สถานที่จิตสถิตอยู่ คือที่ไหน

 
นาวาเอกทองย้อย
วันที่  2 ม.ค. 2555
หมายเลข  20291
อ่าน  3,145

จิตสถิตอยู่ที่ไหน ตามคัมภีร์ก็ว่าที่หทัยวัตถุ คือก้อนเนื้อหัวใจ แต่คนสมัยใหม่ แย้งว่า จิตสถิตอยู่ที่มันสมองในกะโหลกศีรษะ โดยให้เหตุผลว่า เวลาเราคิดอะไรมากๆ ก็มักจะปวดศีรษะ (ปวดสมอง) นี่แสดงว่าจิตสถิตอยู่ที่มันสมอง ตกลงว่า จิตสถิตที่ไหนแน่ ถ้าไม่ใช่ที่สมอง การที่เวลาคิดอะไรมากแล้วปวด ศีรษะ เป็นเพราะอะไร นอกจากที่หทัยวัตถุ (หรือที่สมอง) แล้ว จิตจะสถิตอยู่ที่อื่น เช่น ที่ตับ ที่ปอด ได้ หรือไม่

ขออนุโมทนาขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วยครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 2 ม.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ตามสัจจะที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง จิต และเจตสิกเมื่อเกิดขึ้น จะต้องมีที่เกิดขึ้น ที่ เป็นที่เกิดของ จิตและเจตสิก ทีเกิดของจิตและเจตสิก เรียกว่า วัตถุ ซึ่ง วัตถุที่เป็น ที่เกิดของจิตและเจตสิก มี ๖ เรียกว่า วัตถุ ๖ มีดังนี้ จักขุปสาทรูป เป็นที่เกิดของจิต เห็น (จักขุวิญญาณจิต ๒ ดวง) โสตปสาทรูป เป็นที่เกิดของจิตได้ยิน (โสตวิญญาณ จิต ๒ ดวง) ฆานปสาทรูป เป็นที่เกิดของจิตได้กลิ่น (ฆานวิญญาณจิต ๒ ดวง) ชิวหา ปสาทรูป เป็นทีเกิดของจิตได้กลิ่น (ชิวหาวิญญาณจิต ๒ ดวง) กายปสาทรูป เป็น ทีเกิด ของจิตรู้กระทบสัมผัส (กายวิญญาณจิต ๒ ดวง) หทยรูป เป็นทีเกิดของจิตที่ เหลือทั้งหมด นอกเหนือจาก ทวิปัญจวิญญาณจิต ๑๐ ดวงตามที่กล่าวมาครับ

ดังนั้น เราจะต้องเข้าใจว่า จิตไม่ได้มีดวงเดียวตามที่เราเข้าใจกัน แต่จิตมีหลาย ประเภท และอาศัยเหตุปัจจัยจึงเกิดขึ้น ไม่ใช่จิตมีอยู่แล้ว ไปสถิตอยู่ที่ใดที่หนึ่งครับ ซึ่ง เมื่อจิตประเภทใดเกิด ก็ต้องมีที่เกิด และ การจะเกิดในที่เกิด ที่เป็น วัตถุ ๖ ก็แล้ว แต่ว่า จิตนั้นที่เกิด เป็นจิตประเภทอะไรครับ จึงไม่จำเป็นที่ จิตจะไปเกิดอยู่ที่หทยรูป เสมอครับ ยกตัวอย่างเช่น ขณะที่เจ็บหัว ที่กล่าว่า คิดมาก แล้วปวดหัว แสดงว่า จิต อยู่ที่สมอง เพราะคิดแล้วปวดหัว

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 2 ม.ค. 2555

ซึ่งขออธิบายดังนี้ครับ ขณะที่คิด เป็นจิตที่คิด ซึ่ง ขณะที่คิด ก็เป็นกุศลจิต หรือ อกุศลจิต ดังนั้น จิตที่คิด จึงเกิดที่หทยรูป ไม่ได้เกิดที่สมอง แต่ที่ปวดหัว ก็ต้องเข้า ใจครับว่า รูปที่เกิดจากจิตมี คือ เมื่อจิตเกิดโดยมากก็มีรูปทีเกิดจากจิตด้วย ซึ่งหาก คิดด้วยกุศลจิต รูปที่เกิดจากจิตก็เป็นรูปที่ดี ประณีต ผ่องใส ไม่ทำให้ปวดหัว แต่ แช่มชื่น สดใส ด้วยกุศลจิตครับ เพราะรูปที่เกิดร่วมด้วยดี แต่ที่ปวดหัว เพราะคิดมาก คิดด้วยอกุศลนั่นเอง ขณะที่คิดด้วยอกุศล จิตนั้นเกิดที่หทยรูป แต่เพราะคิดด้วยอกุศล รูปที่เกิดจากจิตที่เป็นอกุศล ก็เป็นรูปที่ไม่ดี ทำให้มีผลกับร่างกาย ที่เป็นการประชุมรวม กันของรูปธรรม ทำให้มีอาการปวดหัว เพราะความไม่เสมอกันของรูปธรรม เพราะคิด ด้วยอกุศลบ่อยๆ คิดมากด้วยอกุศล รูปที่เกิด จึงไม่ดี ทำให้ปวดหัวครับ แต่ขณะที่คิด ด้วยอกุศล จิตอกุศลนั้นเกิดที่ทยรูป ไม่ใช่สมอง แต่ขณะที่ปวดหัว ขณะนั้นเป็นจิตที่ เกิดขึ้นอีกเช่นกัน คือ ทุกขกายวิญญาณ อันเป็นจิตที่เกิดที่กายปสาทรูปครับ ซึ่ง ใน ร่างกายเรา มี กายปสาทรูป ที่เป็นรูปที่รับกระทบสัมผัส ซึมซาบอยู่ทั่วทั้งตัว และที่ ศีรษะด้วยครับ ก็มี กายปสาทรูป ดังนั้น ขณะที่ปวดหัว ก็คือ จิตที่เป็นทุกขกายวิญญาณ ที่เกิดที่กายปสาทรูป บริเวณศีรษะนั่นเองครับ

ดังนั้น จากที่กล่าวมา จึงไม่มีจิตเกิดที่สมอง เกิดที่ ตับ ไต แต่เกิดที่ วัตถุ ๖ ประการ ตามที่กล่าวมาครับ ซึ่งขณะที่ปวดท้อง อาจจะสมมติว่าปวดที่บริเวณตับ แต่จริงๆ แล้ว จิตไมได้เกิดที่ตับ แต่ จิตเกิดที่กายปสาทรูป ที่อยู่ในช่องท้องได้ครับ และก็สมมติกันว่า คือ ตับ

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 2 ม.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

จิต เป็นสภาพธรรมที่มีจริง เป็นสภาพธรรมที่เป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้แจ้งอารมณ์ เป็นสภาพธรรมที่สั้นแสนสั้น มีอายุเพียงแค่ขณะที่เกิดขึ้นขณะที่ตั้งอยู่และขณะที่ดับไปเท่านั้น เมื่อจิตขณะหนึ่งเกิดแล้วดับไปก็เป็นปัจจัยให้จิตขณะต่อไปเกิดสืบต่อ เมื่อกล่าวถึงจิตแล้ว ไม่ใช่ว่าจะต้องมีเฉพาะจิตเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ยังมีสภาพธรรมอีกประเภทที่เกิดร่วมกับจิต นั้นด้วย เมื่อเกิดร่วมกับจิต ก็ต้องรู้อารมณ์เดียวกันกับจิต ดับพร้อมกับจิต และในภูมิที่มีขันธ์ ๕ ก็ต้องอาศัยที่เกิดที่เดียวกันกับจิต ด้วย สภาพธรรมที่กล่าวนั้น คือ เจตสิก จิตและเจตสิก ไม่ได้สถิตย์อยู่ที่ไหน เพราะเกิดแล้ว ดับแล้ว และในขณะที่เกิดนั้นก็จะต้องมีที่อาศัยเิกิดของจิตและเจตสิก ด้วย ที่เกิดของจิตและเจตสิก เรียกว่า วัตถุรูป ไม่ได้มีเฉพาะหทยวัตถุเท่านั้น ที่เป็นที่เกิดของจิต ยังมีอีก ๕ วัตถุรูปอันเป็นที่เกิดของจิตและเจตสิก ได้แก่ จักขุวัตถุ เป็นทีเ่กิดของจักขุวิญญาณ (และเจตสิกทีเ่กิดรูปด้วย) โสตวัตถุ เป็นทีเ่กิดของโสตวิญญาณ (และเจตสิกที่เกิดร่วมด้วย) ฆานวัตถุ เป็นที่เกิดของฆานวิญญาณ (และเจตสิกที่เกิดร่วมด้วย) ชิวหาวัตถุ เป็นที่เกิดของชิวหาวิญญาณ (และเจตสิกที่เกิดร่วมด้วย) และ กายวัตถุ เป็นที่เกิดของกายวิญญาณ (และเจตสิกที่เกิดร่วมด้วย) จิตที่เหลือทั้งหมดนอกจากที่กล่าวมาแล้ว เกิดที่ทยวัตถุทั้งหมด จิตและเจตสิกจะเกิดที่อื่นไม่ได้ นอกจากเกิดที่วัตถุรูป ๖ รูป ตามสมควรแก่จิตประเภทนั้นๆ [ถ้าเป็นในอรูปพรหมภูมิไม่มีรูปธรรม มีเฉพาะนามธรรม จิตและเจตสิก อาศัยกันและกันเกิดขึ้น] ครับ

ขอเชิญคลิกอ่านข้อความเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ

จักขุวัตถุ

โสตวัตถุ

ฆานวัตถุ

ชิวหาวัตถุ

กายวัตถุ

วัตถุ ๖

หทยรูปเป็นรูปซึ่งเป็นที่เกิดของจิต

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
วิริยะ
วันที่ 3 ม.ค. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
เซจาน้อย
วันที่ 3 ม.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
wannee.s
วันที่ 3 ม.ค. 2555

จิตไม่มีที่อยู่ จิตเกิดที่ไหน ก็ดับที่นั้น เช่น จิตเห็นเกิดที่ไหนก็ดับที่นั่น จิตได้ยิน เกิดที่ไหนก็ดับที่นั่น จิตได้กลิ่นเกิดที่ไหนก็ดับที่นั่น จิตลิ้มรสเกิดที่ไหนก็ดับที่นั่น จิตกระทบสัมผัสเกิดที่ไหนก็ดับที่นั่น จิตคิดนึกเกิดที่ไหนก็ดับที่นั่น เช่นกัน ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
raynu.p
วันที่ 7 ม.ค. 2555

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
captpok
วันที่ 8 ม.ค. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
chatchai.k
วันที่ 24 พ.ย. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ