไปกระทำ นั่งเพ่ง นั่งจ้อง สิ่งนี้ก็ไม่ถูกเสียแล้ว ถ้าจะให้เหตุผลว่า เราเป็นปุถุชน ไม่ใช่มหาบุรุษ จึงไม่ควรทำอานาปานสติเช่นนี้ ไม่ทราบว่าจะเพียงพอมั้ยคะ ขอทราบความเห็นค่ะ

ขอบพระคุณอย่างสูง

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
paderm
วันที่ 27 ธ.ค. 2554

เรียน ความเห็นที่ 9 ครับ

การกระทำอะไรก็ตาม หากไม่ศึกษาให้เข้าใจก่อนเป็นเบื้องต้น ทำตามที่คนอื่นบอกโดยที่ไม่รู้ว่าทำไมต้องทำ และทำ ทำไม ก็จะไม่เป็นปัญญาของตนเอง เมื่อไม่ใช่ปัญญา ทำด้วยความไม่รู้ ก็จะทำให้ปฏิบัติในหนทางที่ผิด สังสารวัฏฏ์ก็ยืดยาวออกไป ไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งอานาปานสติเป็นอารมณ์ที่ละเอียดของมหาบุรุษผู้มีปัญญามาก ดังนั้น เรายังไม่เข้าใจ แม้แต่คำว่า ธรรมคืออะไร ก็ไม่มีทางที่จะถึงการดับกิเลสได้ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
Rodngoen
วันที่ 15 ก.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
nopwong
วันที่ 16 ก.ค. 2556

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
thilda
วันที่ 22 ก.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
Sumrong
วันที่ 27 ก.พ. 2559

ขออนุโมทนาบุญครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
Pornphimon
วันที่ 22 ส.ค. 2559

เป็นสื่อที่ดีสำหรับคนที่แสวงหาในความสงบและความดี

ขออนุโมทนาเจ้าค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 29  
 
ประสาน
วันที่ 7 ก.พ. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

การศึกษาพระธรรมต้องเป็นผู้ละเอียด

 
  ความคิดเห็นที่ 31  
 
ชัยวิชิต
วันที่ 16 มิ.ย. 2561

อนุโมทนาสาธุ ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 32  
 
Khachen
วันที่ 27 ส.ค. 2562

อนุโมทนา บุญ ที่ให้ความกระจ่าง ครับ

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 33  
 
chatchai.k
วันที่ 8 มิ.ย. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 35  
 
อะไรก็ได้
วันที่ 13 พ.ย. 2563

อนุโมทนา สาธุค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 36  
 
chatchai.k
วันที่ 17 ม.ค. 2564

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

อบรมปัญญาให้เข้าใจความจริง จะเป็นประโยชน์ทั้งชาตินี้ และชาติต่อๆ ไป กุศลที่ทำได้เสมอๆ คือ การฟังพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง มีคุณค่ามหาศาลสำหรับชีวิตที่ต้องเดินทางต่อไป อีกแสนไกล และกันดาร

ขอเชิญศึกษาพระธรรม ...

รวมลิงก์เมนูต่างๆ ในเว็บไซต์

พระไตรปิฎก

ฟังธรรม

วีดีโอ

ซีดี

หนังสือ

กระดานสนทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 37  
 
Kalaya
วันที่ 28 ก.พ. 2564

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 41  
 
chatchai.k
วันที่ 11 เม.ย. 2565

อบรมปัญญาให้เข้าใจความจริง จะเป็นประโยชน์ทั้งชาตินี้ และชาติต่อๆ ไป กุศลที่ทำได้เสมอๆ คือ การฟังพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง มีคุณค่ามหาศาลสำหรับชีวิตที่ต้องเดินทางต่อไป อีกแสนไกล และกันดาร

ขอเชิญศึกษาพระธรรม...

รวมลิงก์เมนูต่างๆ ในเว็บไซต์

พระไตรปิฎก

ฟังธรรม

วีดีโอ

ซีดี

หนังสือ

กระดานสนทนา

การที่ได้มีโอกาสศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม ทำให้มีความเข้าใจตามความเป็นจริงว่า ทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏแล้วก็หมดไป ไม่ว่าจะเป็นทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ จิตทุกขณะเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป หมดไป ไม่มีอะไรเหลือเลยจริงๆ จากภพหนึ่งไปอีกภพหนึ่ง ดังนั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ สิ่งที่ควรสั่งสมไปทุกภพทุกชาติ นั่นก็คือ กุศล (รวมถึงการอบรมเจริญปัญญา ในชีวิตประจำวันด้วย)

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ